กลุ่ม ปตท. บริษัทพลังงานรายใหญ่ของไทย ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มที่นักลงทุนให้ความสนใจอย่างมาก แต่ในปี 2567 ทิศทางผลประกอบการจะมีความน่าสนใจหรือไม่ ท่ามกลางความผันผวนของราคาน้ำมัน ทีมข่าว Share2Trade หาคำตอบมาให้แล้ว
PTT ปีนี้กำไรแสนล้าน
เริ่มกันที่ PTT นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการปี 2567 คาดกำไรปกติ 100,505 ล้านบาท ลดลง 3% จากปีก่อน เพราะอัตรากำไรของโรงแยกก๊าซฯ (GSP) ที่ลดลงตามต้นทุน feed cost ที่เพิ่มขึ้น หลังปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯ และธุรกิจจัดหาฯ (S&M) ต้องส่งคืนค่า shot fall 4,300 ล้านบาท
อีกทั้งกำไรของบริษัทลูกที่ลดลงจากฝั่งของต้นน้ำที่ราคาขายเฉลี่ยลดตามราคาน้ำมันดิบ และโรงกลั่น ที่ค่าการกลั่นลดลงจาก supply ที่ตึงตัวน้อยลง หลัง capacity ใหม่ทั่วโลกเข้ามาเพิ่ม 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ดังนั้นคงคำแนะนำ Trading Buy ราคาเป้าหมาย 39 บาท คงมุมมองรอผ่านช่วงแรงกดดันกำไรไตรมาส 1/67 ที่ลดลงจากผลกระทบปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯ และส่งคืนค่า shortfall ไปก่อน ค่อยเข้าเก็งกำไรการฟื้นตัวในครึ่งหลังปี 2567 ที่อัตรากำไรธุรกิจก๊าซฯฟื้นตัวจากไม่มีผลกระทบเงินอุดหนุน shortfall และ คาด PTTGC เริ่มเข้ามาช่วยแบกรับผลกระทบการปรับโครงสร้างก๊าซฯ
PTTGC ปีนี้โตเด่น
ต่อกันที่ PTTGC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 38 บาท โดยแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/67 คาดว่า PTTGC จะมีกำไรปกติอยู่ที่ 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ธุรกิจ Aromatics มีSpread ที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ Benzene ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาวะการขาดแคลนวัตถุดิบการผลิต หลังราคา Gasoline ปรับเพิ่มขึ้นมากเป็นบวกกับราคา Benzene คาดว่าบริษัทจะมี Product to feed margin อยู่ที่ 230 เหรียญต่อตัน เพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาสก่อน และ ธุรกิจ Olefins ได้ประโยชน์จาก Spread LDPE และ LLDPE ที่เพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาสก่อน และ 9% จากไตรมาสก่อน ตามลำดับ
ขณะที่ประเมินปี 2567 จะมีกำไรสุทธิ 9,018 ล้านบาท เติบโต 803% จากปีก่อน โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะกลับมาฟื้นตัวในครึ่งหลังปี 2567 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก ปริมาณ Ethane ที่ใช้ในการผลิตที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนการผลิตของโรงกลั่นที่ลดลง จากการกลับมาเปิดดำเนินงานของ SPM ตั้งแต่ไตรมาส 3/67 รวมทั้งการฟื้นตัวของค่าการกลั่นจาก Driving Season และ Demand ปิโตรเคมีที่คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
PTTEP รับน้ำมันพุ่ง
ส่วน PTTEP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประมาณการกำไรปกติปี 2567 ที่ 7.9 หมื่นล้านบาท ลดลง 1% จากปีก่อน อ้างอิงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 82 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล โดยทุก 1 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จะมีผลต่อกำไร 1 พันล้านบาท และราคาเหมาะสม 0.90 บาท/หุ้น
