เมื่อ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นชอบมาตรการช่วยลดความผันผวนของตลาดหุ้นไทย จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นอย่างไร และบริษัทไหนบ้างที่มีโอกาสได้รับผลบวก Share2Trade หาคำตอบมาให้แล้ว
โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นชอบมาตรการการกำกับดูแลการทำธุรกรรม Short Sell สำหรับตลาดหุ้นไทย คือ 1.ใช้กฎ uptick rule สำหรับทุกหลักทรัพย์ที่ทำธุรกรรมการ Short sell โดยการ Short Sell แต่ละครั้ง จะต้องสูงกว่าราคาล่าสุด 1 Step
และ 2. หุ้นกลุ่มที่สามารทำธุรกรรม Short Sell ได้ จะต้องมี Market Capital อย่างน้อย 7,500 ล้านบาท จากเดิมที่ 5,000 ล้านบาท
จากประเด็นดังกล่าว นักวิเคราะห์มองเป็นเสียงเดียวกันว่า จะส่งผลดีต่อภาพรวมตลาดหุ้นไทย อีกทั้งยังจะช่วยลดความผันผวนราคาหลักทรัพย์จากการขาย Short ในสระยะถัดไปได้อีกด้วย
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ประเมินว่า จะช่วยจำกัดจำนวนบริษัทที่จะถูก Short sell ให้ลดน้อยลงได้ และการทำ Short sell ยังทำได้ยากขึ้น ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในระยะถัดไป
แต่อาจมีความเสี่ยงที่ต้องแลกมา คือ ปริมาณมูลค่าซื้อขายบางส่วนมีโอกาสลดลง เนื่องจากปัจจุบันธุรกรรมซื้อขายจากการ Short sell มีสัดส่วนราว 10% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด โดยฝ่ายวิจัยทำการค้นหาหุ้นที่ได้ Sentiment เชิงบวกจากประเด็นดังกล่าว หรือมีโอกาสถูก COVER SHORT ได้ดังนี้
1.หุ้นที่มีสถานะ Short sell คงค้าง และมี MARKET CAP. ในช่วง 5 – 7.5 พันล้านบาท โดยคาดหวังระยะถัดไปจะไม่ถูก SHORT ได้ คือ LPN, LANNA, KEX, III, SAMART เป็นต้น
2.หุ้นถูก Short sell เยอะ และราคาลงมาเยอะเกิน 10% นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน อาจมีโอกาสรีบาวน์ขึ้นมาบ้าง คือ HANA, BTS, LH, EA, KCE, BANPU, COM7 เป็นต้น
สำหรับใช้เกณฑ์มาตราการควบคุม Short sell ที่หลากหลายช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยมีรายละเอียดในเบื้องต้น พร้อมกับระยะเวลาในการเริ่มใช้ดังนี้
1.ปลายไตรมาส 2 เรื่อง Short Sell ได้แก่ Market Cap มากกว่า 7.5 พันล้านบาท และสภาพคล่อง มากกว่า 2% ต่อเดือน จึง Short ได้ ส่วน Uptick Rule ทุกบริษัท และ Circuit Breaker ย่อย
2.ไตรมาส 3 เรื่อง Cash Balance คือ เพิ่มข้อจำกัด Cash Balance Level 2
และ3.ไตรมาส 4 ป้องกัน HFT และ Naked Short ประกอบด้วย Central Platform ตรวจสอบป้องกัน Naked Short รวมทั้ง Auto Halt หยุดเทรดชั่วคราวหากมี Order แปลกๆ และMinimum Resting Time 0.25 วินาที กัน Bid Offer แปลกๆ จาก HFT
ส่วนนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า จากประเด็น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศมาตรการกำกับดูแลธุรกรรม Short Selling เพิ่มเติม เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาด
โดยมีประเด็นที่มองว่าสำคัญ ได้แก่ การบังคับใช้เกณฑ์ Uptick ทุกหลักทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มช่วงปลายไตรมาส 2 ซึ่งหากอ้างอิงสถิติในอดีตเมื่อปี 2563 พบว่ามีส่วนช่วยลดระดับมูลค่าธุรกรรม Short selling ในตลาดลงมาเหลือเฉลี่ยวันละ 1 พันล้านบาท จากปกติที่ 4 พันล้านบาท มองปัจจัยดังกล่าวจะช่วยเปิด Upside ให้กับหุ้นไทยมากขึ้นได้บ้าง ตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสที่ 2 นี้เป็นต้นไป