ยังคงติดตามกันต่อสำหรับประเด็น การคัดเลือกหุ้นเข้า SET50/100 รอบใหม่ ที่จะเริ่มใช้จริงรอบครึ่งหลังของปี 2567 โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สรุปผลการรับฟังความคิดเห็นการปรับเกณฑ์สภาพคล่องในการคัดเลือกหุ้นเข้า SET50/100
ดังนั้นทีมข่าว Share2Trade จึงได้รวบรวมหุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50 รอบนี้มาฝากนักลงทุน และแต่ละบริษัทจะมีปัจจัยพื้นฐานน่าสนใจหรือไม่ บทความนี้มีคำตอบแล้ว
นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า ประเด็นตลาดหลักทรัพย์ฯ สรุปผล Hearing การปรับเกณฑ์คัดเลือกหุ้นเข้า SET50/100 โดย 93% เห็นด้วยกับการปรับมาใช้เกณฑ์ใหม่ตามด้านล่าง ซึ่งจะเริ่มใช้ในการพิจารณาหุ้นเข้า SET50/100 ตั้งแต่รอบครึ่งปีหลัง 2567 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ปรับเกณฑ์ Trading Value เป็นไม่น้อยกว่า 25% (เดิม 50% และลดทีละ 5% หากได้หุ้นไม่ครบ แต่ไม่ต่ำกว่า 20%), ปรับเกณฑ์ Turnover ratio เป็นไม่ต่ำกว่า 1% (เดิม 2%), ยกเลิกการกำหนดจำนวน และประกาศรายชื่อหุ้นสำรองล่วงหน้า โดยจะประกาศเมื่อมีเหตุการณ์ที่ต้องนำหลักทรัพย์มาแทนที่ในดัชนีให้ครบ
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบ ครึ่งปีหลัง 2567 ได้แก่ BJC TIDLOR ITC BCP ส่วนหุ้นที่เสี่ยงออก ได้แก่ COM7 KCE SAWAD BANPU โดยเรียงลำดับจากโอกาสมากไปน้อย
ทั้งนี้ลำดับและรายชื่ออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับ Market Cap ของระยะเวลาที่เหลือ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จะใช้ข้อมูลถึงสิ้นเดือน พ.ค. ในการคำนวณ
เช่นเดียวกันกับนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100% กรณีปรับเกณฑ์), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 70%)
หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 70%), SAWAD (โอกาสหลุด 70%), KCE (โอกาสหลุด 90%) และ COM7 (โอกาสหลุด 90%)
ส่วนหุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 7 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, QH, SKY, JAS โดยหุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 7 บริษัท คือ AURA, FORTH, MOSHI, ORI, RCL, SNNP, TKN
ดังนั้นกลยุทธ์ เน้น BJC ที่ราคาหุ้นตอบรับกำไรไตรมาส 1/67 คาดอ่อนลงไปแล้ว ทั้งนี้ หลักๆ เพราะกลับมามีค่าใช้จ่ายภาษี EBITDA คาดขยายตัวดี 23.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ราคาหุ้นมี PBV น้อยกว่า 1.0 เท่า
BJC ฟื้นตั้งแต่ไตรมาส 2
สำหรับปัจจัยพื้นฐาน 4 หุ้นที่คาดว่ามีโอกาสเข้า SET50 รอบใหม่ เริ่มกันที่ BJC นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินโอกาส 100% ที่จะเข้าสู่ SET50 รอบครึ่งหลังปี 67 ทันที หลังจากตลาดประกาศใช้เกณฑ์คัดเลือกใหม่
ขณะที่กำไรฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2/67 จากอานิสงส์ฤดูร้อน (ธุรกิจเชื่อมโยงเครื่องดื่ม 28% ของรายได้) ผสาน ดัชนีเชื่อมั่นผู้ประกอบการกลุ่มค้าปลีก Supermarket, Hypermarket (40% ของรายได้ BJC) เม.ย. ฟื้นตัวจากเดือนก่อน เทียบกับ ภาพรวมอ่อนลงจากเดือนก่อน
