Gossip Station..by เจ๊จิ๋ม

Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 09-05-24 (สัปดาห์หน้าลุ้นหุ้นเข้า-ออก MSCI)


09 พฤษภาคม 2567
Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 09-05-24 (สัปดาห์หน้าลุ้นหุ้นเข้า-ออก MSCI)

09-05-24 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยมีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ 

***ภาพรวมๆ สัปดาห์นี้สำหรับเจ๊จิ๋มแล้ว ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนัก..แต่ที่ต้องรอลุ้นคือสัปดาห์หน้าที่จะมีการประกาศหุ้นเข้า-ออก สำหรับดัชนี MSCI มีการคาดการณ์กันว่า COCOCO, KAMART, MOSHI มีโอกาสเข้าคำนวณดัชนีฯ แต่ราคาหุ้น 2 ตัวแรก ขึ้นมาค่อนข้างมาก ยกเว้น MOSHI ที่ราคายังไม่แรง เอาน่ะ!!!ลุ้นกันต่อไป

***ตามติดต่อจากเรื่องเมื่อวานหลังการประกาศงบไตรมาสแรกของทั้ง MTC และ TIDLOR เรามาดูกันว่าบรรดากูรูหุ้นแต่ละค่ายอัพเดทราคาใหม่ให้แล้วเป็นอย่างไรบ้าง..เริ่มจาก MTC 
-CGSI ราคาเป้าหมาย  34.00 บาท แนะนำ  Reduce 
-TRINITY ราคาเป้าหมาย 48.60  บาท แนะนำ Hold 
-INVX ราคาเป้าหมาย  50.00  บาท แนะนำ Neutral 
-DAOLSEC ราคาเป้าหมาย  52.00  บาท แนะนำ Buy 
-ASPS ราคาเป้าหมาย  51.00  บาท แนะนำ Overweight 
-KTX ราคาเป้าหมาย 35.18  บาท แนะนำ Neutral 
-BLS ราคาเป้าหมาย  50.00  บาท แนะนำ Buy 
-UOBKHST ราคาเป้าหมาย  54.00  บาท แนะนำBuy 

***สำหรับ TIDLOR ต่อมุมมองจากกูรู 10 สำนัก
-TRINITY ราคาเป้าหมาย 25.15  บาท แนะนำ Buy 
-INVX ราคาเป้าหมาย  27.00  บาท แนะนำ Outperform Market 
-DAOLSEC ราคาเป้าหมาย  23.00  บาท แนะนำ Hold 
-ASPS ราคาเป้าหมาย      26.00  บาท แนะนำ Overweight 
-KTX ราคาเป้าหมาย  24.11  บาท แนะนำ Outperform Market 
-DBSV ราคาเป้าหมาย  25.10  บาท แนะนำ Buy 
-BLS ราคาเป้าหมาย 25.00  บาท แนะนำ Buy 
-UOBKHST ราคาเป้าหมาย  30.00  บาท แนะนำ Buy 
-KSS ราคาเป้าหมาย  22.00  บาท แนะนำ Neutral 
-YUANTA ราคาเป้าหมาย 29.00  บาท แนะนำ Buy

***ทางด้าน NUSA ก้อมาเร็วเคลมเร็วประกาศแต่งตั้งแล้วจ๊ะ หวยล็อคมาตกที่ "ณัฐพศิน เชฎฐ์อุดมลาภ" รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่แทนที่คนเก่า "วิษณุ เทพเจริญ" ติดตามรอดูค่ะพวกเราชาวรายย่อยว่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรกันมั่ง???

***ว๊าวววว!!! เจ๊จิ๋มนับถือใจบอร์ดบริหารของ TERA ที่นำทีมโดย "พี่แขก" สุดๆ นายแน่นมาก!!! ประกาศผลงานไตรมาสแรกที่ทำกำไรไว้  0.03 บาท/หุ้น แต่ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลมากถึง 0.045 บาท/หุ้น ป๊าดดดดด!!! เอาใจเจ๊ไปเลยดิ!!! ผู้ถือหุ้นยิ้มแก้มฉีกเลยแบบนี้ ส่วนนักลงทุนที่อยากเป็นผู้ถือหุ้นด้วย เค้ามีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 21 พ.ค.นี้ อยากได้ปันผลเป็นเงินสดๆ ผลตอบแทนดีๆ เริ่ดๆ แบบนี้ต้องรีบเลยนะ!!! ส่วนกำหนดโอนเงินเข้ากระเป๋าคือ 7 มิ.ย.67 