ทั้งนี้คงคำแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสม 172.00 บาท ระยะสั้นสามารถเก็งกำไรจากการเป็นหุ้นพลังงานต้นน้ำ ได้ประโยชน์ทางตรงจากราคาน้ำมันไต่ระดับขึ้นต่อเนื่อง, ความเสี่ยงจากนโยบายแทรกแซงพลังงานในประเทศจำกัด, Upside จากความคืบหน้าพัฒนาโครงการ OCAไทย – กัมพูชา
TOP โค้งแรกสวย
ด้าน TOP นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คาดกำไรปี 2567 ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ลดลง 24% จากปีก่อน เนื่องจาก การปิดซ่อมโรงกลั่น CDU-3 ระยะเวลา 13 วัน ต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น 0.5 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากเหตุการณ์น้ำมันรั่วที่ SBM-2 ซึ่งคาดกลับมาดำเนินการปกติในครึ่งหลังปี 67 รวมทั้งอุปทานส่วนเกินของโรงกลั่นในปีนี้
แต่คาดปี 2568 คาดกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 หมื่นล้านบาท เติบโต 22% จากปีก่อน และปี 2569 เพิ่มเป็น 3 หมื่นล้านบาท เติบโต 67% จากปีก่อน หรือมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 3 ปี 15% ต่อปี
ทั้งนี้เนื่องจาก การกลับมาเป็นอุปสงค์ส่วนเกินทั้งธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีสาย Aromatic โดยธุรกิจนี้คิดเป็น 85% ของกำไรเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง) และโครงการ CFP ที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในครึ่งหลังปี 2568 ช่วยเพิ่มค่าการกลั่น 3 - 5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 75 บาท
IRPC ปีนี้พลิกกำไร
ขณะที่ IRPC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด คาดผลการดำเนินงานสุทธิไตรมาส 1/67 จะพลิกกลับเป็นกำไรสุทธิราว 1.5 พันล้านบาท จากงวดก่อนหน้าที่เผชิญกับผลขาดทุนสุทธิ 3.4 พันล้านบาท รับผลบวกหลักจากทั้งผลการดำเนินงานปกติที่เผชิญกับผลขาดทุนลดลงมีนัยฯ เหลือราว129 ล้านบาท จากงวดก่อนหน้าขาดทุนปกติสูงถึง 2.3 พันล้านบาท
โดยเป็นไปตาม MARKET GIM ที่คาดจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ราว 9.3 จาก 4.3 เหรียญฯต่อบาร์เรล ดีขึ้นจากทั้งปิโตรเลียมและปิโตรเคมี รวมถึงรายการพิเศษที่สุทธิแล้วพลิกกลับเป็นรายได้พิเศษ ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานปกติไตรมาส 2/67 คาดจะทรงตัวจากไตรมาสแรก โดยการอ่อนตัวของค่าการกลั่นตามฤดูกาลน่าจะชดเชยได้ด้วย SPREAD ปิโตรเคมี
ทั้งนี้คาดจะเห็นผลการดำเนินงานปี 2567 พลิกกลับเป็นกำไร 2,512 ล้านบาท จากปี 2566 ที่ขาดทุน โดยให้น้ำหนักของผลการดำเนินงานที่จะพลิกฟื้นกลับมาได้อยู่ในช่วงครึ่งหลังปี 67 ด้วยความหวังว่าเศรษฐกิจจีน รวมถึงเศรษฐกิจโลกจะทยอยฟื้นตัวมีการเติบโตได้ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี
ส่วนของธุรกิจโรงกลั่นคาดสถานการณ์ค่าการกลั่นจะกลับสู่ภาวะปกติเช่นกัน และมีการแปรผันตามช่วงฤดูกาล ซึ่งจะเป็นช่วง high season ในช่วงปลายไตรมาส 4 ต่อเนื่องในไตรมาส 1 และอ่อนตัวลงในไตรมาส 2 และเข้าสู่ช่วง low season ในไตรมาส 3 แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 2.4 บาท/หุ้น
GPSC ปีนี้กำไรโต 44%
ด้าน GPSC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/67 ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน จากอุปสงค์ไฟฟ้า – ไอน้ำเพิ่มขึ้น, ราคาขายไฟฟ้าลูกค้าอุตสาหกรรมขยับขึ้นตามค่าไฟ 4.18 บาท/หน่วย (vs 3.99 บาท/หน่วย), ค่าใช้จ่ายลดลงตามฤดูกาล
ทั้งนี้แนวโน้มผลประกอบการช่วงที่เหลือของปีฟื้นตัวจากค่าไฟฟ้าสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงมากขึ้น, รับรู้กำลังผลิตใหม่, ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น ขณะที่ระยะยาวมีการเติบโตตามการขยายธุรกิจเครือ PTT, รับรู้ประโยชน์จากการลงทุนในอินเดีย, การขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศเพิ่มเติม ดังนั้นคาดปี 2567 มีกำไรสุทธิ 5,349 ล้านบาท เติบโต 44.80% จากปีก่อน แนะนำ TRADING ราคาเป้าหมาย 57 บาท
OR ปีนี้กำไรเกินหมื่นล้านบาท
ปิดท้ายกันที่ OR นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดกำไรปกติไตรมาส 1/67 ที่ระดับ 2,600-2,800 ล้านบาท ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน ตามค่าการตลาดน้ำมันที่มีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ระดับ 0.90-1.00 บาท/ลิตร หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น (คาดส่งผลให้มีการบันทึกรายการ Stock Gain) และค่าใช้จ่าย SG&A ที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล
ขณะที่เมื่อเทียบไตรมาสก่อน คาดกำไรปกติลดลงจาก ปริมาณขายน้ำมันรวมที่มีแนวโน้มลดลงจากฐานที่สูงในปีก่อน และ ค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงขึ้นตามจำนวนสถานีบริการน้ำมันและร้าน Café Amazon คาดปี 2567 มีกำไร 12,026 ล้านบาท เติบโต 8% จากปีก่อน และคงราคาเป้าหมาย 20.10 บาท/หุ้น แนะนำ TRADING
PTT ปีนี้กำไรแสนล้าน
เริ่มกันที่ PTT นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการปี 2567 คาดกำไรปกติ 100,505 ล้านบาท ลดลง 3% จากปีก่อน เพราะอัตรากำไรของโรงแยกก๊าซฯ (GSP) ที่ลดลงตามต้นทุน feed cost ที่เพิ่มขึ้น หลังปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯ และธุรกิจจัดหาฯ (S&M) ต้องส่งคืนค่า shot fall 4,300 ล้านบาท
อีกทั้งกำไรของบริษัทลูกที่ลดลงจากฝั่งของต้นน้ำที่ราคาขายเฉลี่ยลดตามราคาน้ำมันดิบ และโรงกลั่น ที่ค่าการกลั่นลดลงจาก supply ที่ตึงตัวน้อยลง หลัง capacity ใหม่ทั่วโลกเข้ามาเพิ่ม 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ดังนั้นคงคำแนะนำ Trading Buy ราคาเป้าหมาย 39 บาท คงมุมมองรอผ่านช่วงแรงกดดันกำไรไตรมาส 1/67 ที่ลดลงจากผลกระทบปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯ และส่งคืนค่า shortfall ไปก่อน ค่อยเข้าเก็งกำไรการฟื้นตัวในครึ่งหลังปี 2567 ที่อัตรากำไรธุรกิจก๊าซฯฟื้นตัวจากไม่มีผลกระทบเงินอุดหนุน shortfall และ คาด PTTGC เริ่มเข้ามาช่วยแบกรับผลกระทบการปรับโครงสร้างก๊าซฯ
PTTGC ปีนี้โตเด่น
