Talk of The Town

จับตา! หุ้นไทยขานรับ 2 ปัจจัยหนุน พ.ร.บ.งบปี 67-ปรับครม.ชุดใหม่ นักวิเคราะห์ชี้ช่วยดัน SET ทะยาน


29 เมษายน 2567
จากประเด็นเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรีในรัฐบาล “เศรษฐาชุดใหม่” นั้น โดยโดยนายเศรษฐา ทวีสิน เหลือตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียงตำแหน่งเดียว โดยมี นายพิชัย ชุณหวชิร นั่งรองนายกรัฐมนตรี และควบ รมว.คลัง

จับตา! หุ้นไทยขานรับ 2 ปัจจัยหนุน copy_0.jpg

อีกทั้งราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 

จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังนั้นทั้ง 2 ประเด็น จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นอย่างไร Share2Trade หาคำตอบให้แล้ว

โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด มีความเห็นว่า บทบาทของนโยบายการคลังที่ทยอยเดินหน้า มีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุดเมื่อ 26 เม.ย. 67 ที่ผ่านมา ได้มีการโปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี

งบประมาณ 2567 ลงมาแล้ว วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3% จากปีก่อน  และงบลงทุน 7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น4.1% จากปีก่อน 
โดยจะมีช่วงระยะเวลาการเบิกจ่ายเพียงแค่ 5 เดือน (สิ้นปีงบประมาณ 30 ก.ย.2567) ทั้งนี้หากพิจารณาถึงความต่อเนื่องของการใช้จ่ายภาครัฐในช่วงปี 2567-68 รวมระยะเวลา 17 เดือน น่าจะเห็นเม็ดเงินไหลเข้าสู่ภาคการลงทุนค่อนข้างสูงราว 1.6 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ เชื่อว่าโครงการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ ของภาครัฐ จะถูกเร่งดำเนินการ ถือเป็น SENTIMENT เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง อาทิ SCC, SCCC, TASCO, STEC, CK เป็นต้น

นอกจากนี้ การปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 ในตำแหน่ง รมว. และ รมช. คลัง น่าจะเห็นความพยายามในการขับเคลื่อนโครงการ DIGITAL WALLET อย่างเป็นเต็มที่ ซึ่งในช่วงต้นสัปดาห์นี้จะมีการประชุมอนุกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต 

โดยรอติดตามความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ทั้งในส่วนของร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ แหล่งเงินที่นำมาใช้ และระบบที่จะใช้ในการดำเนินโครงการ ตลอดจนแนวทางป้องกันการทุจริตต่าง ๆ มองว่าจะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก อาทิ BJC, CPALL, CRC, HMPRO เป็นต้น

ดังนั้นสรุป นโยบายการคลังกำลังเดินหน้า ที่จะต้องเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนภายใน 17 เดือนบวกกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐผ่านโครงการ DIGITALWALLET 10,000 บาท  ถือเป็นแรงหนุนสำคัญต่อ GDP GROWTH ประเทศไทยในช่วงครึ่งหลังปี 67 และน่าจะช่วยผลักให้ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นได้ เฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกลุ่ม DOMESTIC PLAY

ส่วนนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) มีความเห็น ประเด็นราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 แล้ว 

โดยมองบวกต่อ SET จากเม็ดเงินใช้จ่าย และการลงทุนภาครัฐฯ เริ่มเข้าสู่ระบบขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นบวกต่อหุ้นอิงงบประมาณภาครัฐฯ ที่ตลาดจะเริ่มให้น้ำหนักการฟื้นตัวเร่งขึ้นระยะถัดไป อาทิ STEC BE8 และDOHOME

ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า ทางฝ่ายมองความคืบหน้าใน พ.ร.บ. งบประมาณปี 67 ซึ่งมีวงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท เป็นแรงหนุนต่อการเดินหน้าการลงทุนโครงการรัฐ 

อีกทั้งช่วยแก้ปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าที่คอยฉุดรั้ง GDP ในช่วงก่อนหน้า หุ้นรับประโยชน์ได้แก่ CK STEC SCC THCOM SYMC CPALL BJC ADVANC ILINK ITEL อย่างไรก็ตามต้องติดตามงบลงทุนที่อยู่ในงบประมาณในปี 68 ต่อเนื่องจากงบประมาณปี 67 ซึ่งมีอายุเพียง 5 เดือน (พ.ค.67 - ก.ย.67)

เช่นเดียวกันกับนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มีมุมมองบวกต่อประเด็นดังกล่าวโดยหลังจากนี้หน่วยงานภาครัฐที่ เกี่ยวข้องจะสามารถเบิกจ่ายเงินงบประมาณได้ทันที หนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และ GDP ทยอยฟื้นตัว เป็นบวกต่อกลุ่ม Domestic Play