จับประเด็นหุ้นเด่น

สัมภาษณ์พิเศษ : SA จับกระแสรักษ์โลก เปิดวิสัยทัศน์ปี 67 “THE SUSTAINOVATIVE LIVING”


03 พฤษภาคม 2567
“ขจรศิษฐ์  สิ่งสรรเสริญ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไซมิส แอสเสท (SA) โชว์วิสัยทัศน์ทำธุรกิจปี 2567   มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมตามหลัก THE SUSTAINOVATIVE LIVING  ซึ่งจะเป็นอย่างไรและส่งผลดีต่อบริษัทอย่างไร เราไปติดตามการเจาะลึกมุมมองในเรื่องนี้กัน 

สัมภาษณ์พิเศษ SA จับกระแสรักษ์โลก.jpg

[วิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจปี 2567] 
ปีนี้บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมตามหลักการ THE SUSTAINOVATIVE LIVING  เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้อยู่อาศัย โดยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เทคโนโลยีพลังงานทดแทน การใช้งานทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งได้จัดตั้ง บริษัท ไซมิส เทคโนโลยี จำกัด พัฒนานวัตกรรม ควบคู่กับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย และมีเป้าหมายการติดตั้ง EV charger 30 สถานี และ Solar Roof ที่มีกำลังผลิตรวมกว่า 50,000 KWh ต่อเดือน

[โครงการของ SA มีส่วนในการลดภาวะโลกร้อน] 
การลดภาวะโลกร้อนเป็นสิ่งที่บริษัทให้น้ำหนักอย่างมากในการก่อสร้างบ้านหรืออาคารแต่ละหลัง ซึ่งทุกโครงการของบริษัทจะคัดสรรวัสดุที่ประหยัดพลังงาน ทำให้บ้านของSA ใช้พลังงานในการก่อสร้างน้อยกว่าคู่แข่งประมาณ 40-50%  ขณะเดียวกันบ้านของเราก็ประหยัดพลังงาน เนื่องจากเราใช้ผนังที่กั้นความร้อน  กระจกก็กันความร้อน  กันเสียง  ทำให้การใช้พลังงานลดลงกว่า คู่แข่งมาก  และทุกหลังเราติดตั้งโซลาร์ รูฟให้หมด  มีระบบ EV ชาร์ตเจอร์ และบ้านทุกหลังจะได้รับใบประกาศเรื่อง Green  ช่วยรักษ์โลก 

[ตั้งเป้ารายได้ปีนี้มีรายได้ 7,000 ล้านบาท] 
ปีนี้เราเน้นโครงการเดิมที่กำลังพัฒนา  โดยคาดว่าจะมีรายได้ 6,000-7,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 3 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มีรายได้ 2,000  ล้านบาท  ซึ่งเป็น New High  และรายได้จะอยู่ในระดับนี้ไปอีก 3 ปี   โดยรายได้หลัก มาจาก 
1.โครงการใหญ่ คือตรงพระราม 9  มูลค่าโครงการ 12,000  ล้านบาท ตอนนี้โอนแล้วประมาณ 2,000  ล้านบาท มี backlog  ประมาณ 4,000 ล้านบาท   
2.โครงการแถวแฟชั่นไอร์แลนด์ซึ่งกำลังก่อสร้าง  มีมูลค่าโครงการ 4,000-5,000 ล้านบาท แต่ยอดขายตอนนี้กว่า 50%   
3. โครงการแถวทุ่งสองห้องกำลังก่อสร้าง  เป็นโนโวเทล 

ส่วนโครงการที่เป็นหมู่บ้านมี 3 แห่ง  เริ่มมีการส่งมอบแล้ว  ได้แก่ 1. โครงการแถวพรานนก  ทยอยส่งมอบแล้วกว่า 10%  มูลค่า 2,000 ล้านบาท  2. โครงการถนนราชพฤกษ์มูลค่าโครงการประมาณ 4,000  ล้านบาท  และโครงการแถวรังสิตเป็นการก่อสร้าง 2 หมู่บ้าน

