เร็วๆ นี้ตลาดหุ้นไทยกำลังจะมีอีกหนึ่งบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ “ผู้ให้บริการด้านการรักษาผู้มีบุตรยาก” เข้ามาจดทะเบียนอย่าง บริษัท อินสไปร์ ไอวีเอฟ จำกัด (มหาชน) หรือ IVF
“ธุรกิจด้านการรักษาผู้มีบุตรยาก” ในปัจจุบันมีความนิยมอย่างมาก เห็นได้จาก บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE และบริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GFC เมื่อตอนเข้าซื้อขายวันแรก มีกระแสตอบรับจากนักลงทุนอย่างร้อนแรง
เช่นเดียวกันกับตัวเลขผลประกอบการ โดย ปี 2566 พบว่า SAFE มีกำไรสุทธิ 201.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.66% และมีรายได้รวม 856.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.50% จากปีก่อน ส่วน GFC ปี 2566 มีรายได้รวม 355 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% และมีกำไรสุทธิ 77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อน
สำหรับ SAFE ให้บริการด้านการรักษาผู้มีบุตรยากครบวงจรด้วยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์รวมทั้งให้บริการห้องปฏิบัติการทางด้านพันธุศาสตร์ ขณะที่ GFC ให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยากแบบครบวงจร
ส่วนตัวเลขผลประกอบการ บริษัท อินสไปร์ ไอวีเอฟ จำกัด (มหาชน) หรือ IVF ปี 2566 มีรายได้รวม 122.09 ล้านบาท เติบโต 88% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 40.98 ล้านบาท เติบโต 307% จากปีก่อน
โดย IVF ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันทางการแพทย์ครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การวางแผนการรักษาภาวะมีบุตรยาก ตลอดจนการเลือกรักษาด้วยวิธีต่างๆ ให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เช่น ICSI และ IUI เพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ของคู่สมรส
จากภาพรวมผลประกอบการปี 2566 ทั้ง 3 บริษัท จะเห็นได้ว่า มีอัตราการเติบโตอย่างโดดเด่น แสดงให้เห็นถึงความต้องการด้านการรักษาผู้มีบุตรยากที่ยังอยู่ในระดับสูง
ล่าสุด บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประเมินแนวโน้มรายได้จากการทำ IVF และบริการตรวจพันธุกรรมยังคงดีต่อเนื่องในเดือน เม.ย 67 จากลูกค้าชาวไทยที่เข้ารับการรักษาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว และคาดหวังลูกค้าจากจีนจะเพิ่มขึ้นเป็น Upside ในปีนี้
สำหรับแผน M&A คลินิก IVF ทั้งในและต่างประเทศยังอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจา โดยยังคงประมาณการกำไรปี 67 ที่ 281 ล้านบาท เติบโต 39% แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 25 บาท
ขณะที่ บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GFC ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า กำไรสุทธิปี 67 จะอยู่ที่ 105 ล้านบาท เติบโต 36% และปี 68 อยู่ที่ 130 ล้านบาท เติบโต 23.5% จากผลการเปิดสาขาใหม่ สุวรรณภูมิ-พระราม 9 และอุบลราชธานี ปลายไตรมาส 2/67
อีกทั้งบริษัทได้การนำเอาเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธ์ ขยายห้อง LAB ที่เป็นมาตรฐานสากลเพื่อรองรับลูกค้าต่างชาติที่จะเข้ารับบริการเป็นปีแรก
ขณะที่น่าจะเริ่มเห็นลูกค้าจากประเทศจีนเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้หลังบริษัทได้ว่าจ้าง Agency เพื่อนำลูกค้าจากประเทศจีนเข้ามารับบริการรักษามีบุตรยากและจะเป็นปีแรกที่บริษัทจะมีลูกค้าต่างประเทศเข้ามาอยู่ในบริษัท แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 12 บาท