***ว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้..มันก้อไม่ได้ ภาษาชาวบ้านเค้าเรียกว่า "เด๋วตกประเด็น"  จากเรื่องที่ รวม.คลังคนใหม่ "พิชัย ชุณหวชิร" มีแผนการนำกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กลับมาเพื่อหวังช่วยกระตุ้นตลาดหุ้น รวมถึงมาตรการควบคุมอื่นๆ หากการควบคุม ชอร์ตเซล และโปรแกรมเทรดยังไม่ดีขึ้น

***ต่อประเด็นนี้ทำให้วงการตลาดเงิน-ตลาดทุนเม้าส์กันสนั่น!!! แต่เจ๊ขอยกเอาบทสรุปแบบย่อมาบอกต่อนักลงทุนเพื่อจะได้วิเคราะห์และประเมินกันนะ

***1.แรงขายจากนักลงทุนสถาบันฯ มีโอกาสลดลง สังเกตได้จากหลังหมด LTFและ SSFX มาซักระยะนักลงทุนสถาบันฯ ก็เริ่มขายสุทธิออกมาต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ ม.ค.64 – เม.ย.67 สถาบันฯ เป็นผู้ขายหุ้นไทยมากสุด -1.5 แสนล้านบาท สูงกว่าต่างชาติ -1.03 แสนล้านบาท

***2.หักล้างการ REDEEM ใน LTF เก่า พอ LTF หมดลงก็ไม่มีเม็ดเงินใหม่เข้ามาหนุนตลาดฯ มีแต่เม็ดเงินที่ทยอยถอนออก (REDEEM) โดยก่อน LTF หมดสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี (ปลายปี 2562) ตอนนั้นมีเม็ดเงิน LTF คงค้างในระบบสูงถึง 4.06 แสนล้านบาท ค่อยๆ ถอนออกจากตลาดหุ้นไทยกว่า 1.59 แสนล้านบาท กดดันตลาด และล่าสุด เม.ย. 67 เหลือมูลค่าคงค้าง LTF อยู่ 2.47 แสนล้านบาท หากไม่มีเม็ดเงิน LTF ใหม่เข้ามาช่วยพยุง ตลาดหุ้นไทยก็จะถูกกดดันจากแรงขายในยอดเงินคงค้างต่อ

***3.ลดผลกระทบจากการ SHORT SELL หรือแรงกระทบจากปัจจัยภายนอกส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนในช่วงระยะสั้น แต่หากมีเม็ดเงิน LTF น่าจะเข้ามาช่วยพยุงในยามผันผวนระยะสั้นได้ เพราะผู้ลงทุน LTF จะหาจังหวะสะสมในช่วงที่ตลาดย่อตัวลงมา

***4.คาดหวังเม็ดเงินจาก LTF ใหม่เข้ามาหนุนราว 6 – 7 หมื่นล้านบาทต่อปีโดยปกติในอดีตจะมีเม็ดเงิน LTF ใหม่ไหลเข้าหุ้นไทยราว 6 –7 หมื่นล้านบาทต่อปี พร้อมกับช่วยหนุนสภาพคล่องในระบบเพิ่มขึ้น

***5.หนุนสภาพคล่อง หรือ TURNOVER ในระบบให้สูงขึ้น โดยในอดีตช่วงมี LTF ตลาดหุ้นไทยมีสภาพคล่องหรือ TURNOVER เฉลี่ยสูงถึง 80% ต่อปี แต่ปัจจุบัน TURNOVER เฉลี่ยเหลือเพียง 62.7% หากสภาพคล่องกลับมาบริเวณปกติ ที่TURNOVER เฉลี่ยสูงถึง 80% ต่อปีจะมีมูลค่าซื้อขายกลับไป 5.5 หมื่นล้านบาทต่อวัน น่าจะเพียงพอในการขับเคลื่อนดัชนีหุ้นไทยให้ขยับขึ้นได้

***6.อาจจะแบ่งเม็ดเงินจากกองทุนหุ้นเมืองนอกกลับมาบ้าง โดยมีการรวบรวมข้อมูลเม็ดเงินกองทุนหุ้นในระบบ พบว่าเป็นเม็ดเงินในกองทุนหุ้น
เมืองนอก (FIFEQ + RMFFIFEQ) สูงสุดถึง 6.4 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนราว 40%ของกองทุนหุ้นทั้งหมด ขณะที่เป็นเม็ดเงินจากกองทุน RMF หุ้นไทย เพียง 1.1 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนราว 7% และกองทุน LTF เพียง 2.5แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนราว 15% เท่านั้น