จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : เมื่อ TIDLOR แปลงร่างเป็น “โฮลดิ้งส์” เพิ่มความคล่องตัว-รองรับการเติบโตระยะยาว
02 พฤษภาคม 2567
TIDLOR ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรเป็นโฮลดิ้งส์ เพิ่มความคล่องตัวในการทำธุรกิจ พร้อมตั้งบริษัทใหม่ รุกธุรกิจ InsurTech Platform รองรับการเติบโตระยะยาว
โฮลดิ้ง คอมพานี เป็นบริษัทที่มีผลประกอบการ หรือมีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่น ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างมาก เรียกว่าลงทุนครั้งเดียวได้ถือหุ้นในหลายธุรกิจ นอกจากนี้ยังเป็นวิธีการที่มีความคล่องตัวในการบริหารธุรกิจ โดยเฉพาะในธุรกิจการเงิน ธุรกิจประกันภัย เพราะมาตรฐานการกำกับดูแลจากหน่วยงานกำกับ ที่มีความแตกต่างกัน
โดยหากเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเงินหรือประกันภัย มาตรฐานการกำกับจะมีความเข้มงวดมากกว่า ทำให้บริษัทต่างๆขาดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ จึงจะเห็นว่าช่วงที่ผ่านมาบริษัทชั้นนำได้ปรับตัวเป็นholding company
และล่าสุด บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) ก็ปรับตัวในแนวทางนั้นเช่นกัน โดยนายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อ 30 เม.ย.67 ได้อนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งส์ (holding company) ภายใต้ชื่อ บริษัท ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจทั้งด้านสินเชื่อและนายหน้าประกัน เพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ และเพิ่มโอกาสขยายไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเพิ่มโอกาสในการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจผ่านการควบรวมกิจการหรือการร่วมลงทุน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของกลุ่มบริษัทได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันจะช่วยให้สามารถบริหารและจำกัดความเสี่ยงของแต่ละธุรกิจที่มีลักษณะต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนจัดตั้งบริษัทใหม่ ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของ ติดล้อ โฮลดิ้งส์ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการกำหนดกลยุทธ์ การบริหาร และการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยในรูปแบบ InsurTech (InsurTech Platform) อีกด้วย ซึ่งการปรับโครงสร้างครั้งนี้ถือเป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว
ด้าน บล.ทรีนีตี้ วิเคราะห์ผลการดำเนินงาน TIDLOR ในไตรมาสแรกปี67 โดยคาดการณ์แนวโน้มกำไรสุทธิคาดว่า จะอยู่ที่ 1,011 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% จากปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ สินเชื่อรวมและรายได้จากขายประกัน ซึ่งจะส่งผลให้ credit cost อยู่ที่ 3.18%
ขณะเดียวกันคาดแนวโน้มกําไรปี 67 ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 18.26% ภายใต้สมมติฐานสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตขึ้น(เป้าบริษัทอยู่ที่ 10-20% จากปีก่อน)
ประกอบกับการเติบโตของ GDP ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการฟื้นตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งมีแรงหนุนจากในธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยและการลดลงของ credit cost อย่างต่อเนี่องและจากประมาณการดังกล่าว
ดังนั้นจึงให้ราคาเป้าหมายปี 2024 ที่ 23.00 บาท (อิงวิธี PBV ที่ 2.3 เท่า ตาม Gordon Growth Model) ราคาหุ้น ปัจจุบันมี Upside จึงแนะนํา “ซื้อ” ส่วนความเสี่ยง: ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์การแข่งขัน ด้านสินเชื่อที่สูงมากขึ้น และการตั้งสํารองของ TIDLOR ช่วงไตรมาสไตรมาส 1/67 ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ตามสินเชื่อที่ปล่อยเพิ่มขึ้น
โฮลดิ้ง คอมพานี เป็นบริษัทที่มีผลประกอบการ หรือมีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่น ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างมาก เรียกว่าลงทุนครั้งเดียวได้ถือหุ้นในหลายธุรกิจ นอกจากนี้ยังเป็นวิธีการที่มีความคล่องตัวในการบริหารธุรกิจ โดยเฉพาะในธุรกิจการเงิน ธุรกิจประกันภัย เพราะมาตรฐานการกำกับดูแลจากหน่วยงานกำกับ ที่มีความแตกต่างกัน
โดยหากเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเงินหรือประกันภัย มาตรฐานการกำกับจะมีความเข้มงวดมากกว่า ทำให้บริษัทต่างๆขาดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ จึงจะเห็นว่าช่วงที่ผ่านมาบริษัทชั้นนำได้ปรับตัวเป็นholding company
และล่าสุด บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) ก็ปรับตัวในแนวทางนั้นเช่นกัน โดยนายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อ 30 เม.ย.67 ได้อนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งส์ (holding company) ภายใต้ชื่อ บริษัท ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจทั้งด้านสินเชื่อและนายหน้าประกัน เพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ และเพิ่มโอกาสขยายไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเพิ่มโอกาสในการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจผ่านการควบรวมกิจการหรือการร่วมลงทุน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของกลุ่มบริษัทได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันจะช่วยให้สามารถบริหารและจำกัดความเสี่ยงของแต่ละธุรกิจที่มีลักษณะต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนจัดตั้งบริษัทใหม่ ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของ ติดล้อ โฮลดิ้งส์ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการกำหนดกลยุทธ์ การบริหาร และการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยในรูปแบบ InsurTech (InsurTech Platform) อีกด้วย ซึ่งการปรับโครงสร้างครั้งนี้ถือเป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว
ด้าน บล.ทรีนีตี้ วิเคราะห์ผลการดำเนินงาน TIDLOR ในไตรมาสแรกปี67 โดยคาดการณ์แนวโน้มกำไรสุทธิคาดว่า จะอยู่ที่ 1,011 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% จากปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ สินเชื่อรวมและรายได้จากขายประกัน ซึ่งจะส่งผลให้ credit cost อยู่ที่ 3.18%
ขณะเดียวกันคาดแนวโน้มกําไรปี 67 ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 18.26% ภายใต้สมมติฐานสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตขึ้น(เป้าบริษัทอยู่ที่ 10-20% จากปีก่อน)
ประกอบกับการเติบโตของ GDP ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการฟื้นตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งมีแรงหนุนจากในธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยและการลดลงของ credit cost อย่างต่อเนี่องและจากประมาณการดังกล่าว
ดังนั้นจึงให้ราคาเป้าหมายปี 2024 ที่ 23.00 บาท (อิงวิธี PBV ที่ 2.3 เท่า ตาม Gordon Growth Model) ราคาหุ้น ปัจจุบันมี Upside จึงแนะนํา “ซื้อ” ส่วนความเสี่ยง: ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์การแข่งขัน ด้านสินเชื่อที่สูงมากขึ้น และการตั้งสํารองของ TIDLOR ช่วงไตรมาสไตรมาส 1/67 ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ตามสินเชื่อที่ปล่อยเพิ่มขึ้น