Talk of The Town
COCOCO ราคาพุ่ง All Time High โบรกฯ ชี้เป็นขาขึ้นแบบไม่มีแนวต้าน จับตางบ Q1/67 กำไรทะยาน 112.4%
23 เมษายน 2567
ราคาหุ้นบริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO ในวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง โดยมีปริมาณการซื้อขายหนาแน่น จนติดอันดับกลุ่มหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ล่าสุดนักวิเคราะห์ออกมาประเมินแนวโน้มไตรมาสแรกปีนี้ กำไรยังเติบโตสูงถึง 112.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า COCOCO ราคา 11.70 บาท คือการทำ All Time High อีกครั้ง โดยเบรกแนวต้าน 11.60 บาท ขึ้นมา มองมีโอกาสเป็นขาขึ้นต่อเนื่องแบบไม่มีแนวต้าน แนะนำ "ซื้อ" ตัดขาดทุนหากลงต่ำกว่า 11.30 บาท
ส่วนนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 14.10 บาท อิงวิธี PER Multiple พิจารณาบริษัทที่มีธุรกิจใกล้เคียงกันคือ Vita Coco (COCO.US) ในสหรัฐฯที่ปัจจุบันซื้อขายบน PER67 ที่ 28.0 เท่า และ PLUS ที่ซื้อขายบน PER67 ที่ 21.7 เท่า
ทั้งนี้หากเทียบกับ COCOCO ที่ยังเติบโตเด่นแม้มาจากฐานสูงในปีก่อน จึงประเมินว่า COCOCO ควรซื้อขายที่ระดับใกล้เคียงกับ Vita Coco และควรซื้อขายที่พรีเมียมกว่า PLUS แต่เพื่อความ Conservative จึงใช้ PER ที่เพียง 25.0 เท่า ส่งผลให้ได้ราคาเหมาะสมระดับดังกล่าว
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 1/2567 คาดกำไรปกติในไตรมาสที่ 168 ล้านบาท ลดลง 8.9% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากเป็นช่วง Low season ของธุรกิจที่คำสั่งซื้อจากลูกค้าจีนจะชะลอตัวลง เพราะเป็นช่วงวันตรุษจีนที่มีวันหยุดจำนวนมาก
แต่ยังเติบโตเด่น 112.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในไตรมาส 1/66 บริษัทยังไม่มีรายได้จากลูกค้าในจีน ขณะที่ GPM คาดที่ 27% สูงขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทไม่จำเป็นต้องจ้าง OEM หลังจากมีการขยายกำลังการผลิตมะพร้าว ในช่วงไตรมาส 4/66 ที่ผ่านมา และ Product Mix ที่มีการเน้นขายสินค้าที่มี GPM สูงมากขึ้น
นอกจากนี้มองว่ากำไรปกติจะสามารถกลับมาทำ New High ได้ตั้งแต่ไตรมาส 2-4/67 เนื่องจากไตรมาส 2/67 จะรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่ในจีนและสหรัฐฯ และไตรมาส 3-4/67 จะเป็นการเข้าสู่ช่วง High season ของลูกค้าในยุโรปและ จีนตามลำดับ
ดังนั้นคาดกำไรปกติในปี 2567 ที่ 814 ล้านบาท เติบโต 42.5%จากปีก่อน หนุนจาก 1. ยอดขายน้ำมะพร้าวกล่อง UHT เติบโตจากการเริ่มรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่ในจีน 6 ราย และลูกค้าในสหรัฐ 1 ราย
2. ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงคาดเติบโตจากการออกสินค้าใหม่และการขยายช่องทางจัดจำหน่าย ทำให้ไม่มีผลขาดทุนในปี 2567 เป็นปีแรก ขณะที่ GPM คาดสูงขึ้นเป็น 27.0% เพิ่มขึ้นจาก 25.3% ในปี 2566 เนื่องจาก Product Mix ที่ดีขึ้นและบริษัทไม่ต้องจ้าง OEM หลังมีการขยายกำลังการผลิตซึ่งสามารถรองรับการผลิตได้อีกอย่างน้อย 1-2 ปี