โดยหุ้นซื้อขาย P/BV67 ที่ 0.84 เท่า ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ทั้งที่มีทำกำไรสม่ำเสมอ สะท้อนภาพ Undervalue แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายทางพื้นฐาน 36 บาท
TIDLOR ผลงานฟื้นตัวต่อเนื่อง
ต่อด้วย TIDLOR นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มีคาดแนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 2/67 จะเติบโตต่อทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน หนุนจากการขยายสินเชื่อที่ดีขึ้นหลังออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่บน Digital Platform ที่ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายและสะดวกขึ้น
ประกอบกับความต้องการสินเชื่อที่ยังมีอยู่มาก หนุนให้ทั้งรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ และรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายประกันภัยเติบโตได้ดีขึ้นตามลำดับ จึงคงคาด TIDLOR จะมีกำไรสุทธิปี 2567 จำนวน 4,515 ล้านบาท เติบโต 19.1% จากปีก่อน
ทั้งนี้มองว่าหุ้น TIDLOR มีความน่าสนใจ จากแนวโน้มผลดำเนินงานที่ฟื้นตัวดีขึ้น และคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแรง รวมถึงการปรับโครงสร้างธุรกิจเป็น Holding คาดจะช่วยให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจได้กว้างและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 29 บาท
ITC ปีนี้กำไรโต 38%
ส่วน ITC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) แนวโน้มช่วงไตรมาส 2/24 ทาง ITC มีคำสั่งซื้อจากลูกค้าแล้วประมาณ 94% ของเป้าที่คาดไว้ (จากการเติบโตระดับ 15%จากปีก่อน) ซึ่งเพิ่มจาก 60% ณ วันที่ออกรายงานฉบับก่อนไป ซึ่งคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากคำสั่งซื้อที่เลื่อนมาจากไตรมาส 1/67 และสินค้าใหม่ที่ ITC มีการร่วมคิดกับลูกค้าที่จะทยอยส่งมอบในช่วงไตรมมาส 2/67 เป็นต้นไป
โดยในช่วงครึ่งหลังปี 67 ยังคงมีสินค้าใหม่ที่มีกำหนดเปิดตัวและส่งมอบให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าจะเห็นการเติบโตของรายได้เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าได้ตลอดทั้งปี ส่วนผลกระทบจากราคาปลาทูน่าที่ปรับตัวลดลงในช่วงต้นปี ที่อาจจะกระทบกับราคาขายในช่วงครึ่งหลังปี 67 ทาง ITC คาดว่าจะถูกชดเชยจากปริมาณขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นได้
ดังนั้นจากผลประกอบการที่ออกมาดี ขณะที่แนวโน้มในช่วงไตรมาส 2/67 คาดกำไรยังรักษาระดับ 800 ล้านบาทได้ต่อ จึงปรับกำไรทั้งปี 67 ขึ้น 11% มาอยู่ที่ 3,140 ล้านบาท เติบโต 38%จากปีก่อน และยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ที่ 26.2 บาท
BCP รับรู้กำลังผลิตใหม่
ปิดท้ายที่ BCP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า กำไรสุทธิไตรมาส 1/67 คิดเป็น 19% ของทั้งปี แนวโน้มช่วงที่เหลือของปียังอยู่ในเกณฑ์ดีเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
จากการรับรู้กำลังผลิตใหม่ของธุรกรรมเข้าซื้อ BSRC และ Statfjord เต็มปี รวมทั้ง Synergy จากการบริหารงานร่วมกับ BSRC ไม่น้อยกว่า 2.5 พันล้านบาทในปี 2567 (ไตรมาส 1/67 ที่ 1.5 พันล้านบาท)