ด้าน บริษัท อินสไปร์ ไอวีเอฟ จำกัด (มหาชน) หรือ IVF ว่าที่หุ้นไอพีโอน้องใหม่ ล่าสุดได้ยื่นแบบหนังสือชี้ชวน (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 130 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 29.55 ภายหลังจากการเสนอขาย IPO เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
โดยมีจุดมุ่งหมายในการระดมเงินทุนหลังหักค่าใช้จ่ายในการเสนอขายหลักทรัพย์และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ขยายสาขา ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยมี บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ทั้งนี้ในแบบหนังสือชี้ชวนระบุว่า IVF ถือเป็นที่แรกของกลุ่มธุรกิจศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน AACI และ ISO9001 ซึ่ง AACI เป็นมาตรฐานสากลเดียวในปัจจุบันที่สามารถรับรองได้ทั้ง International Healthcare Standard และ ISO9001 พร้อมกัน และโปรแกรมเฉพาะ COVID-19 สำหรับ Medical Travel
และเป็นกลุ่มธุรกิจศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากแห่งที่สองของโลกที่ได้รับการรับรองจาก Global Healthcare Accreditation ซึ่งแสดงถึงระบบบริหารจัดการคุณภาพบริการสุขภาพภายใต้มาตรฐานระดับสากล
โดยบริษัทมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจดังนี้ 1.เป็นผู้ให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากที่มีคุณภาพ ด้วยสถานพยาบาลและห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล และบุคลากรทางการแพทย์/นักวิทยาศาสตร์/นักเทคนิคการแพทย์ที่มีความสามารถในระดับชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย
2.เป็นผู้ให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากในระดับแนวหน้าของประเทศและระดับเอเชีย โดยมีการเติบโตของรายได้ไม่น้อยกว่า 20% ต่อปี ด้วยการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ เป็นที่พึงพอใจของผู้ใช้บริการ และดำเนินธุรกิจด้วยจรรยาบรรณ และ3.สร้างการเติบโตในธุรกิจ IVF และธุรกิจที่เกี่ยวข้องหรือมีศักยภาพอย่างยั่งยืนทั้งในปัจจุบันและอนาคต
“ธุรกิจด้านการรักษาผู้มีบุตรยาก” ในปัจจุบันมีความนิยมอย่างมาก เห็นได้จาก บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE และบริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GFC เมื่อตอนเข้าซื้อขายวันแรก มีกระแสตอบรับจากนักลงทุนอย่างร้อนแรง
เช่นเดียวกันกับตัวเลขผลประกอบการ โดย ปี 2566 พบว่า SAFE มีกำไรสุทธิ 201.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.66% และมีรายได้รวม 856.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.50% จากปีก่อน ส่วน GFC ปี 2566 มีรายได้รวม 355 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% และมีกำไรสุทธิ 77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อน
สำหรับ SAFE ให้บริการด้านการรักษาผู้มีบุตรยากครบวงจรด้วยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์รวมทั้งให้บริการห้องปฏิบัติการทางด้านพันธุศาสตร์ ขณะที่ GFC ให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยากแบบครบวงจร
ส่วนตัวเลขผลประกอบการ บริษัท อินสไปร์ ไอวีเอฟ จำกัด (มหาชน) หรือ IVF ปี 2566 มีรายได้รวม 122.09 ล้านบาท เติบโต 88% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 40.98 ล้านบาท เติบโต 307% จากปีก่อน
โดย IVF ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันทางการแพทย์ครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การวางแผนการรักษาภาวะมีบุตรยาก ตลอดจนการเลือกรักษาด้วยวิธีต่างๆ ให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เช่น ICSI และ IUI เพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ของคู่สมรส