ต่อกันที่ PTTGC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 38 บาท โดยแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/67 คาดว่า PTTGC จะมีกำไรปกติอยู่ที่ 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ธุรกิจ Aromatics มีSpread ที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ Benzene ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาวะการขาดแคลนวัตถุดิบการผลิต หลังราคา Gasoline ปรับเพิ่มขึ้นมากเป็นบวกกับราคา Benzene คาดว่าบริษัทจะมี Product to feed margin อยู่ที่ 230 เหรียญต่อตัน เพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาสก่อน และ ธุรกิจ Olefins ได้ประโยชน์จาก Spread LDPE และ LLDPE ที่เพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาสก่อน และ 9% จากไตรมาสก่อน ตามลำดับ
ขณะที่ประเมินปี 2567 จะมีกำไรสุทธิ 9,018 ล้านบาท เติบโต 803% จากปีก่อน โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะกลับมาฟื้นตัวในครึ่งหลังปี 2567 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก ปริมาณ Ethane ที่ใช้ในการผลิตที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนการผลิตของโรงกลั่นที่ลดลง จากการกลับมาเปิดดำเนินงานของ SPM ตั้งแต่ไตรมาส 3/67 รวมทั้งการฟื้นตัวของค่าการกลั่นจาก Driving Season และ Demand ปิโตรเคมีที่คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
PTTEP รับน้ำมันพุ่ง
ส่วน PTTEP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประมาณการกำไรปกติปี 2567 ที่ 7.9 หมื่นล้านบาท ลดลง 1% จากปีก่อน อ้างอิงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 82 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล โดยทุก 1 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จะมีผลต่อกำไร 1 พันล้านบาท และราคาเหมาะสม 0.90 บาท/หุ้น
ทั้งนี้คงคำแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสม 172.00 บาท ระยะสั้นสามารถเก็งกำไรจากการเป็นหุ้นพลังงานต้นน้ำ ได้ประโยชน์ทางตรงจากราคาน้ำมันไต่ระดับขึ้นต่อเนื่อง, ความเสี่ยงจากนโยบายแทรกแซงพลังงานในประเทศจำกัด, Upside จากความคืบหน้าพัฒนาโครงการ OCAไทย – กัมพูชา
TOP โค้งแรกสวย
ด้าน TOP นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คาดกำไรปี 2567 ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ลดลง 24% จากปีก่อน เนื่องจาก การปิดซ่อมโรงกลั่น CDU-3 ระยะเวลา 13 วัน ต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น 0.5 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากเหตุการณ์น้ำมันรั่วที่ SBM-2 ซึ่งคาดกลับมาดำเนินการปกติในครึ่งหลังปี 67 รวมทั้งอุปทานส่วนเกินของโรงกลั่นในปีนี้
แต่คาดปี 2568 คาดกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 หมื่นล้านบาท เติบโต 22% จากปีก่อน และปี 2569 เพิ่มเป็น 3 หมื่นล้านบาท เติบโต 67% จากปีก่อน หรือมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 3 ปี 15% ต่อปี
ทั้งนี้เนื่องจาก การกลับมาเป็นอุปสงค์ส่วนเกินทั้งธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีสาย Aromatic โดยธุรกิจนี้คิดเป็น 85% ของกำไรเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง) และโครงการ CFP ที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในครึ่งหลังปี 2568 ช่วยเพิ่มค่าการกลั่น 3 - 5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 75 บาท
IRPC ปีนี้พลิกกำไร
