เข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการกันแล้ว อีกหนึ่งกลุ่มที่นักลงทุนให้ความสนใจมาอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ “ลีสซิ่ง” ดังนั้นทีมข่าว Share2Trade จึงได้รวบรวมแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/67 ของ 3 หุ้นยอดนิยมในกลุ่มนี้มาฝากนักลงทุน
ล่าสุดนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คาดว่ากำไรสุทธิรวมไตรมาส 1/67 ของกลุ่มไมโครไฟแนนซ์ 3 แห่ง (MTC SAWAD TIDLOR) แข็งแกร่งที่ 3.67 พันล้านบาท เติบโต 13.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 4.2% จากไตรมาสก่อน) หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัวล้อกับการขยายตัวของสินเชื่อ แม้ว่า NIM จะปรับลดลงจากต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น
โดยยังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2567 ที่จะเติบโตแข็งแกร่งที่ 18.3% หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นล้อกับการขยายสินเชื่อ รายได้ค่าคอมมิชชั่นขยายตัวจากการเป็นนายหน้าธุรกิจประกัน และ Credit cost ลดลงจากหนี้เสียที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในระดับชะลอตัว
ขณะที่ทั้ง MTC SAWAD TIDLOR จะมีความสามรถการทำกำไรที่ดีขึ้นในปี 2567 แต่ความท้าทายหลักยังคงมาจาก หนี้เสียสูงขึ้น NIM ลดลง การขาดทุนจากรถยึด และมาตรการเข้มงวดของภาครัฐ ด้านการลงทุน คงน้ำหนักการลงทุน "เท่ากับตลาด" เลือก TIDLOR เป็นหุ้นเด่น
TIDLOR จ่อฟันกำไรพันล้าน
ส่วนบทวิเคราะห์พื้นฐานรายบริษัท โดย TIDLOR นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดไตรมาส 1/67 TIDLOR จะมีกำไรสุทธิ 1,029 ล้านบาท เติบโต 5.8%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 16.5% จากไตรมาสก่อน
ทั้งนี้ได้รับแรงหนุนจาก การตั้งสำรองที่คาดจะลดลง 20.5%จากไตรมาสก่อน หลังเร่งตั้งสำรองเพื่อรองรับความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อ รวมถึง Write-Off ไปมากแล้วในไตรมาส 4/66 ทำให้คาด Credit Cost ของบริษัทจะลดลงเหลือ 3.2% จาก 4.2% ในไตรมาส4/66 ส่วน NPL คาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.5% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ไม่น่ากังวลและต่ำกว่าคู่แข่ง
อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานคาดลดลง 2.2% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่าย Incentive พนักงานที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล ทำให้คาด Cost to Income Ratio จะลดลงเล็กน้อยเหลือ 55% จาก 55.3% ในไตรมาส 4/66
และรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิคาดโต 2.8% จากไตรมาสก่อน แม้คาด NIM จะชะลอลงเหลือ 15.4% จาก 15.6% ในไตรมาส 4/66 จากทั้งต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น และอัตราผลตอบแทนที่ต่ำลงตามจำนวนวันที่ใช้คำนวณดอกเบี้ยรับที่น้อยลง
ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2/67 คาดกำไรขยับขึ้นต่อจากไตรมาสก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ลดลง และความต้องการสินเชื่อที่ยังแข็งแรง โดยคาดทั้งปี 2567 TIDLOR จะมีกำไรสุทธิ 4,515 ล้านบาท เติบโต 19.1% จากปีก่อน แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 29 บาท
MTC กำไรโต 25%
ต่อด้วย MTC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/67 (งบประกาศ 7 พ.ค. 67) เท่ากับ 1.33 พันล้านบาทแม้ลดลง 1% จากไตรมาสก่อนจาก OPEX เพิ่มตามฤดูกาล แต่กำไรสุทธิยังขยายตัว 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้เนื่องจากการขยายตัวของสินเชื่อ ขณะที่ประเมินคุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในการบริหารจัดการ โดยคาดการณ์กำไรช่วงที่เหลือของปีเร่งตัวขึ้น จากพัฒนาการของทิศทาง CREDIT COST เนื่องจากมองว่าคุณภาพสินทรัพย์มีปัจจัยบวกจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ
และโอกาสในการเกิดลานีญา (ฝนตก) ช่วงครึ่งหลังปี 67 เป็นปัจจัยผลักดันรายได้เกษตรกรซึ่งเป็นฐานลูกค้าของ MTC ตามปริมาณผลผลิตที่มีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบกับภาวะปัจจุบันที่เป็น เอลนีโญ (ภัยแล้ง) ดังนั้นคาดกำไรทั้งปี 2567 ที่ 5.7 พันล้านบาท เติบโต 16% จากปีก่อน คงแนะนำ Outperform เลือกเป็น Top pick กลุ่มฯ ราคาเป้าหมาย 51 บาท
SAWAD กำไรพุ่ง 10.2%
ปิดท้ายที่ SAWAD นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาด SAWAD จะมีกำไร1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 4.4% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ ถึงแม้จะคาดว่าต้นทุนดอกเบี้ยและการตั้งสำรองจะเพิ่มขึ้นก็ตาม