ดังนั้นคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท ลดลง 5% จากปีก่อน คงคำแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสม 51.00 บาท ระยะสั้นสามารถลุ้นโอกาสเข้าคานวณในดัชนี SET50 ช่วงครึ่งหลังปี 2567
ดังนั้นทีมข่าว Share2Trade จึงได้รวบรวมหุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50 รอบนี้มาฝากนักลงทุน และแต่ละบริษัทจะมีปัจจัยพื้นฐานน่าสนใจหรือไม่ บทความนี้มีคำตอบแล้ว
นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า ประเด็นตลาดหลักทรัพย์ฯ สรุปผล Hearing การปรับเกณฑ์คัดเลือกหุ้นเข้า SET50/100 โดย 93% เห็นด้วยกับการปรับมาใช้เกณฑ์ใหม่ตามด้านล่าง ซึ่งจะเริ่มใช้ในการพิจารณาหุ้นเข้า SET50/100 ตั้งแต่รอบครึ่งปีหลัง 2567 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ปรับเกณฑ์ Trading Value เป็นไม่น้อยกว่า 25% (เดิม 50% และลดทีละ 5% หากได้หุ้นไม่ครบ แต่ไม่ต่ำกว่า 20%), ปรับเกณฑ์ Turnover ratio เป็นไม่ต่ำกว่า 1% (เดิม 2%), ยกเลิกการกำหนดจำนวน และประกาศรายชื่อหุ้นสำรองล่วงหน้า โดยจะประกาศเมื่อมีเหตุการณ์ที่ต้องนำหลักทรัพย์มาแทนที่ในดัชนีให้ครบ
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบ ครึ่งปีหลัง 2567 ได้แก่ BJC TIDLOR ITC BCP ส่วนหุ้นที่เสี่ยงออก ได้แก่ COM7 KCE SAWAD BANPU โดยเรียงลำดับจากโอกาสมากไปน้อย
ทั้งนี้ลำดับและรายชื่ออาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับ Market Cap ของระยะเวลาที่เหลือ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จะใช้ข้อมูลถึงสิ้นเดือน พ.ค. ในการคำนวณ
เช่นเดียวกันกับนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100% กรณีปรับเกณฑ์), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 70%)
หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 70%), SAWAD (โอกาสหลุด 70%), KCE (โอกาสหลุด 90%) และ COM7 (โอกาสหลุด 90%)
ส่วนหุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 7 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, QH, SKY, JAS โดยหุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 7 บริษัท คือ AURA, FORTH, MOSHI, ORI, RCL, SNNP, TKN
ดังนั้นกลยุทธ์ เน้น BJC ที่ราคาหุ้นตอบรับกำไรไตรมาส 1/67 คาดอ่อนลงไปแล้ว ทั้งนี้ หลักๆ เพราะกลับมามีค่าใช้จ่ายภาษี EBITDA คาดขยายตัวดี 23.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ราคาหุ้นมี PBV น้อยกว่า 1.0 เท่า
BJC ฟื้นตั้งแต่ไตรมาส 2
สำหรับปัจจัยพื้นฐาน 4 หุ้นที่คาดว่ามีโอกาสเข้า SET50 รอบใหม่ เริ่มกันที่ BJC นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินโอกาส 100% ที่จะเข้าสู่ SET50 รอบครึ่งหลังปี 67 ทันที หลังจากตลาดประกาศใช้เกณฑ์คัดเลือกใหม่
ขณะที่กำไรฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2/67 จากอานิสงส์ฤดูร้อน (ธุรกิจเชื่อมโยงเครื่องดื่ม 28% ของรายได้) ผสาน ดัชนีเชื่อมั่นผู้ประกอบการกลุ่มค้าปลีก Supermarket, Hypermarket (40% ของรายได้ BJC) เม.ย. ฟื้นตัวจากเดือนก่อน เทียบกับ ภาพรวมอ่อนลงจากเดือนก่อน
โดยหุ้นซื้อขาย P/BV67 ที่ 0.84 เท่า ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ทั้งที่มีทำกำไรสม่ำเสมอ สะท้อนภาพ Undervalue แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายทางพื้นฐาน 36 บาท