ขณะที่ IRPC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด คาดผลการดำเนินงานสุทธิไตรมาส 1/67 จะพลิกกลับเป็นกำไรสุทธิราว 1.5 พันล้านบาท จากงวดก่อนหน้าที่เผชิญกับผลขาดทุนสุทธิ 3.4 พันล้านบาท รับผลบวกหลักจากทั้งผลการดำเนินงานปกติที่เผชิญกับผลขาดทุนลดลงมีนัยฯ เหลือราว129 ล้านบาท จากงวดก่อนหน้าขาดทุนปกติสูงถึง 2.3 พันล้านบาท
โดยเป็นไปตาม MARKET GIM ที่คาดจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ราว 9.3 จาก 4.3 เหรียญฯต่อบาร์เรล ดีขึ้นจากทั้งปิโตรเลียมและปิโตรเคมี รวมถึงรายการพิเศษที่สุทธิแล้วพลิกกลับเป็นรายได้พิเศษ ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานปกติไตรมาส 2/67 คาดจะทรงตัวจากไตรมาสแรก โดยการอ่อนตัวของค่าการกลั่นตามฤดูกาลน่าจะชดเชยได้ด้วย SPREAD ปิโตรเคมี
ทั้งนี้คาดจะเห็นผลการดำเนินงานปี 2567 พลิกกลับเป็นกำไร 2,512 ล้านบาท จากปี 2566 ที่ขาดทุน โดยให้น้ำหนักของผลการดำเนินงานที่จะพลิกฟื้นกลับมาได้อยู่ในช่วงครึ่งหลังปี 67 ด้วยความหวังว่าเศรษฐกิจจีน รวมถึงเศรษฐกิจโลกจะทยอยฟื้นตัวมีการเติบโตได้ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี
ส่วนของธุรกิจโรงกลั่นคาดสถานการณ์ค่าการกลั่นจะกลับสู่ภาวะปกติเช่นกัน และมีการแปรผันตามช่วงฤดูกาล ซึ่งจะเป็นช่วง high season ในช่วงปลายไตรมาส 4 ต่อเนื่องในไตรมาส 1 และอ่อนตัวลงในไตรมาส 2 และเข้าสู่ช่วง low season ในไตรมาส 3 แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 2.4 บาท/หุ้น
GPSC ปีนี้กำไรโต 44%
ด้าน GPSC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/67 ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน จากอุปสงค์ไฟฟ้า – ไอน้ำเพิ่มขึ้น, ราคาขายไฟฟ้าลูกค้าอุตสาหกรรมขยับขึ้นตามค่าไฟ 4.18 บาท/หน่วย (vs 3.99 บาท/หน่วย), ค่าใช้จ่ายลดลงตามฤดูกาล
ทั้งนี้แนวโน้มผลประกอบการช่วงที่เหลือของปีฟื้นตัวจากค่าไฟฟ้าสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงมากขึ้น, รับรู้กำลังผลิตใหม่, ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น ขณะที่ระยะยาวมีการเติบโตตามการขยายธุรกิจเครือ PTT, รับรู้ประโยชน์จากการลงทุนในอินเดีย, การขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศเพิ่มเติม ดังนั้นคาดปี 2567 มีกำไรสุทธิ 5,349 ล้านบาท เติบโต 44.80% จากปีก่อน แนะนำ TRADING ราคาเป้าหมาย 57 บาท
OR ปีนี้กำไรเกินหมื่นล้านบาท
ปิดท้ายกันที่ OR นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดกำไรปกติไตรมาส 1/67 ที่ระดับ 2,600-2,800 ล้านบาท ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน ตามค่าการตลาดน้ำมันที่มีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ระดับ 0.90-1.00 บาท/ลิตร หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น (คาดส่งผลให้มีการบันทึกรายการ Stock Gain) และค่าใช้จ่าย SG&A ที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล
ขณะที่เมื่อเทียบไตรมาสก่อน คาดกำไรปกติลดลงจาก ปริมาณขายน้ำมันรวมที่มีแนวโน้มลดลงจากฐานที่สูงในปีก่อน และ ค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงขึ้นตามจำนวนสถานีบริการน้ำมันและร้าน Café Amazon คาดปี 2567 มีกำไร 12,026 ล้านบาท เติบโต 8% จากปีก่อน และคงราคาเป้าหมาย 20.10 บาท/หุ้น แนะนำ TRADING