Talk of The Town
โบรกฯ ชี้หุ้นไทยเกิด Sell in May เตือนระวังโดนแรงขายทำกำไร แนะหาจังหวะสอย 10 หุ้นหลบภัย
30 เมษายน 2567
บริษัท หลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด รายงานว่า Sell in May ถูกหยิบยกมาพูดถึงกันทุกปี เมื่อใกล้เข้าสู่ช่วงเดือน พ.ค. โดยในทางทฤษฎี Sell in May เป็นแนวคิดที่ว่านักลงทุนมักจะเทขายหุ้นหลังจากได้รับสิทธิเงินปันผลแล้ว (ขึ้นเครื่องหมาย XD) โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่มักจะขายเพื่อนำเงินกลับประเทศ ซึ่งค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ผ่านมา หากไม่นับปี 2563 ที่เกิดสถานการณ์ COVID 19 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเฉลี่ย 1.3 หมื่นล้านบาท ในเดือน พ.ค.
นอกจากนี้การเคลื่อนไหวของ SET Index ในอดีตมักปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงเดือน ม.ค. เม.ย. จึงมีโอกาสที่จะเกิดแรงขายทากาไรตามมาในเดือน พ.ค.
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเดือน พ.ค. ปีนี้ เราประเมินว่าอาจจะเกิด Sell in May เพราะหากอิงตามสถิติ 10 ปีย้อนหลัง SET Index ปรับตัวลงเฉลี่ย 0.7 % นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่รออยู่ในเดือน พ.ค. คือปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างอิหร่านและอิสราเอล ที่อาจกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง
[หาจังหวะ Buy in May]
ทั้งนี้หากประเมินการเคลื่อนไหวของดัชนีตลอดเดือน พ.ค. ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา SET Index มักปรับตัวลงในช่วงต้น –กลางเดือน พ.ค. และฟื้นตัวได้หลังจากนั้น
ดังนั้นแม้เรามอง Performanceในเดือน พ.ค. อาจมีแรงขายจากสาเหตุที่กล่าวไปข้างต้น แต่ก็ยังจับจังหวะเข้าลงทุนได้ ซึ่งหากมองภาพรายอุตสาหกรรมจะพบว่ากลุ่มค้าปลีก, อาหารเครื่องดื่ม และการแพทย์มักจะเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาด ซึ่งเป็นกลุ่มที่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันพอดี คือทนทานต่อปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ เชิงกลยุทธ์อาจเน้นหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการเด่น และเข้าสะสมในช่วงสัปดาห์ที่ 2ของเดือน พ.ค. เป็นต้นไป
1.กลุ่มค้าปลีกแนะนา CPALL และ BJC ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังภาครัฐเร่งใช้จ่ายงบประมาณในปีนี้ ประกอบกับ BJC ยังมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัวคือโอกาสในการได้คัดเลือกเข้าดัชนี SET50/SET100
2.กลุ่มอาหารเครื่องดื่มเน้นกลุ่มเครื่องดื่มเป็นหลักจากแนวโน้มผลประกอบการเด่น ยอดส่งออกยังเติบโตดี ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเป็นอีกปัจจัยหนุน แนะนา ICHI, SAPPE, OSP, CBG และ COCOCO
3.กลุ่มการแพทย์เด่นสุดในเชิงสถิติแนะนำ BDMS และ BH คาดแนวโน้มผลประกอบการโตเด่น