นอกจากนี้บริษัทกำลังเจรจากับลูกค้าใหม่ในจีนเพิ่มราว 5-6 ราย หากสามารถทำสัญญาได้ในปีนี้จะเป็นส่วนช่วยหนุนรายได้ของบริษัทเป็น Upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการ และบริษัทมีแผนจะขยายกำลังการผลิตอีกราว 75% ซึ่งคาดจะเริ่ม Commercial Run ตั้งแต่ไตรมาส 3/67 เป็นต้นไป
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า COCOCO ราคา 11.70 บาท คือการทำ All Time High อีกครั้ง โดยเบรกแนวต้าน 11.60 บาท ขึ้นมา มองมีโอกาสเป็นขาขึ้นต่อเนื่องแบบไม่มีแนวต้าน แนะนำ "ซื้อ" ตัดขาดทุนหากลงต่ำกว่า 11.30 บาท
ส่วนนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 14.10 บาท อิงวิธี PER Multiple พิจารณาบริษัทที่มีธุรกิจใกล้เคียงกันคือ Vita Coco (COCO.US) ในสหรัฐฯที่ปัจจุบันซื้อขายบน PER67 ที่ 28.0 เท่า และ PLUS ที่ซื้อขายบน PER67 ที่ 21.7 เท่า
ทั้งนี้หากเทียบกับ COCOCO ที่ยังเติบโตเด่นแม้มาจากฐานสูงในปีก่อน จึงประเมินว่า COCOCO ควรซื้อขายที่ระดับใกล้เคียงกับ Vita Coco และควรซื้อขายที่พรีเมียมกว่า PLUS แต่เพื่อความ Conservative จึงใช้ PER ที่เพียง 25.0 เท่า ส่งผลให้ได้ราคาเหมาะสมระดับดังกล่าว
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 1/2567 คาดกำไรปกติในไตรมาสที่ 168 ล้านบาท ลดลง 8.9% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากเป็นช่วง Low season ของธุรกิจที่คำสั่งซื้อจากลูกค้าจีนจะชะลอตัวลง เพราะเป็นช่วงวันตรุษจีนที่มีวันหยุดจำนวนมาก
แต่ยังเติบโตเด่น 112.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในไตรมาส 1/66 บริษัทยังไม่มีรายได้จากลูกค้าในจีน ขณะที่ GPM คาดที่ 27% สูงขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทไม่จำเป็นต้องจ้าง OEM หลังจากมีการขยายกำลังการผลิตมะพร้าว ในช่วงไตรมาส 4/66 ที่ผ่านมา และ Product Mix ที่มีการเน้นขายสินค้าที่มี GPM สูงมากขึ้น
นอกจากนี้มองว่ากำไรปกติจะสามารถกลับมาทำ New High ได้ตั้งแต่ไตรมาส 2-4/67 เนื่องจากไตรมาส 2/67 จะรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่ในจีนและสหรัฐฯ และไตรมาส 3-4/67 จะเป็นการเข้าสู่ช่วง High season ของลูกค้าในยุโรปและ จีนตามลำดับ
ดังนั้นคาดกำไรปกติในปี 2567 ที่ 814 ล้านบาท เติบโต 42.5%จากปีก่อน หนุนจาก 1. ยอดขายน้ำมะพร้าวกล่อง UHT เติบโตจากการเริ่มรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่ในจีน 6 ราย และลูกค้าในสหรัฐ 1 ราย
2. ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงคาดเติบโตจากการออกสินค้าใหม่และการขยายช่องทางจัดจำหน่าย ทำให้ไม่มีผลขาดทุนในปี 2567 เป็นปีแรก ขณะที่ GPM คาดสูงขึ้นเป็น 27.0% เพิ่มขึ้นจาก 25.3% ในปี 2566 เนื่องจาก Product Mix ที่ดีขึ้นและบริษัทไม่ต้องจ้าง OEM หลังมีการขยายกำลังการผลิตซึ่งสามารถรองรับการผลิตได้อีกอย่างน้อย 1-2 ปี
นอกจากนี้บริษัทกำลังเจรจากับลูกค้าใหม่ในจีนเพิ่มราว 5-6 ราย หากสามารถทำสัญญาได้ในปีนี้จะเป็นส่วนช่วยหนุนรายได้ของบริษัทเป็น Upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการ และบริษัทมีแผนจะขยายกำลังการผลิตอีกราว 75% ซึ่งคาดจะเริ่ม Commercial Run ตั้งแต่ไตรมาส 3/67 เป็นต้นไป