Talk of The Town

รวบ 5 หุ้น IPO สุดแสบ! หลังเข้าตลาด...กำไรดิ่งเหว


19 เมษายน 2567

ปัจจุบัน มีบริษัทแห่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่นักลงทุนเคยสงสัยกันหรือไม่ว่า ภายหลังจากเข้าตลาดหุ้นแล้ว บริษัทเหล่านั้น มีผลประกอบการเป็นเช่นไร 

TOT แนวนอน รวบ 5 หุ้น IPO สุดแสบ!.jpg

ทีมข่าว Share2Trade ได้รวบรวมบริษัท ที่ภายหลังจากเข้าตลาดหุ้น แต่มีผลประกอบการปรับตัวลดลง เช่นเดียวกันกลับราคาหุ้น ที่เคลื่อนไหวในระดับต่ำกว่าราคา IPO ซึ่งจะมีใครกันบ้าง บทความนี้หาคำตอบให้แล้ว

เริ่มที่ บริษัท วินโดว์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ WINDOW เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2566 ด้วยราคาเปิดการซื้อขายที่ 2.84 บาท เพิ่มขึ้น 35.24% จากราคาไอพีโอที่ 2.10 บาท แต่ล่าสุด ณ วันที่ 11 เม.ย.2567 ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 1.11 บาท ลดลง 47.14% จากราคาไช IPO

ขณะที่ผลประกอบการปี 2566 มีกำไรสุทธิ 21.60 ล้านบาท ลดลง 71% จากปีก่อนหน้า เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในการขายและค่าใช้จ่าย ในการบริหารเพิ่มขึ้นจากการประชาสัมพันธ์องค์กร ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ค่าธรรมเนียมและค่าที่ปรึกษา และค่างานประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายหุ้น IPO

รวมทั้งรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนและขาดทุนจากการด้อยค่าเงินลงทุนในเคหะสุขประชา 23.68 ล้านบาท และ 22.32 ล้านบาท ตามลำดับ

ต่อกันที่ SAF บริษัท เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันแรกเมื่อวันที่ 19 ม.ค.2566 ด้วยราคาเปิดการซื้อขายที่ 4.80 บาท เพิ่มขึ้น 148.70% จากราคาไอพีโอ 1.93 บาท แต่ล่าสุด ณ วันที่ 11 เม.ย.2567 ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 0.74 บาท ลดลง 61.66% จากราคา IPO

ขณะที่ผลประกอบการปี 2566 มีกำไรสุทธิ 1.27 ล้านบาท ลดลง 87.32% จากปี 2565 เนื่องจาก รายได้จากการขายและบริการที่ลดลง จากสภาวะชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งต้นทุนวัตถุดิบเพื่อขายและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น

ตามด้วย บริษัท พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช จำกัด (มหาชน) หรือ PQS เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2566 เป็นวันแรก 14 บาท เพิ่มขึ้น 133% จากราคา IPO ที่ 6 บาท แต่ล่าสุด ณ วันที่ 11 เม.ย.2567 ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 2.88 บาท ลดลง 52% จากราคา IPO

ขณะที่ผลประกอบการปี 2566 มีกำไรสุทธิ 135.8 ล้านบาท ลดลง 56.4% จากปีก่อน เนื่องจาก ปริมาณการขายที่ลดลง ประกอบกับต้นทุนมันสำปะหลังต่อหน่วยที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิในปีนี้อยู่ที่ 5.7% ลดลงจาก11.2% ในปีก่อน

อีกหนึ่งบริษัทที่ต้องเอ่ยถึง คือ NTSC หรือ บริษัท นิวทรีชั่น เอสซี จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันแรกเมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2566 ด้วยราคาเปิดการซื้อขายที่ 38 บาท เพิ่มขึ้น 44.76% จากราคา IPO ที่ 26.25 บาท แต่ล่าสุด ณ วันที่ 11 เม.ย.2567 ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 13.6 บาท ลดลง 48.19% จากราคา IPO 

ขณะที่ผลประกอบการปี 2566 มีกำไรสุทธิ 69.56 ล้านบาท ลดลง 9.7% จากปีก่อน เนื่องจาก ยอดขายที่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ยังสามารถคงอัตรากำไรสุทธิ 7.3% ซึ่งเท่ากับปี 2565 เนื่องจากบริษัทมีการบริหารต้นทุนทางการเงินได้ดีในปี 2566 จากการบริหารจัดการภายในและการใช้วงเงินระยะสั้นจากสถาบันการเงินและหนี้สินภายใต้ทรัสต์รีซีท ลดลง 1 ล้านบาท ในช่วงปี 2566

ปิดท้ายกันที่ บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ DEXON เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันแรกเมื่อ 31 มี.ค. 2566 ด้วยราคาเปิดการซื้อขายที่ระดับ 4.56 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท หรือ 1.33% จากราคา IPO ที่ 4.50 บาท แต่ล่าสุด ณ วันที่ 11 เม.ย.2567 ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 2.04 บาท ลดลง 54.67% จากราคา IPO

ขณะที่ผลประกอบการปี 2566 มีกำไรสุทธิ 50 ล้านบาท ลดลง 52% สาเหตุการลดลงมาจากต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น 20% และ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 21%

รวบ 5 หุ้น IPO สุดแสบ-01.jpg

IPO