จากภาพรวมผลประกอบการปี 2566 ทั้ง 3 บริษัท จะเห็นได้ว่า มีอัตราการเติบโตอย่างโดดเด่น แสดงให้เห็นถึงความต้องการด้านการรักษาผู้มีบุตรยากที่ยังอยู่ในระดับสูง
ล่าสุด บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประเมินแนวโน้มรายได้จากการทำ IVF และบริการตรวจพันธุกรรมยังคงดีต่อเนื่องในเดือน เม.ย 67 จากลูกค้าชาวไทยที่เข้ารับการรักษาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว และคาดหวังลูกค้าจากจีนจะเพิ่มขึ้นเป็น Upside ในปีนี้
สำหรับแผน M&A คลินิก IVF ทั้งในและต่างประเทศยังอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจา โดยยังคงประมาณการกำไรปี 67 ที่ 281 ล้านบาท เติบโต 39% แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 25 บาท
ขณะที่ บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GFC ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า กำไรสุทธิปี 67 จะอยู่ที่ 105 ล้านบาท เติบโต 36% และปี 68 อยู่ที่ 130 ล้านบาท เติบโต 23.5% จากผลการเปิดสาขาใหม่ สุวรรณภูมิ-พระราม 9 และอุบลราชธานี ปลายไตรมาส 2/67
อีกทั้งบริษัทได้การนำเอาเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธ์ ขยายห้อง LAB ที่เป็นมาตรฐานสากลเพื่อรองรับลูกค้าต่างชาติที่จะเข้ารับบริการเป็นปีแรก
ขณะที่น่าจะเริ่มเห็นลูกค้าจากประเทศจีนเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้หลังบริษัทได้ว่าจ้าง Agency เพื่อนำลูกค้าจากประเทศจีนเข้ามารับบริการรักษามีบุตรยากและจะเป็นปีแรกที่บริษัทจะมีลูกค้าต่างประเทศเข้ามาอยู่ในบริษัท แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 12 บาท
ด้าน บริษัท อินสไปร์ ไอวีเอฟ จำกัด (มหาชน) หรือ IVF ว่าที่หุ้นไอพีโอน้องใหม่ ล่าสุดได้ยื่นแบบหนังสือชี้ชวน (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 130 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 29.55 ภายหลังจากการเสนอขาย IPO เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
โดยมีจุดมุ่งหมายในการระดมเงินทุนหลังหักค่าใช้จ่ายในการเสนอขายหลักทรัพย์และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ขยายสาขา ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยมี บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ทั้งนี้ในแบบหนังสือชี้ชวนระบุว่า IVF ถือเป็นที่แรกของกลุ่มธุรกิจศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน AACI และ ISO9001 ซึ่ง AACI เป็นมาตรฐานสากลเดียวในปัจจุบันที่สามารถรับรองได้ทั้ง International Healthcare Standard และ ISO9001 พร้อมกัน และโปรแกรมเฉพาะ COVID-19 สำหรับ Medical Travel
และเป็นกลุ่มธุรกิจศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากแห่งที่สองของโลกที่ได้รับการรับรองจาก Global Healthcare Accreditation ซึ่งแสดงถึงระบบบริหารจัดการคุณภาพบริการสุขภาพภายใต้มาตรฐานระดับสากล
โดยบริษัทมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจดังนี้ 1.เป็นผู้ให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากที่มีคุณภาพ ด้วยสถานพยาบาลและห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล และบุคลากรทางการแพทย์/นักวิทยาศาสตร์/นักเทคนิคการแพทย์ที่มีความสามารถในระดับชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย
2.เป็นผู้ให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากในระดับแนวหน้าของประเทศและระดับเอเชีย โดยมีการเติบโตของรายได้ไม่น้อยกว่า 20% ต่อปี ด้วยการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ เป็นที่พึงพอใจของผู้ใช้บริการ และดำเนินธุรกิจด้วยจรรยาบรรณ และ3.สร้างการเติบโตในธุรกิจ IVF และธุรกิจที่เกี่ยวข้องหรือมีศักยภาพอย่างยั่งยืนทั้งในปัจจุบันและอนาคต