[แนวคิดการก่อสร้างซีเนียร์ ลิฟวิ่ง]
โครงการสุดท้ายที่กำลังออกแบบอยู่ที่ตลิ่งชันเป็น โครงการซีเนียร์ ลิฟวิ่ง  เป็นโรงแรมพร้อมที่พักอาศัยผู้สูงอายุ เป็นตึกสูงประมาณ 20 ชั้น และมีเนอส์ซิ่งโฮม  เป็นที่พักของผู้สูงอายุที่ต้องการความช่วยเหลือและมีคลินิกพิเศษ ซึ่งเราได้เซ็น MOU กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่  และกลุ่มโรงพยาบาล มาร่วมกันเปิดโรงแรกที่พักอาศัย  ซึ่งคาดว่าในช่วง 3-4 ปีข้างหน้าจะเป็นตัวที่สร้างรายได้ให้บริษัทเติบโตได้ตามเป้าหมายปีละ 6,000-7,000  ล้านบาท 

[มองไตรมาสแรกปี 67 นี้อย่างไร]
ค่อนข้างชัดเจนว่า ไตรมาสแรกยอดรับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเบื้องต้นที่ผู้ตรวจสอบทางบัญชีกำลังตรวจสอบอยู่ที่ 1,050  ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี2566 ทั้งปีที่มีรายได้ส่วนนี้ 1,122 ล้านบาท   

[การกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนอะไรบ้าง] 
อยากให้สนับสนุนเรื่องการลดค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการ  โดยเฉพาะการเก็บภาษีห้องหรืออาคารที่ยังไม่ได้ขายออก   ซึ่งตามปกติการเก็บภาษีจะคิดเมื่อผู้ประกอบการเมื่อมีการโอนอสังหาริมทรัพย์ให้ลูกค้า   แต่ปัจจุบันแม้จะสร้างเสร็จแต่ยังไม่ได้โอน  ภาครัฐก็มีการเรียกเก็บภาษี  ทำให้เกิดความซ้ำซ้อนกับผู้ประกอบการที่ต้องเสียภาษี 2  ครั้ง

[แนวคิดการลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E)]  
ตอนนี้ทุกบริษัทในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีปัญหาในเรื่องการระดมทุน   แม้แต่บริษัทเราแม้จะมี Project Finance ทุกโครงการ แต่เนื่องจากบริษัทที่นักลงทุนจะเลือกลงทุนได้ต้องมีสุขภาพทางการเงินที่ดี    SA จึงมีความมุ่งมั่นที่จะลดหนี้สินต่อทุนของเราลง โดยปลายปี 2566  อยู่ที่ 1.9 เท่า  และปีนี้อยากลดให้เหลือ 1.4-1.5 เท่า  และปี2568- 2569 จะพยายามลดให้เหลือต่ำกว่า 1 เท่า  ซึ่งจะทำให้เรตติ้งของ SA ปรับเพิ่มขึ้นเป็น BBB+  หรือ Investment Grade  จากปัจจุบันอยู่ที่ BBB  ซึ่งจะทำให้การระดมทุนทำได้ง่ายขึ้น  มีต้นทุนลดลง และผลกำไรก็จะดีขึ้น  

[สาเหตุที่บริษัทตั้งเป้าสร้างรายได้ประจำในสัดส่วน 15%] 
ปกติทุกบริษัทอยากให้ธุรกิจมีรายได้ที่สม่ำเสมอ  เพราะบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายได้จะขึ้นๆลงๆ ตามการส่งมอบโครงการ  ดังนั้นรายได้ที่สำคัญคือรายได้ที่เข้ามาสม่ำเสมอ เช่น รายได้จากโรงแรม  รายได้จากร้านอาหาร หรือรายได้จากธุรกิจอื่น  แต่เนื่องจากธุรกิจกลุ่มนี้ใช้เงินลงทุนสูง ดังนั้น โรงแรมที่เราสร้างมา ก็จะสร้างสมดุลให้มีระหว่างการขายและการสร้างได้ประจำ   
ซึ่งปีนี้บริษัทพัฒนาโรงแรม 6-7 แห่ง เปิดแล้ว 5 แห่ง  ซึ่งอาจต้องมีการขายโรงแรมบางแห่ง เพื่อสร้างกระแสเงินสด  ทำให้ตั้งเป้ารายได้ที่สม่ำเสมอในสัดส่วน 15% หรือประมาณ 800-900 ล้านบาท จากรายได้รวมที่ 6-7,000 ล้านบาท  

 [ความคืบหน้าของธุรกิจ AMC]
การบริหารหนี้เสียหรือ AMC  เราเข้าประมูลเพื่อซื้อหนี้เสียมาพัฒนาเป็นทรัพย์สินที่ขายได้  ซึ่งปัจจุบันที่พอร์ตอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท  สร้างรายได้ให้SA  ประมาณ 20%  หรือ 40  ล้านบาท
SA