Wealth Sharing
สมาคมธนาคารไทย สนองนโยบายรัฐ ลดดบ. MRR 0.25%ให้กลุ่มเปราะบาง-SME 6 เดือน
25 เมษายน 2567
สมาคมธนาคารไทย ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.25% สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME เป็นเวลา 6 เดือน หวังลดภาระดอกเบี้ย เพิ่มโอกาสฟื้นตัว ปรับตัว
![สมาคมธนาคารไทยสนองนโยบายรัฐ.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2024/250424/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90.jpg)
ตามที่ธนาคารผู้แทนสมาคมธนาคารไทย ได้มีโอกาสเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน สถานการณ์หนี้ครัวเรือน รวมถึงการดูแลช่วยเหลือเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของกลุ่มเปราะบางนั้น
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการสมาคมธนาคารไทยได้ตระหนักและเห็นถึงความจำเป็นในการออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ในระหว่างที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และไม่ทั่วถึง ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.25% สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และSME เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ย และมีโอกาสฟื้นตัว ปรับตัว
ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่มีทั้งมาตรการระยะสั้นรองรับการเปลี่ยนผ่าน และมาตรการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะกลางและระยะยาว สอดคล้องกับมาตรการการแก้หนี้อย่างยั่งยืน และการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยธนาคารสมาชิกจะเร่งพิจารณาดำเนินการตามหลักการดังกล่าว และเตรียมความพร้อมของระบบงาน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเปราะบางของแต่ละธนาคารตามบริบทที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในตลาดเงินตลาดทุน สมาคมธนาคารไทย และธนาคารสมาชิก ให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้า และตระหนักถึงการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้เสียในวงกว้าง (Corporate Responsibility) ซึ่งการช่วยเหลือลูกค้า ประชาชน และผู้ประกอบการรายย่อย ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคส่วนอื่นๆในระบบเศรษฐกิจ รวมถึงมาตรการระยาวในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อนำไปสู่ความสามารถในการแข่งขัน และการสร้างรายได้ที่พอเพียงและยั่งยืน
![สมาคมธนาคารไทยสนองนโยบายรัฐ.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2024/250424/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90.jpg)
ตามที่ธนาคารผู้แทนสมาคมธนาคารไทย ได้มีโอกาสเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน สถานการณ์หนี้ครัวเรือน รวมถึงการดูแลช่วยเหลือเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของกลุ่มเปราะบางนั้น
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการสมาคมธนาคารไทยได้ตระหนักและเห็นถึงความจำเป็นในการออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ในระหว่างที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และไม่ทั่วถึง ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.25% สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และSME เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ย และมีโอกาสฟื้นตัว ปรับตัว
ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่มีทั้งมาตรการระยะสั้นรองรับการเปลี่ยนผ่าน และมาตรการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะกลางและระยะยาว สอดคล้องกับมาตรการการแก้หนี้อย่างยั่งยืน และการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยธนาคารสมาชิกจะเร่งพิจารณาดำเนินการตามหลักการดังกล่าว และเตรียมความพร้อมของระบบงาน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเปราะบางของแต่ละธนาคารตามบริบทที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในตลาดเงินตลาดทุน สมาคมธนาคารไทย และธนาคารสมาชิก ให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้า และตระหนักถึงการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้เสียในวงกว้าง (Corporate Responsibility) ซึ่งการช่วยเหลือลูกค้า ประชาชน และผู้ประกอบการรายย่อย ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคส่วนอื่นๆในระบบเศรษฐกิจ รวมถึงมาตรการระยาวในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อนำไปสู่ความสามารถในการแข่งขัน และการสร้างรายได้ที่พอเพียงและยั่งยืน