Talk of The Town
TKN-ASIAN บวกแรงไม่สนใคร! หลังแจ้งงบไตรมาส 1/67 กำไรสุทธิพุ่ง รับยอดขายผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น
10 พฤษภาคม 2567
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น TKN และASIAN ในวันนี้ (10 พ.ค. 67) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง จนติด Top หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายมากสุด หลังประกาศงบไตรมาส 1/67 ออกมาอย่างโดดเด่น ซึ่ง TKN กวาดกำไรสุทธิ 294.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.4% ส่วน ASIAN ฟันกำไรสุทธิ 246 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 386%
โดย TKN นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 294.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
จากกลยุทธ์ Go Firm ที่มุ่งมั่นให้องค์กรมีความกระชับ ลดต้นทุน และควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการบริหารจัดการยอดขาย (Revenue Management) ได้แก่ 1.) การบริหารการขายโดยมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตในสินค้าและช่องทางที่มีกำไรดี (การปรับ Product Mixed)
2.) การปรับราคาสินค้าในตลาดต่างประเทศบางประเทศช่วงปลายไตรมาส 4/2566 เพื่อเตรียมรองรับต้นทุนวัตถุดิบสาหร่ายที่สูงขึ้น 3.) ปรับปรุงต้นทุนอื่นๆ เพื่อลดค่าใช้จ่าย เช่น การใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง, การบริหารประสิทธิภาพภายในโรงงานเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดของเสียจากการผลิต, การพัฒนากระบวนการทำงานโดยการนำเครื่องจักรเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง
ตั้งเป้าหมายรายได้ TKN ปีนี้เติบโต 10-15% จากแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ (NPD) ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์สาหร่าย (Seaweed) และผลิตภัณฑ์ Non-Seaweed เพื่อเพิ่มความหลากหลายของพอร์ตผลิตภัณฑ์รองรับกระแสความนิยมและเทรนด์การบริโภคทั้งในตลาดในและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศที่เห็นดีมานด์การบริโภคสาหร่ายที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ จากเทรนด์การรับประทานสาหร่ายกับข้าวในแพลตฟอร์ม TikTok
ขณะเดียวกันบริษัทฯ จะเสริมความแข็งแกร่งช่องทางการจำหน่ายในทวีปอเมริกาเหนือ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดาที่มียอดขายเพิ่มขึ้น หลังวางจำหน่ายสินค้าในช่องทางหลัก Costco ได้ถึง 4 ภูมิภาค จากทั้งหมด 8 ภูมิภาค และยังสามารถจัดจำหน่ายไปยัง Costco Canada ได้เพิ่มเติม ทำให้ยอดขายเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
รวมทั้งประเมินว่าไตรมาส 2/67 ยอดขายจะยังคงเติบโตตามแผน โดย TKN เตรียมทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงได้เข้าร่วมงาน THAIFEX 2024 ที่จะจัดขึ้นในปลายเดือนพฤษภาคมนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสการขยายตลาด และเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายได้มากขึ้น
ขณะที่ ASIAN ไตรมาส 1/2567 มีกำไรสุทธิ 246 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 386% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 51 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2567 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 2,608 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน
โดยสาเหตุหลักเป็นการเพิ่มขึ้นของรายได้มาจากธุรกิจอาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เนื่องจากการส่งออกหมึกแช่เยือกแข็งไปยังยุโรป และผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า (VAP) ไปยังสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มมากขึ้น และอาหารสัตว์เลี้ยงมีปริมาณส่งออกที่เพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร
อย่างไรก็ตามแม้ว่าไตรมาสแรกของปี 2567 ASIAN และบริษัทย่อย (รวมเรียกว่า “กลุ่มบริษัทฯ”) มีรายได้จากธุรกิจอาหารทะเลแช่เยือกแข็งที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหมึกแช่เยือกแข็งที่ส่งไปประเทศแถบยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับปีก่อน และไตรมาสที่แล้วก็ตาม
แต่กลุ่มบริษัทฯ ยังคงคาดว่าปริมาณการขายและรายได้จากธุรกิจนี้จะใกล้เคียงกับปีก่อน ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยง ในส่วนของผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า (VAP) ที่ตลาดประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดหลักยังอาจจะได้รับผลกระทบเช่นกัน
ส่วนธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มที่จะเติบโตเทียบจากปีก่อน เนื่องจาก ในช่วงครึ่งปีแรกของปีก่อน ปริมาณการขายและรายได้ของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงลดลงเนื่องจากการปรับระดับสินค้าคงเหลือใน ตลาดอเมริกาและ ตลาดยุโรป
สำหรับธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ ด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การลดลงของผลผลิตกุ้ง ก็จะเป็นปัจจัยที่จะทำให้ปริมาณการขายอาหารสัตว์น้ำมีแนวโน้มที่จะลดลง