ดังนั้นยังคงประมาณการกำไรปี 2567ไว้ที่ 5.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากปีก่อน โดย SAWAD จะได้ประโยชน์จากการรับรู้รายได้ “เงินสดทันใจ” เต็มปีแต่ต้นทุนดอกเบี้ย และการตั้งสำรองที่เพิ่ม ยังเป็นปัจจัยกดดันผลประกอบการอยู่ แนะนำ “ซื้อ” คงราคาพื้นฐาน 47 บาท
ล่าสุดนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คาดว่ากำไรสุทธิรวมไตรมาส 1/67 ของกลุ่มไมโครไฟแนนซ์ 3 แห่ง (MTC SAWAD TIDLOR) แข็งแกร่งที่ 3.67 พันล้านบาท เติบโต 13.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 4.2% จากไตรมาสก่อน) หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัวล้อกับการขยายตัวของสินเชื่อ แม้ว่า NIM จะปรับลดลงจากต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น
โดยยังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2567 ที่จะเติบโตแข็งแกร่งที่ 18.3% หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นล้อกับการขยายสินเชื่อ รายได้ค่าคอมมิชชั่นขยายตัวจากการเป็นนายหน้าธุรกิจประกัน และ Credit cost ลดลงจากหนี้เสียที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในระดับชะลอตัว
ขณะที่ทั้ง MTC SAWAD TIDLOR จะมีความสามรถการทำกำไรที่ดีขึ้นในปี 2567 แต่ความท้าทายหลักยังคงมาจาก หนี้เสียสูงขึ้น NIM ลดลง การขาดทุนจากรถยึด และมาตรการเข้มงวดของภาครัฐ ด้านการลงทุน คงน้ำหนักการลงทุน "เท่ากับตลาด" เลือก TIDLOR เป็นหุ้นเด่น
TIDLOR จ่อฟันกำไรพันล้าน
ส่วนบทวิเคราะห์พื้นฐานรายบริษัท โดย TIDLOR นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดไตรมาส 1/67 TIDLOR จะมีกำไรสุทธิ 1,029 ล้านบาท เติบโต 5.8%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 16.5% จากไตรมาสก่อน
ทั้งนี้ได้รับแรงหนุนจาก การตั้งสำรองที่คาดจะลดลง 20.5%จากไตรมาสก่อน หลังเร่งตั้งสำรองเพื่อรองรับความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อ รวมถึง Write-Off ไปมากแล้วในไตรมาส 4/66 ทำให้คาด Credit Cost ของบริษัทจะลดลงเหลือ 3.2% จาก 4.2% ในไตรมาส4/66 ส่วน NPL คาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.5% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ไม่น่ากังวลและต่ำกว่าคู่แข่ง
อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานคาดลดลง 2.2% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่าย Incentive พนักงานที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล ทำให้คาด Cost to Income Ratio จะลดลงเล็กน้อยเหลือ 55% จาก 55.3% ในไตรมาส 4/66
และรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิคาดโต 2.8% จากไตรมาสก่อน แม้คาด NIM จะชะลอลงเหลือ 15.4% จาก 15.6% ในไตรมาส 4/66 จากทั้งต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น และอัตราผลตอบแทนที่ต่ำลงตามจำนวนวันที่ใช้คำนวณดอกเบี้ยรับที่น้อยลง
ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2/67 คาดกำไรขยับขึ้นต่อจากไตรมาสก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ลดลง และความต้องการสินเชื่อที่ยังแข็งแรง โดยคาดทั้งปี 2567 TIDLOR จะมีกำไรสุทธิ 4,515 ล้านบาท เติบโต 19.1% จากปีก่อน แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 29 บาท
MTC กำไรโต 25%
ต่อด้วย MTC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/67 (งบประกาศ 7 พ.ค. 67) เท่ากับ 1.33 พันล้านบาทแม้ลดลง 1% จากไตรมาสก่อนจาก OPEX เพิ่มตามฤดูกาล แต่กำไรสุทธิยังขยายตัว 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้เนื่องจากการขยายตัวของสินเชื่อ ขณะที่ประเมินคุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในการบริหารจัดการ โดยคาดการณ์กำไรช่วงที่เหลือของปีเร่งตัวขึ้น จากพัฒนาการของทิศทาง CREDIT COST เนื่องจากมองว่าคุณภาพสินทรัพย์มีปัจจัยบวกจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ
และโอกาสในการเกิดลานีญา (ฝนตก) ช่วงครึ่งหลังปี 67 เป็นปัจจัยผลักดันรายได้เกษตรกรซึ่งเป็นฐานลูกค้าของ MTC ตามปริมาณผลผลิตที่มีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบกับภาวะปัจจุบันที่เป็น เอลนีโญ (ภัยแล้ง) ดังนั้นคาดกำไรทั้งปี 2567 ที่ 5.7 พันล้านบาท เติบโต 16% จากปีก่อน คงแนะนำ Outperform เลือกเป็น Top pick กลุ่มฯ ราคาเป้าหมาย 51 บาท
SAWAD กำไรพุ่ง 10.2%
ปิดท้ายที่ SAWAD นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาด SAWAD จะมีกำไร1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 4.4% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ ถึงแม้จะคาดว่าต้นทุนดอกเบี้ยและการตั้งสำรองจะเพิ่มขึ้นก็ตาม
ดังนั้นยังคงประมาณการกำไรปี 2567ไว้ที่ 5.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากปีก่อน โดย SAWAD จะได้ประโยชน์จากการรับรู้รายได้ “เงินสดทันใจ” เต็มปีแต่ต้นทุนดอกเบี้ย และการตั้งสำรองที่เพิ่ม ยังเป็นปัจจัยกดดันผลประกอบการอยู่ แนะนำ “ซื้อ” คงราคาพื้นฐาน 47 บาท