Wealth Sharing
NVD เปิดเกมรุกปี 66 บุกอสังหาฯแนวราบเต็มสูบ เปิด 9 โปรเจคใหม่ มูลค่า 2.1 หมื่นลบ. วางเป้ายอดขายโตก้าวกระโดดแตะ 8.5 พันลบ.
23 กุมภาพันธ์ 2566
เนอวานา ไดอิ เผยแผนธุรกิจปี 2566 เดินหน้าเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ จำนวน 9 โครงการ ในกรุงเทพ มูลค่ากว่า 21,100 ล้านบาท ยังคงมุ่งเน้นตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน พร้อมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ให้ครอบคลุมทุกความต้องการในทุกเซกเม้นท์ มั่นใจปี 2566 ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดดครั้งสำคัญ ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 8,500 ล้านบาท
นายศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) หรือ NVD เปิดเผยถึง ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 ว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะเดินหน้าขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบ หลังจากการปรับโครงสร้างองค์กรในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในปีนี้บริษัทฯ เตรียมงบลงทุน 4,370 ล้านบาท เพื่อเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาว์นโฮมและคอนโดมิเนียม จำนวน 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 21,100 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนโครงการใหม่ที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท โดยโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวยังคงมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายในตลาดระดับบนเป็นหลัก พร้อมกันนี้ บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูง เพื่อให้ครอบคลุมกับความต้องการที่อยู่อาศัยในแต่ละเซกเม้นท์อีกด้วย
“ปี 2566 นี้ จะเป็นปีที่เนอวานาเก็บเกี่ยวสิ่งที่เราได้เตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินธุรกิจในทุกด้านและลงทุนซื้อที่ดินใหม่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เรามั่นใจในตลาดที่อยู่อาศัยระดับบนที่ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่องและมีศักยภาพในการเติบโตหลังวิกฤตโควิด เราพร้อมเปิดตัวโครงการใหม่รวม 9 โครงการ โดยตั้งเป้ายอดขายรวม 8,500 ล้านบาท ซึ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่า 160% จากปีก่อนหน้านี้ และรายได้ 4,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75%” นายศรศักดิ์ กล่าว
โครงการที่อยู่อาศัยที่จะเปิดตัวใหม่ทั้ง 9 โครงการ มูลค่ากว่า 21,100 ล้านบาท เป็นโครงการในระดับลักชัวรี (Luxury Segment) ที่จะมีแบรนด์ตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อบ้านในหลากหลายเซกเม้นท์ ตั้งแต่ อัลตร้าลักชัวรี (Ultra-luxury) ซุปเปอร์ ลักชัวรี (Super Luxury) โมเดิร์น ลักชัวรี (Modern Luxury) โมเดิร์น ไฮเอนด์ (Modern High-end) ไปจนถึง โมเดิร์น ไฮเอนด์ ที่จับต้องได้ (Affordable Modern High-end) โดยโครงการใหม่ทั้ง 9 โครงการ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 3 โครงการ ทาว์นโฮม 1 โครงการ โฮมออฟฟิต 3 โครงการ และ คอนโดมิเนียม 2 โครงการ
ได้แก่ 1) โครงการบ้านเดี่ยวเนอวานา คอลเลคชั่น กรุงเทพกรีฑา (Nirvana Collection Krungthep Kreetha), 2) โครงการบ้านเดี่ยวเนอวานา แอปโซลูท เอกมัยรามอินทรา (Nirvana Absolute Ekkamai Ramintra ) 3)โครงการบ้านเดี่ยวเนอวานา แอปโซลูท กรุงเทพกรีฑา (Nirvana Absolute Krungthep Kreetha), 4) โครงการทาว์นโฮม เนอวานา ดีฟายน์ กรุงเทพกรีฑา(Nirvana Define Krungthep Kreetha) 5) โครงการโฮมออฟฟิศ แอทเวิร์ค เนอวานาทาว์นชิพ (@Work Nirvana Township) 6) โครงการโฮมออฟฟิศ แอทเวิร์ค กรุงเทพกรีฑา (@Work Krungthep Kreetha) 7) โครงการโฮมออฟฟิศ แอทเวิร์ค ร่มเกล้า (@Work Romklao) 8) เดอะโมส คอนโดมิเนียม รัตนาธิเบศร์ (The Most Condominium Rattanathibet) 9) คอนโดมิเนียม สุขุมวิท 23 (Condominium Sukhumvit 23)
นายศรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เนอวานา ยังคงมุ่งเน้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในย่านกรุงเทพกรีฑาเป็นหลัก เนื่องจากเป็นทำเลของที่อยู่อาศัยในระดับบนที่มีการเติบโตอย่างสูง เปรียบเสมือน “เบเวอร์ลี ฮิลล์ ของกรุงเทพ” ซึ่งถือเป็นทำเลศักยภาพของการอยู่อาศัย สามารถเชื่อมต่อกับถนนหลักเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในได้หลายเส้นทาง เช่น ใช้เส้นทางทางด่วนถนนพระราม 9 สำหรับการเข้าถึงโครงข่ายระบบรางด้วยรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และแอร์พอร์ตลิงค์ อีกทั้งยังมีโครงข่ายถนนวงแหวนรอบนอกและมอเตอร์เวย์ ใช้เดินทางไปยังโซนอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าชั้นนำและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ
บริษัทฯ มีที่ดินอยู่ในบริเวณกรุงเทพกรีฑากว่า 200 ไร่ ในโครงการเนอวานา ทาว์นชิพ (Nirvana Township) ซึ่งประกอบไปด้วย โครงการที่อยู่อาศัยระดับอัลตราลักชัวรี โครงการที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ และ พรีเมี่ยมโฮมออฟฟิต พร้อมทั้งยังสร้างไลฟ์สไตล์มอลล์ ที่มีทั้งซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าระดับไฮเอนด์ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ บริเวณด้านหน้าโครงการ เพื่อเติมเต็มการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโครงการเนอวานา ทาว์นชิพแห่งนี้
ในปีที่ผ่านมา เนอวานาให้ความสำคัญกับการรีฟอร์มในหลายๆด้าน ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ซื้อบ้านให้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีการซื้อที่ดินใหม่เข้ามาเป็นแลนด์แบงก์สำหรับพัฒนาโครงการในอนาคต โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้นเท่ากับ 2,569 ล้านบาท และยอดขายรวม 3,260 ล้านบาท ในปี 2565 ซึ่ง 87% ของยอดขายมาจากบ้านแนวราบและ 13% มาจากคอนโดมิเนียม มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ คือ เนอวานา แอปโซลูท บางนา (Nirvana Absolute Bang Na) และเนอวานา ดีฟายน์ เอกมัย-รามอินทรา (Nirvana Define Ekkamai-Ramintra) ซึ่งสามารถทำยอดขายรวมกันได้ 720 ล้านบาท ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์
เนอวานา ยังคงดำเนินแผนธุรกิจด้วยความรัดกุม ควบคู่ไปกับความพร้อมที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็ว ด้วยการบริหารจัดการกระแสเงินสด และการกระจายพอร์ตสินค้าให้คลอบคลุมทุกเซกเม้นท์ ภายใต้พันธกิจใหญ่ของบริษัทในการสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อคนรุ่นใหม่ที่เน้นในเรื่องของทำเลที่ตั้ง ดีไซน์และฟังกชั่นในการใช้งาน ภายใต้คอนเซปต๋ Living Revolution เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
“เนอวานา จะเดินหน้าพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ด้วยการทุ่มเทในการทำงานเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ซื้อบ้าน โดยใช้ประสบการณ์ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในระดับบนมากว่า 25 ปี พร้อมกันนี้เนอวานาจะมีการเปิดตัวแบรนด์แคมเปญใหม่ ภายใต้ I FOUND MYSELF IN NIRVANA ซึ่งเป็นการสะท้อนจุดแข็งของแบรนด์ในด้านทำเลที่ตั้ง ที่ตั้งใจเลือกอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพและการเติบโตสูง ซึ่งทำเลที่มีศักยภาพนั้นนำมาซึ่งความสะดวกสบายในการเดินทาง มีสิ่งอำนวยความสะดวก ความปลอดภัยของบุตรหลาน ราคาที่ดินที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และสามารถเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าเหมาะกับการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้ ประกอบกับการดีไซน์ที่เน้น คอนเซ็ปต์ Modern Luxury การแบ่งสเปซที่ทำให้เกิดความเป็นส่วนตัว สำหรับการใช้งาน และมีพื้นที่สำหรับการสร้างความสัมพันธ์กับสมาขิกในครอบครัว เพื่อสร้าง family bonding อย่างลงตัว” นายศรศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย
นายศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) หรือ NVD เปิดเผยถึง ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 ว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะเดินหน้าขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบ หลังจากการปรับโครงสร้างองค์กรในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในปีนี้บริษัทฯ เตรียมงบลงทุน 4,370 ล้านบาท เพื่อเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาว์นโฮมและคอนโดมิเนียม จำนวน 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 21,100 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนโครงการใหม่ที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท โดยโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวยังคงมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายในตลาดระดับบนเป็นหลัก พร้อมกันนี้ บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูง เพื่อให้ครอบคลุมกับความต้องการที่อยู่อาศัยในแต่ละเซกเม้นท์อีกด้วย
“ปี 2566 นี้ จะเป็นปีที่เนอวานาเก็บเกี่ยวสิ่งที่เราได้เตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินธุรกิจในทุกด้านและลงทุนซื้อที่ดินใหม่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เรามั่นใจในตลาดที่อยู่อาศัยระดับบนที่ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่องและมีศักยภาพในการเติบโตหลังวิกฤตโควิด เราพร้อมเปิดตัวโครงการใหม่รวม 9 โครงการ โดยตั้งเป้ายอดขายรวม 8,500 ล้านบาท ซึ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่า 160% จากปีก่อนหน้านี้ และรายได้ 4,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75%” นายศรศักดิ์ กล่าว
โครงการที่อยู่อาศัยที่จะเปิดตัวใหม่ทั้ง 9 โครงการ มูลค่ากว่า 21,100 ล้านบาท เป็นโครงการในระดับลักชัวรี (Luxury Segment) ที่จะมีแบรนด์ตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อบ้านในหลากหลายเซกเม้นท์ ตั้งแต่ อัลตร้าลักชัวรี (Ultra-luxury) ซุปเปอร์ ลักชัวรี (Super Luxury) โมเดิร์น ลักชัวรี (Modern Luxury) โมเดิร์น ไฮเอนด์ (Modern High-end) ไปจนถึง โมเดิร์น ไฮเอนด์ ที่จับต้องได้ (Affordable Modern High-end) โดยโครงการใหม่ทั้ง 9 โครงการ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 3 โครงการ ทาว์นโฮม 1 โครงการ โฮมออฟฟิต 3 โครงการ และ คอนโดมิเนียม 2 โครงการ
ได้แก่ 1) โครงการบ้านเดี่ยวเนอวานา คอลเลคชั่น กรุงเทพกรีฑา (Nirvana Collection Krungthep Kreetha), 2) โครงการบ้านเดี่ยวเนอวานา แอปโซลูท เอกมัยรามอินทรา (Nirvana Absolute Ekkamai Ramintra ) 3)โครงการบ้านเดี่ยวเนอวานา แอปโซลูท กรุงเทพกรีฑา (Nirvana Absolute Krungthep Kreetha), 4) โครงการทาว์นโฮม เนอวานา ดีฟายน์ กรุงเทพกรีฑา(Nirvana Define Krungthep Kreetha) 5) โครงการโฮมออฟฟิศ แอทเวิร์ค เนอวานาทาว์นชิพ (@Work Nirvana Township) 6) โครงการโฮมออฟฟิศ แอทเวิร์ค กรุงเทพกรีฑา (@Work Krungthep Kreetha) 7) โครงการโฮมออฟฟิศ แอทเวิร์ค ร่มเกล้า (@Work Romklao) 8) เดอะโมส คอนโดมิเนียม รัตนาธิเบศร์ (The Most Condominium Rattanathibet) 9) คอนโดมิเนียม สุขุมวิท 23 (Condominium Sukhumvit 23)
นายศรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เนอวานา ยังคงมุ่งเน้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในย่านกรุงเทพกรีฑาเป็นหลัก เนื่องจากเป็นทำเลของที่อยู่อาศัยในระดับบนที่มีการเติบโตอย่างสูง เปรียบเสมือน “เบเวอร์ลี ฮิลล์ ของกรุงเทพ” ซึ่งถือเป็นทำเลศักยภาพของการอยู่อาศัย สามารถเชื่อมต่อกับถนนหลักเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในได้หลายเส้นทาง เช่น ใช้เส้นทางทางด่วนถนนพระราม 9 สำหรับการเข้าถึงโครงข่ายระบบรางด้วยรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และแอร์พอร์ตลิงค์ อีกทั้งยังมีโครงข่ายถนนวงแหวนรอบนอกและมอเตอร์เวย์ ใช้เดินทางไปยังโซนอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าชั้นนำและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ
บริษัทฯ มีที่ดินอยู่ในบริเวณกรุงเทพกรีฑากว่า 200 ไร่ ในโครงการเนอวานา ทาว์นชิพ (Nirvana Township) ซึ่งประกอบไปด้วย โครงการที่อยู่อาศัยระดับอัลตราลักชัวรี โครงการที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ และ พรีเมี่ยมโฮมออฟฟิต พร้อมทั้งยังสร้างไลฟ์สไตล์มอลล์ ที่มีทั้งซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าระดับไฮเอนด์ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ บริเวณด้านหน้าโครงการ เพื่อเติมเต็มการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโครงการเนอวานา ทาว์นชิพแห่งนี้
ในปีที่ผ่านมา เนอวานาให้ความสำคัญกับการรีฟอร์มในหลายๆด้าน ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ซื้อบ้านให้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีการซื้อที่ดินใหม่เข้ามาเป็นแลนด์แบงก์สำหรับพัฒนาโครงการในอนาคต โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้นเท่ากับ 2,569 ล้านบาท และยอดขายรวม 3,260 ล้านบาท ในปี 2565 ซึ่ง 87% ของยอดขายมาจากบ้านแนวราบและ 13% มาจากคอนโดมิเนียม มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ คือ เนอวานา แอปโซลูท บางนา (Nirvana Absolute Bang Na) และเนอวานา ดีฟายน์ เอกมัย-รามอินทรา (Nirvana Define Ekkamai-Ramintra) ซึ่งสามารถทำยอดขายรวมกันได้ 720 ล้านบาท ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์
เนอวานา ยังคงดำเนินแผนธุรกิจด้วยความรัดกุม ควบคู่ไปกับความพร้อมที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็ว ด้วยการบริหารจัดการกระแสเงินสด และการกระจายพอร์ตสินค้าให้คลอบคลุมทุกเซกเม้นท์ ภายใต้พันธกิจใหญ่ของบริษัทในการสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อคนรุ่นใหม่ที่เน้นในเรื่องของทำเลที่ตั้ง ดีไซน์และฟังกชั่นในการใช้งาน ภายใต้คอนเซปต๋ Living Revolution เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
“เนอวานา จะเดินหน้าพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ด้วยการทุ่มเทในการทำงานเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ซื้อบ้าน โดยใช้ประสบการณ์ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในระดับบนมากว่า 25 ปี พร้อมกันนี้เนอวานาจะมีการเปิดตัวแบรนด์แคมเปญใหม่ ภายใต้ I FOUND MYSELF IN NIRVANA ซึ่งเป็นการสะท้อนจุดแข็งของแบรนด์ในด้านทำเลที่ตั้ง ที่ตั้งใจเลือกอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพและการเติบโตสูง ซึ่งทำเลที่มีศักยภาพนั้นนำมาซึ่งความสะดวกสบายในการเดินทาง มีสิ่งอำนวยความสะดวก ความปลอดภัยของบุตรหลาน ราคาที่ดินที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และสามารถเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าเหมาะกับการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้ ประกอบกับการดีไซน์ที่เน้น คอนเซ็ปต์ Modern Luxury การแบ่งสเปซที่ทำให้เกิดความเป็นส่วนตัว สำหรับการใช้งาน และมีพื้นที่สำหรับการสร้างความสัมพันธ์กับสมาขิกในครอบครัว เพื่อสร้าง family bonding อย่างลงตัว” นายศรศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย