โลกธุรกิจ
ส่งออกไทยเดือน มี.ค. หดตัวแรง สัญญาณฟื้นตัวยังแผ่ว ภาพรวมทั้งปี 67 ยังไหวหรือไม่?
05 พฤษภาคม 2567
จากกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ รายงาน มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในเดือน มี.ค. 2024 อยู่ที่ 24,960.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พลิกกลับมาหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน โดยหดตัวสูงถึง -10.9% จากปีก่อน ทางศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) มีมุมมองอย่างไร Share2Trade จะพาไปหาคำตอบ
การหดตัวในเดือนนี้เป็นผลมาจากปัจจัยฐานสูงเป็นสำคัญ โดยเฉพาะการส่งออกทองคำที่หดตัวมากถึง 75% จากฐานการส่งออกทองคำในเดือน มี.ค. 2023 ที่สูงกว่าปกติมากอยู่ที่ 1,569 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกหลังหักทองคำหดตัวเหลือ -7.1% แต่มูลค่าการส่งออกหลังหักทั้งทองคำและปัจจัยฐานหดตัวเล็กน้อย -1.1% จากเดือนก่อน (เทียบกับเดือนก่อนหน้าแบบปรับฤดูกาล)
สะท้อนว่าสัญญาณการฟื้นตัวของการส่งออกไทยในระยะสั้นแผ่วลงเล็กน้อยต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่หดตัวใกล้เคียงกันที่ -1.1% ทั้งนี้ในภาพรวมการส่งออกไทยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2024 มีมูลค่า 70,995.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว -0.2%
สำหรับภาพรวมการส่งออกรายสินค้าหดตัวเกือบทุกกลุ่ม นำโดย (1) สินค้าอุตสาหกรรมพลิกกลับมาหดตัว -12.3% จากที่ขยายตัว 5.2% ในเดือนก่อน โดยเฉพาะรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ขณะที่เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบเป็นสินค้าสำคัญที่ขยายตัว
(2) สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรหดตัวต่อเนื่อง -9.9% ใกล้เคียงเดือนก่อนที่หดตัว -9.1% น้ำตาลทรายและไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์เป็นสินค้าหลักที่หดตัว ขณะที่อาหารสัตว์เลี้ยงเป็นสินค้าสำคัญที่ขยายตัว
(3) สินค้าแร่และเชื้อเพลิงหดตัวต่อเนื่อง -5% เทียบกับ -8.5% ในเดือนก่อน ขณะที่ (4) สินค้าเกษตรขยายตัว 0.1% ชะลอลงจาก 7.5% ในเดือนก่อน โดยเฉพาะยางพารา ข้าว ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง (รูปที่ 1 และ 3) ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสภาพภูมิอากาศร้อนทำให้ผลผลิตเกษตรออกช้ากว่าปกติ
[การส่งออกเดือนนี้หดตัวเกือบทุกตลาดสำคัญ]
ภาพรวมการส่งออกหดตัวในเกือบทุกตลาดสำคัญ โดย (1) ตลาดญี่ปุ่น หดตัวรุนแรง -19.3% จาก -5.8% ในเดือนก่อน โดยการส่งออกสินค้าสำคัญ 15 ลำดับแรกของตลาดนี้หดตัวมากถึง 12 รายการ โดยเฉพาะอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (-31.1%) และเคมีภัณฑ์ (-29.5%)
(2) ตลาดจีน เป็นอีกตลาดหลักที่หดตัวต่อเนื่อง -9.7% จาก -5.7% ในเดือนก่อน โดยเฉพาะผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง (-51.4%) และสินค้าอุตสาหกรรมอื่น ๆ (-47.6%)
(3) ตลาดยุโรป พลิกกลับมาหดตัว -3.2% จากที่เคยขยายตัว 1.7% ในเดือนก่อน (4) ตลาดเมียนมา หดตัว -14.8% ต่อเนื่องจาก -14.4% ในเดือนก่อน คาดว่าเป็นผลจากสถานการณ์ความขัดแย้งในเมียนมา
นอกจากนี้ ยังมีความขัดแย้งบริเวณใกล้เคียงกับสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 (แม่สอด) ซึ่งเป็นเส้นทางการส่งออกสินค้ามากถึง 74% ของไทยไปยังเมียนมา ที่อาจมีผลกดดันการส่งออกไปเมียนมาต่อเนื่องในเดือน เม.ย. แม้จะมีเส้นทางอื่นที่สามารถใช้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าวได้ ขณะที่ (5) ตลาดสหรัฐฯ ขยายตัว 2.5% ชะลอลงจาก 15.5% ในเดือนก่อน (รูปที่ 1)
[ดุลการค้าขาดดุลจากการนำเข้าเชื้อเพลิงและสินค้าทุนที่ขยายตัวแข็งแกร่ง]
มูลค่าการนำเข้าสินค้าในเดือน มี.ค. 2024 อยู่ที่ 26123.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวต่อเนื่อง 5.6% จากปีก่อน เทียบกับ 3.2% ในเดือนก่อน โดยสินค้าเชื้อเพลิงขยายตัวครั้งแรกในรอบ 4 เดือนที่ 38.3% สินค้าทุนขยายตัว 11.4%
ขณะที่กลุ่มยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่งหดตัวต่อเนื่องที่ -19.4% สินค้าอุปโภคบริโภคพลิกกลับมาหดตัว -6.8% และสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปหดตัว -1.9%
สำหรับภาพรวมการนำเข้ารายประเทศขยายตัวจาก 2 ตลาดหลัก คือ (1) ตลาดสหรัฐฯ กลับมาขยายตัว 19.8% จากการนำเข้าเชื้อเพลิง และยานพาหนะอื่น ๆ ที่ขยายตัวถึง 7,755.8% และ 1,188.7% ตามลำดับ (2) ตลาด CLMV พลิกกลับมาขยายตัว 8.4% ดุลการค้าระบบศุลกากรในเดือนนี้ขาดดุล -1,163.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับขาดดุล -554 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือน ก.พ. 2024 สำหรับภาพรวมไตรมาสแรกของปี 2024 ดุลการค้าขาดดุล -4,475.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
[SCB EIC ประเมินมูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวต่อเนื่องในปีนี้]
มูลค่าการส่งออกไทยทั้งปีนี้คาดว่าจะพลิกกลับมาขยายตัวที่ 3.1% จากแรงสนับสนุนหลายด้าน ได้แก่ (1) ปริมาณการค้าโลกที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลก แม้จะไม่สดใสเหมือนที่ประมาณการไว้ก่อนเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในบริเวณทะเลแดง
(2) ภาคการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกับการค้าระหว่างประเทศจะกลับมามีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกมากขึ้นในปีนี้ เห็นได้จากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตโลกที่พลิกกลับมาอยู่เหนือระดับ 50 สองเดือนต่อเนื่องหลังจากหดตัวมานาน นอกจากนี้ ดัชนี PMI ยอดคำสั่งซื้อใหม่จากต่างประเทศ (Export order) ยังมีแนวโน้มหดตัวน้อยลง
ขณะที่ดัชนี PMI ปริมาณผลผลิตในอนาคต (Future output) เริ่มขยายตัวเร่งขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว สะท้อนการขยายตัวของภาคการผลิตในระยะข้างหน้า
(3) ราคาสินค้าส่งออกที่ดี เช่น ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามปริมาณผลผลิตในตลาดโลกที่ลดลงจากภัยแล้งและนโยบายควบคุมการส่งออกสินค้าในบางประเทศ รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นตามความเสี่ยงการโจมตี
โรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียโดยจากยูเครน สถานการณ์ความไม่แน่นอนในตะวันออกกลาง รวมถึงความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่ามูลค่าการส่งออกของไทยจะพลิกกลับมาขยายตัวได้ตั้งแต่เดือน เม.ย. และจะขยายตัวได้ราว 2% ในไตรมาสที่ 2 ตามสถานการณ์การส่งออกสินค้าเกษตรและผลไม้ที่อาจปรับตัวดีขึ้น
ตามผลผลิต และการฟื้นตัวของวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์ รถไฟฟ้า และพลังงานสะอาดของโลก รวมถึงค่าเงินบาท อ่อนค่า และค่าระวางเรือที่ทยอยลดลงกลับเข้าสู่ระดับปกติมากขึ้น
[ยังเจอแรงเสี่ยงของการค้าโลก]
อย่างไรก็ตาม การส่งออกไทยอาจได้เผชิญกับปัจจัยเสี่ยงที่มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อการค้าโลก ได้แก่ 1) ปัญหาห่วงโซ่อุปทานจากความแห้งแล้งของคลองปานามาและการโจมตีของกลุ่มกบฏฮูตีบริเวณทะเลแดง ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสำคัญของไทยไปยังสหรัฐฯ และยุโรป ตามลำดับ ที่ยังคงกดดันการค้าโลกอยู่ แม้ว่ามีแนวโน้มจะคลี่คลายลงในระยะต่อไป
2) ปัญหาการแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจ และมาตรการกีดกันทางการค้าที่ถูกนำมาใช้เพิ่มเติม และ 3) สถานการณ์สงครามระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอล ซึ่งมีแนวโน้มจะลุกลามไปยังประเทศใกล้เคียง เช่น อิหร่าน อย่างไรก็ดี เนื่องจากสงครามยังคงจำกัดอยู่ในกลุ่มประเทศใกล้เคียง ไม่ได้มีแนวโน้มจะขยายตัวเป็นวงกว้างไปในภูมิภาค และประเทศไทยมีสัดส่วนการค้ากับกลุ่มประเทศดังกล่าวค่อนข้างน้อย ประเทศไทยจึงมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สงครามดังกล่าวค่อนข้างจำกัด