Smart Investment

หุ้น AURA ไม่ “ออร่า” เหมือนราคาทอง ราคาดิ่งหนัก! นิวโลในรอบ 1 ปี จับตางบไตรมาส 1/67 มาตามนัดหรือไม่?


12 พฤษภาคม 2567
เห็นราคาหุ้น บมจ.ออโรร่า ดีไซน์ (AURA) แทบต้องขยี้ตา!!! เมื่อวันที่ 9 พ.ค.67 ราคาหุ้น AURA ปิดตลาดที่ 12.80 บาท/หุ้น ใกล้ราคานิวโลในรอบ 1 ปี (12.70 บาท/หุ้น) สวนทางราคาทองคำในตลาดโลก และตลาดในประเทศไทย ที่สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 

โดยในช่วงกลางเดือนเม.ย.ราคาทองแท่งขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดใหม่แถว 42,000 บาท/บาททองคำ จากความกังวลสงครามระหว่างอิหร่านและอิสราเอล  ก่อนปรับฐานลงมาหลังแนวโน้มสงครามเริ่มมีทิศทางคลี่คลาย

คอสัมน์ smart invest หุ้น AURA ไม่ “ออร่า” เหมือนราคาท.jpg

จากข้อมูลของสมาคมผู้ค้าทองคำ (9 พ.ค.67) พบว่า ราคาทองคำแท่งภายในประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 6,750 บาท/บาททองคำ โดยปิดตลาดราคาทองคำแท่งขายออก อยู่ที่ 40,400 บาท รับซื้อคืนที่ 40,300 บาท ส่วนทองรูปพรรณขายออกอยู่ที่ 40,900 บาท รับซื้อคืนที่ 39,567.60 บาท ขณะที่ราคาทอง Gold Spot อยู่ที่ 2,310.50 บาท ค่าเงินบาทอยู่ที่ 36.95 บาท/ดอลลาร์

AURA ถือเป็นผู้นำค้าปลีกทองรูปพรรณ เครื่องประดับเพชรและอัญมณี และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นที่มีบริการแบบครบวงจร (One Stop Service) ซึ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นรายแรกาของประเทศไทย โดยเข้า SET ในวันที่ 29 พ.ย.2565

หากดูผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี (2565-2567) นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รายได้และกำไรของ AURA สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 22,270.34 ล้านบาท 29,603.69 ล้านบาท และ 29,925.13 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 586.10 ล้านบาท707.86 ล้านบาท และ 850.03 ล้านบาท ตามลำดับ
ในสิ้นปี 2566 บริษัทฯมีสาขาทั้งในเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัดจำนวน 406 สาขา เพิ่มจากปี 2565 จำนวน 127 สาขา โครงสร้างรายได้ของบริษัทฯมาจาก 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.มาจากการขายสินค้า Modern Gold ผลิตภัณฑ์เครื่องประดับทองรูปพรรณที่มีส่วนประกอบของทองคำบริสุทธิ์ร้อยละ 96.5 เช่น สร้อยคอ แหวน สร้อยข้อมือ ต่ำงหู เป็นต้น คิดเป็นสัดส่วน 94% 

ส่วนที่ 2 มาจากรายได้จากการขายเครื่องประดับเพชร และ Design Gold คิดเป็นสัดส่วน 5% และ 3.มาจากดอกเบี้ยรับ (ทองมาเงินไป) ดอกเบี้ยรับจากธุรกิจขายฝากทองและหรือเครื่องประดับเพชร คิดเป็นสัดส่วน 1% ของรายได้รวม แม้ราคาหุ้น AURA จะปรับตัวลดลง สวนทางราคาทองคำในตลาดโลก และราคาทองคำในประเทศ 

แต่ในมุมมองของนักวิเคราะห์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มองว่า AURA จะดีต่อเนื่อง จากทั้งธุรกิจค้าปลีกทองและขายฝากที่ดีขึ้น ยังคงแนะนำ "ซื้อ" และราคาเป้าหมาย 18.00 บาท อิง 2024E PER ที่ 23 เท่า (-0.75SD below 1.5-yr avg. PER)

