จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : แนวโน้มธุรกิจก่อสร้างบูม ดันรายได้ MENA ปี 67 โตกว่า 15%
07 พฤษภาคม 2567
การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในไตรมาสแรกที่ผ่านมายังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ติดอันดับต้น ซึ่งหนุนผลงาน บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) ให้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 15%
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ ไตรมาสแรกของปี 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 25,003 ราย ลดลง 1,179 ราย หรือ 4.50% เมื่อเปรียบเทียบไตรมาสแรกของปี 2566 คิดเป็นทุนจดทะเบียน 67,940 ล้านบาท ลดลง 271,645 ล้านบาท หรือ 79.99% เมื่อเทียบไตรมาสแรกของปี 2566 (ไตรมาสแรกปี 2566 จัดตั้งธุรกิจ 26,182 ราย ทุนจดทะเบียน 339,595 ล้านบาท)
ประเภทธุรกิจที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
1) ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 1,957 ราย ทุน 4,193 ล้านบาท
2) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 1,907 ราย ทุน 8,093 ล้านบาท
3) ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 1,093 ราย ทุน 2,302 ล้านบาท
ซึ่งนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในไตรมาส 1/2567 ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่สูง เมื่อเปรียบเทียบกับรอบ 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 57 - 66) โดยเป็นรองเพียงยอดจดทะเบียนในไตรมาส 1/2566 เท่านั้น (ไตรมาส 1/2566 จดทะเบียน 26,182 ราย)
โดยธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ยังติดอันดับต้นในการยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ ส่งผลดีต่อธุรกิจของ บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) ในฐานะผู้ให้บริการขนส่งสินค้าด้วยรถลากจูงหรือรถเทรลเลอร์ (Trailer) ให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถผสมคอนกรีตหรือรถมิกเซอร์ (Mixer) และการขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้าง
นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MENA ระบุ แนวโน้มธุรกิจโลจิสติกส์ปีนี้ เชื่อว่ายังคงขยายตัวได้ดี เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ฟื้นตัวขานรับการท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นจากนโยบายฟรีวีซ่าของรัฐบาล ถือเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจของบริษัท โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการรถมิกเซอร์ที่มีโอกาสเติบโตสูง รวมถึงรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก บริษัท ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (TDM)
ทั้งนี้ จากอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่ขยายตัว บริษัทจึงได้เพิ่มขีดความสามารถเพื่อรองรับกับการขยายตัวดังกล่าว โดยในครึ่งแรกปีนี้เตรียมงบลงทุนประมาณ 130 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยาย Fleet รถประมาณ 50 คัน
แบ่งเป็นรถ Mixer ประมาณ 40 คัน รถเทรลเลอร์ ประมาณ 10 คัน รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้รถ โดยเฉพาะรถที่เพิ่มในระหว่างปี 2566 กว่า 100 คัน ให้เต็มประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ภายในกลางปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ามีรถพร้อมให้บริการอยู่ที่ 830 คัน และยังคงมองหาพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพและต่อยอดธุรกิจหลักให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทำให้มั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 15%
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ ไตรมาสแรกของปี 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 25,003 ราย ลดลง 1,179 ราย หรือ 4.50% เมื่อเปรียบเทียบไตรมาสแรกของปี 2566 คิดเป็นทุนจดทะเบียน 67,940 ล้านบาท ลดลง 271,645 ล้านบาท หรือ 79.99% เมื่อเทียบไตรมาสแรกของปี 2566 (ไตรมาสแรกปี 2566 จัดตั้งธุรกิจ 26,182 ราย ทุนจดทะเบียน 339,595 ล้านบาท)
ประเภทธุรกิจที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
1) ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 1,957 ราย ทุน 4,193 ล้านบาท
2) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 1,907 ราย ทุน 8,093 ล้านบาท
3) ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 1,093 ราย ทุน 2,302 ล้านบาท
ซึ่งนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในไตรมาส 1/2567 ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่สูง เมื่อเปรียบเทียบกับรอบ 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 57 - 66) โดยเป็นรองเพียงยอดจดทะเบียนในไตรมาส 1/2566 เท่านั้น (ไตรมาส 1/2566 จดทะเบียน 26,182 ราย)
โดยธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ยังติดอันดับต้นในการยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ ส่งผลดีต่อธุรกิจของ บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) ในฐานะผู้ให้บริการขนส่งสินค้าด้วยรถลากจูงหรือรถเทรลเลอร์ (Trailer) ให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถผสมคอนกรีตหรือรถมิกเซอร์ (Mixer) และการขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้าง
นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MENA ระบุ แนวโน้มธุรกิจโลจิสติกส์ปีนี้ เชื่อว่ายังคงขยายตัวได้ดี เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ฟื้นตัวขานรับการท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นจากนโยบายฟรีวีซ่าของรัฐบาล ถือเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจของบริษัท โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการรถมิกเซอร์ที่มีโอกาสเติบโตสูง รวมถึงรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก บริษัท ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (TDM)
ทั้งนี้ จากอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่ขยายตัว บริษัทจึงได้เพิ่มขีดความสามารถเพื่อรองรับกับการขยายตัวดังกล่าว โดยในครึ่งแรกปีนี้เตรียมงบลงทุนประมาณ 130 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยาย Fleet รถประมาณ 50 คัน
แบ่งเป็นรถ Mixer ประมาณ 40 คัน รถเทรลเลอร์ ประมาณ 10 คัน รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้รถ โดยเฉพาะรถที่เพิ่มในระหว่างปี 2566 กว่า 100 คัน ให้เต็มประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ภายในกลางปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ามีรถพร้อมให้บริการอยู่ที่ 830 คัน และยังคงมองหาพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพและต่อยอดธุรกิจหลักให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทำให้มั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 15%