TIDLOR ผลงานฟื้นตัวต่อเนื่อง
ต่อด้วย TIDLOR นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มีคาดแนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 2/67 จะเติบโตต่อทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน หนุนจากการขยายสินเชื่อที่ดีขึ้นหลังออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่บน Digital Platform ที่ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายและสะดวกขึ้น
ประกอบกับความต้องการสินเชื่อที่ยังมีอยู่มาก หนุนให้ทั้งรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ และรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายประกันภัยเติบโตได้ดีขึ้นตามลำดับ จึงคงคาด TIDLOR จะมีกำไรสุทธิปี 2567 จำนวน 4,515 ล้านบาท เติบโต 19.1% จากปีก่อน
ทั้งนี้มองว่าหุ้น TIDLOR มีความน่าสนใจ จากแนวโน้มผลดำเนินงานที่ฟื้นตัวดีขึ้น และคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแรง รวมถึงการปรับโครงสร้างธุรกิจเป็น Holding คาดจะช่วยให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจได้กว้างและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 29 บาท
ITC ปีนี้กำไรโต 38%
ส่วน ITC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) แนวโน้มช่วงไตรมาส 2/24 ทาง ITC มีคำสั่งซื้อจากลูกค้าแล้วประมาณ 94% ของเป้าที่คาดไว้ (จากการเติบโตระดับ 15%จากปีก่อน) ซึ่งเพิ่มจาก 60% ณ วันที่ออกรายงานฉบับก่อนไป ซึ่งคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากคำสั่งซื้อที่เลื่อนมาจากไตรมาส 1/67 และสินค้าใหม่ที่ ITC มีการร่วมคิดกับลูกค้าที่จะทยอยส่งมอบในช่วงไตรมมาส 2/67 เป็นต้นไป
โดยในช่วงครึ่งหลังปี 67 ยังคงมีสินค้าใหม่ที่มีกำหนดเปิดตัวและส่งมอบให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าจะเห็นการเติบโตของรายได้เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าได้ตลอดทั้งปี ส่วนผลกระทบจากราคาปลาทูน่าที่ปรับตัวลดลงในช่วงต้นปี ที่อาจจะกระทบกับราคาขายในช่วงครึ่งหลังปี 67 ทาง ITC คาดว่าจะถูกชดเชยจากปริมาณขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นได้
ดังนั้นจากผลประกอบการที่ออกมาดี ขณะที่แนวโน้มในช่วงไตรมาส 2/67 คาดกำไรยังรักษาระดับ 800 ล้านบาทได้ต่อ จึงปรับกำไรทั้งปี 67 ขึ้น 11% มาอยู่ที่ 3,140 ล้านบาท เติบโต 38%จากปีก่อน และยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ที่ 26.2 บาท
BCP รับรู้กำลังผลิตใหม่
ปิดท้ายที่ BCP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า กำไรสุทธิไตรมาส 1/67 คิดเป็น 19% ของทั้งปี แนวโน้มช่วงที่เหลือของปียังอยู่ในเกณฑ์ดีเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
จากการรับรู้กำลังผลิตใหม่ของธุรกรรมเข้าซื้อ BSRC และ Statfjord เต็มปี รวมทั้ง Synergy จากการบริหารงานร่วมกับ BSRC ไม่น้อยกว่า 2.5 พันล้านบาทในปี 2567 (ไตรมาส 1/67 ที่ 1.5 พันล้านบาท)
ดังนั้นคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท ลดลง 5% จากปีก่อน คงคำแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสม 51.00 บาท ระยะสั้นสามารถลุ้นโอกาสเข้าคานวณในดัชนี SET50 ช่วงครึ่งหลังปี 2567