โดยประเมินว่า กำไรปี 67-68 คงดีขึ้นได้ต่อเนื่องตามการขยายสาขา และพอร์ตลูกหนี้ขายฝากที่เพิ่มขึ้น และกำไรไตรมาส 1/67 ยังมีลุ้นทำสถิติสูงสุดใหม่จากปริมาณการซื้อขายทองที่สูง รวมถึงราคาทองที่เพิ่มทำให้ส่วนต่างราคาขายและต้นทุนดีขึ้น 

ขณะที่จะได้ประโยชน์หากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยซึ่งจะทำให้ต้นทุนเงินกู้ยืมปรับตัวดีขึ้นได้ ด้าน valuation ยังน่าสนใจ เทรด 2024E PER ที่ 18.0 เท่า คิดเป็น -1.75SD
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ยังมองเป็นบวกตามเดิมจาก Group conference call (29 มี.ค.) ดังนี้ 1) ตั้งเป้าปี 67 สาขารวมเพิ่มเป็น 484 สาขา จากปี 66 ที่ 406 สาขา โดยธุรกิจค้าปลีกจะเปิดเพิ่ม 28 สาขา ครอบคลุมห้างสรรพสินค้าทั้งใน กทม. และจังหวัดหลักมากขึ้น 

ส่วนธุรกิจขายฝากจะเปิดทองมาเงินไป 50 สาขา ครอบคลุมเขตชุมชนในจังหวัดหลักทั่วประเทศมากขึ้น 2) ยังมั่นใจพอร์ตลูกหนี้ขายฝากปี 67 เพิ่มเป็น 3.8 พันล้านบาท จากสิ้นปี 66 ที่ 2.7 พันล้านบาท และคาดหวังพอร์ตลูกหนี้ขายฝากจะแตะ 1 หมื่นล้านบาท ภายใน 3-5 ปี 

3) D/E ratio สิ้นปี 2567 จะยังไม่น่ากังวลอยู่ในระดับ 1.5-1.6 เท่า ซึ่ง AURA มองว่า D/E ratio ระดับที่เป็นไปได้จะอยู่ที่ 3-4 เท่า ทำให้ยังมีโอกาสขยายธุรกิจขายฝากได้อีกมาก และ 4) มีความมั่นใจมากขึ้นต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 ที่จะดีขึ้น YoY, QoQ จาก high season, การขยายสาขาใหม่, GPM ที่สูงขึ้น รวมถึงรายได้ดอกเบี้ยรับจากธุรกิจขายฝากที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังคงประมาณการกำไรปี 67 ที่ 1.04 พันล้านบาท +22% YoY ได้ผลบวกจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้นมากจากในไตรมาส 4/67 ที่มีการเปิดสาขาใหม่ ร้านค้าปลีกทอง (Aurora, เซ่งเฮง) เพิ่มขึ้นมากทำให้สามารถรับรู้ผลบวกตั้งแต่ต้นปี 67 ได้มากขึ้น ขณะที่ธุรกิจขายฝากจะมีรายได้และกำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นมากเป็น 415 ล้านบาท +38% YoY ตามยอดลูกหนี้ขายฝากที่เพิ่มขึ้น

ราคาหุ้น underperform SET -6% ใน 3 เดือน จากความกังวลกำลังซื้อที่ชะลอตัวจะกระทบกับการซื้อทอง แต่ปรับตัวใกล้เคียง SET ในช่วง 1 เดือน หรือการปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 1 ปี ของ AURA จะเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน ของนักลงทุนที่มองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจ และยิ่งทำให้ Upside มากขึ้น เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย ถ้างบไตรมาส 1/67 ของ AURA มาตามนัด...ไม่แน่ AURA จะกลับมาส่องประกายออร่า อีกครั้งใครจะไปรู้!!!!