จิปาถะ

ส่องสถิติ "ราคาทอง" 4 เดือน พุ่ง 8,000 บาท ลุ้นอาจพุ่งแตะ 4.4 หมื่นบาท


18 เมษายน 2567

ส่องสถิติ"ราคาทอง" 4 เดือนปี 67 พุ่ง 8,000 บาท ให้ผลตอบแทนกว่า 23% นายกสมาคมค้าทองคำ"จิตติ" ชี้ยังมีโอกาสทำกำไรได้อีก คาดแนวโน้มปรับขึ้นแตะ 44,000 บาท ภายในไตรมาส 2 ปีนี้ จากปัจจัยธนาคารกลางเข้าซื้อทองคำเพิ่มเพื่อเป็นทุนสำรอง และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์

ส่องสถิติ ราคาทอง copy.jpg

ราคาทองคำพุ่งอย่างต่อเนื่อง แม้จะแรงเทขายออกมาบ้าง แต่แรงซื้อกลับเข้ามาค่อนข้างแกร่งกว่า จากสถิติการปรับขึ้นของราคาทอง นับตั้งแต่ต้นปีมา ( 1 ม.ค.-17 เม.ย.67 ) จาก การรวบรวมของ "ฐานเศรษฐกิจ" โดยอ้างอิงราคาประกาศของสมาคมค้าทองคำ

พบว่าตั้งแต่ต้นปี 67 เป็นต้นราคาทองในประเทศปรับขึ้นมาแล้วถึง 8,000 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนถึง 23.77% โดยเฉพาะเป็นการปรับขึ้นในช่วง 2 เดือนหลัง ( เดือน มี.ค.- 17 เม.ย.67 ) ถึงบาทละ  7,050 บาท หรือปรับเพิ่มถึง 21% โดยราคาทองคำแท่งขายทำสถิติสูงที่บาทละ 41,650.00 บาท และราคาต่ำสุดบาทละ  33,400.00 บาท

ล่าสุดวันนี้ (18 เม.ย.67) เมื่อเวลา 09.40 น. ราคาทองปรับลดลงรวม 300 บาท  ราคาทองคำแท่งขายที่บาทละ   41,350.00 บาท และราคาทองรูปพรรณขายที่บาทละ 41,850.00 บาท

สกรีนช็อต 2024-04-18 125701.png

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวกับ ฐานเศรษฐกิจ ว่าแนวโน้มราคาทองยังมีโอกาสปรับขึ้น คาดอาจถึง 44,000 บาท ภายในไตรมาส 2 ปีนี้ ปัจจัยหลักมาจากการที่ธนาคารกลางหลายประเทศเข้าซื้อทองคำเพิ่มเพื่อเป็นทุนสำรอง จากผลกระทบจากความตึงเครียดในสถานการณ์ตะวันออกกลาง ส่วนการที่เฟดชะลอการปรับลดดอกเบี้ย ไม่มีน้ำหนักต่อราคาทองมากนัก

"การที่แบงก์กลางเปลี่ยนจากที่เคยใช้เงินสกุลดอลลาร์เป็นทุนสำรอง มาเป็นทองคำแทน มองเป็นการถือนาน มีความเสถียร ส่งผลให้ราคาทองซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นได้อีก โดยสมาคมค้าทองคำคาดว่า ตลาดทองโลกภายในปีนี้อาจปรับขึ้นถึง 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ แต่ไม่น่าถึง 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ  ดังนั้นใครที่คิดจะเข้ามาลงทุนในช่วงนี้ยังมีโอกาสทำกำไร  เช้านี้ราคาทองปรับลด 350 บาท เป็นเพียงพักฐาน เพราะยังเป็นขาขึ้นของทอง "   
ทั้งนี้การที่ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง โดยปี 2565- 2566 ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำมากกว่า 1,000 ตันต่อปี ขณะที่ปีนี้ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเดินหน้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้จีนเข้าซื้อทองคำมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ถือว่าเป็นการเข้าซื้อทองคำต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 ติดต่อกัน รองลงมาก็จะเป็นตุรกี และอินเดียตามมาเป็นอันดับ 3

ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้านนักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ป  นำโดยอาคาช โดชี หัวหน้าฝ่ายวิจัยด้านสินค้าโภคภัณฑ์ประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือของซิตี้กรุ๊ป คาดการณ์ว่าราคาทองคำมีแนวโน้มทะยานขึ้นแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ในอีก 6-18 เดือนข้างหน้านี้ จากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะยังคงเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ขณะที่นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์กล่าวว่า ทองคำเข้าสู่ภาวะตลาดกระทิงแล้ว พร้อมกับปรับเพิ่มเป้าหมายราคาทองคำขึ้นสู่ระดับ 2,700 ดอลลาร์/ออนซ์ภายในสิ้นปี 2567 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2,300 ดอลลาร์/ออนซ์

ที่มา : https://www.thansettakij.com/finance/financial-banking/593802