กลุ่มบริษัทฯ ยังคงประมาณการรายได้สำหรับปี 2567ไว้เช่นเดิม โดยรายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงอยู่ที่ 5.4 พันล้านบาท รายได้จากธุรกิจอาหารทะเลแช่เยือกแข็งอยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท รายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์น้ำอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท และรายได้จากธุรกิจทูน่าอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นปี 2567 จะอยู่ที่ประมาณ 14-15%
โดย TKN นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 294.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
จากกลยุทธ์ Go Firm ที่มุ่งมั่นให้องค์กรมีความกระชับ ลดต้นทุน และควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการบริหารจัดการยอดขาย (Revenue Management) ได้แก่ 1.) การบริหารการขายโดยมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตในสินค้าและช่องทางที่มีกำไรดี (การปรับ Product Mixed)
2.) การปรับราคาสินค้าในตลาดต่างประเทศบางประเทศช่วงปลายไตรมาส 4/2566 เพื่อเตรียมรองรับต้นทุนวัตถุดิบสาหร่ายที่สูงขึ้น 3.) ปรับปรุงต้นทุนอื่นๆ เพื่อลดค่าใช้จ่าย เช่น การใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง, การบริหารประสิทธิภาพภายในโรงงานเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดของเสียจากการผลิต, การพัฒนากระบวนการทำงานโดยการนำเครื่องจักรเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง
ตั้งเป้าหมายรายได้ TKN ปีนี้เติบโต 10-15% จากแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ (NPD) ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์สาหร่าย (Seaweed) และผลิตภัณฑ์ Non-Seaweed เพื่อเพิ่มความหลากหลายของพอร์ตผลิตภัณฑ์รองรับกระแสความนิยมและเทรนด์การบริโภคทั้งในตลาดในและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศที่เห็นดีมานด์การบริโภคสาหร่ายที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ จากเทรนด์การรับประทานสาหร่ายกับข้าวในแพลตฟอร์ม TikTok
ขณะเดียวกันบริษัทฯ จะเสริมความแข็งแกร่งช่องทางการจำหน่ายในทวีปอเมริกาเหนือ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดาที่มียอดขายเพิ่มขึ้น หลังวางจำหน่ายสินค้าในช่องทางหลัก Costco ได้ถึง 4 ภูมิภาค จากทั้งหมด 8 ภูมิภาค และยังสามารถจัดจำหน่ายไปยัง Costco Canada ได้เพิ่มเติม ทำให้ยอดขายเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
รวมทั้งประเมินว่าไตรมาส 2/67 ยอดขายจะยังคงเติบโตตามแผน โดย TKN เตรียมทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงได้เข้าร่วมงาน THAIFEX 2024 ที่จะจัดขึ้นในปลายเดือนพฤษภาคมนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสการขยายตลาด และเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายได้มากขึ้น
ขณะที่ ASIAN ไตรมาส 1/2567 มีกำไรสุทธิ 246 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 386% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 51 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2567 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 2,608 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน
โดยสาเหตุหลักเป็นการเพิ่มขึ้นของรายได้มาจากธุรกิจอาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เนื่องจากการส่งออกหมึกแช่เยือกแข็งไปยังยุโรป และผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า (VAP) ไปยังสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มมากขึ้น และอาหารสัตว์เลี้ยงมีปริมาณส่งออกที่เพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร
อย่างไรก็ตามแม้ว่าไตรมาสแรกของปี 2567 ASIAN และบริษัทย่อย (รวมเรียกว่า “กลุ่มบริษัทฯ”) มีรายได้จากธุรกิจอาหารทะเลแช่เยือกแข็งที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหมึกแช่เยือกแข็งที่ส่งไปประเทศแถบยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับปีก่อน และไตรมาสที่แล้วก็ตาม
แต่กลุ่มบริษัทฯ ยังคงคาดว่าปริมาณการขายและรายได้จากธุรกิจนี้จะใกล้เคียงกับปีก่อน ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยง ในส่วนของผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า (VAP) ที่ตลาดประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดหลักยังอาจจะได้รับผลกระทบเช่นกัน
ส่วนธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มที่จะเติบโตเทียบจากปีก่อน เนื่องจาก ในช่วงครึ่งปีแรกของปีก่อน ปริมาณการขายและรายได้ของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงลดลงเนื่องจากการปรับระดับสินค้าคงเหลือใน ตลาดอเมริกาและ ตลาดยุโรป
สำหรับธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ ด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การลดลงของผลผลิตกุ้ง ก็จะเป็นปัจจัยที่จะทำให้ปริมาณการขายอาหารสัตว์น้ำมีแนวโน้มที่จะลดลง
กลุ่มบริษัทฯ ยังคงประมาณการรายได้สำหรับปี 2567ไว้เช่นเดิม โดยรายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงอยู่ที่ 5.4 พันล้านบาท รายได้จากธุรกิจอาหารทะเลแช่เยือกแข็งอยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท รายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์น้ำอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท และรายได้จากธุรกิจทูน่าอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นปี 2567 จะอยู่ที่ประมาณ 14-15%