ภาพรวมการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทยังคงเดินหน้าปรับตัวอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดหลุดระดับ 37 บาท/ดอลลาร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นสกุลเงินที่อ่อนค่ามากที่สุดในเอเชียอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าดัชนี DXY จะเริ่มหยุดแข็งค่าแล้ว และนักลงทุนต่างชาติจะซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (22 เม.ย.) ก็ตาม
“เรากำลังจับตาตัวเลขสำคัญที่กำลังจะออกมาในช่วงที่เหลือของเดือนนี้อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขดุลการค้าหรือดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งหากออกมาอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ มีโอกาสที่เงินบาทจะปรับตัวอ่อนแอต่อเนื่องได้”บทวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ระบุ
ทั้งนี้ หากมองไปข้างหน้า มีโอกาสที่เงินบาทจะทรงตัวอ่อนค่าได้จาก 1.เทศกาลขนเงินปันผลออกนอกประเทศของนักลงทุนต่างชาติ 2. Low seasonของภาคการท่องเที่ยวไทย ซึ่งจะส่งผลต่อความอ่อนแอของดุลบริการ 3. ราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวสูง จะทำให้ต้นทุนการนำเข้าของไทยปรับตัวสูง และกระทบกับดุลการค้า
สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการอ่อนค่าของเงินบาท ส่งผลบวกต่อกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาทซึ่งได้แก่ “กลุ่มส่งออก”
ทั้งนี้กำลังจับตาดูว่าสินค้าที่มีโมเมนตั้มที่ดีมาก่อนหน้านี้อย่าง อาหารสัตว์เลี้ยง, ทูน่ากระป๋อง, ผลไม้กระป๋อง/น้ำผลไม้, ถุงมือยาง จะมีการปรับตัวดีต่อเนื่องหรือไม่ โดยคาดว่ากระทรวงพาณิชย์จะรายงานตัวเลขเดือนมีนาคมออกมาภายในสัปดาห์นี้หรือต้นสัปดาห์หน้า