จิปาถะ

‘ภูมิธรรม’ ร่ายยาว ข้าว 10 ปี สารก่อมะเร็งขัดออกได้ ‘อ.เจษฎา’ ร้องหือ


14 พฤษภาคม 2567

ภูมิธรรม ร่ายยาวข้าว 10 ปี สารก่อมะเร็งขัดออกได้ ขอให้ใช้ข้อมูลและความรู้วิจารณ์ งานนี้ อ.เจษฎา’ อ่านแล้วถึงกับร้องหือ

‘ภูมิธรรม’ ร่ายยาว ข้าว 10 ปี สารก่อมะเร็งขั.jpg

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความเฟซบุ๊กพูดถึง ข้าว 10 ปี ซึ่งเป็นประเด็นถกเถียงเรื่องความปลอดภัย โดยระบุว่า “ใช้ข้อมูลและความรู้วิจารณ์ “ข้าว 10 ปี” เพื่อประโยชน์ของประเทศ ดีกว่าใช้จินตนาการนำความจริง

จากรายงานข่าวที่ มีผู้กล่าวอ้างว่า ได้ทำการตรวจสอบข้าวสารในโกดังโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งจะนำออกประมูลขายและอ้างว่าตรวจพบ สารก่อมะเร็ง

ข้อเท็จจริงจากอดีตถึงปัจจุบันไม่เคยตรวจสอบพบว่าข้าวฃองรัฐที่นำออกประมูลขายมีสารปนเปื้อนในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเลย และไม่เคยมีรายงานจากการวิเคราะห์วิจัยว่าการเก็บข้าวและจำนวนปีการเก็บข้าวทำให้เกิดสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหากมีการเก็บรักษาที่ถูกต้องตามมาตรฐาน

ยิ่งในปัจจุบันการพัฒนาเทคโนโลยีมีความทันสมัยมากขึ้น จึงทำให้กระบวนการปรับปรุงคุณภาพข้าวก่อนทำการนำออกจำหน่ายไม่ว่าจะเป็นในประเทศ หรือ ต่างประเทศ แต่ละครั้ง จะมีการนำข้าวไปขัดสี ปรับปรุงเมล็ดข้าว จนเข้าเกณฑ์ food safety ตามมาตรฐานสากลเสียก่อน จึงสามารถทำการส่งออกหรือกระจายสู่ผู้บริโภคได้

ทั้งนี้ ภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจค้าขายข้าว และสมาคมข้าว ก็ต้องสร้างความมั่นใจให้ผู้ซื้อโดยมีระบบในการตรวจสอบสินค้านำเข้าของเขาอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทเซอร์เวย์เยอร์ระดับมาตราฐานโลก เข้าทำการตรวจสอบสินค้าอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติ

กรณี “สารก่อมะเร็ง” ที่มีการอ้างถึงนี้ส่วนใหญ่จะพบในรำข้าวที่เกาะอยู่ในเมล็ดข้าวโดยยังไม่ได้มีการปรับปรุง หากมีการปรับปรุงเเละขัดสีแล้ว สารตัวนี้จะมีปริมาณลดลงกว่านี้มาก จนอยู่ในปริมาณที่ปลอดภัยต่อการบริโภค

ในฐานะที่ผมเป็น รมว.กระทรวงพาณิชย์ เจตนาผมเพียงต้องการนำเอาข้าวที่ตกค้างอยู่ในสต็อก 2 โกดังสุดท้ายออกมาประมูลเพื่อนำรายได้กลับคืนคลัง ดีกว่าปล่อยให้ค้างเน่าเสีย (จริงๆ) จนไม่มีราคา

การประมูลข้าวครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ไม่มีอำนาจไปกำหนดว่าเอกชนที่ชนะการประมูลจะนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร เท่าที่ทราบ นอกจากธุรกิจส่งออกข้าวเก่าซึ่งมีตลาดในแถบแอฟริกาใต้แล้ว โรงงานกลั่นสุรา ก็ให้ความสนใจ

การเปิดให้มีการพิสูจน์ข้าวครั้งนี้ เจตนาผมเพียงต้องการที่จะสะสางปัญหาที่คั่งค้างอยู่อย่างโปร่งใส จึงเชิญทุกฝ่ายตั้งแต่… ผู้ตรวจสอบข้าวตามมาตรฐานสากล /เจ้าของโรงสีและผู้ประกอบการการค้าข้าวที่มีประสบการณ์ในการตรวจข้าว /สื่อมวลชนไม่จำกัดสำนักจำนวนกว่า 30 ราย มาทำหน้าที่พิสูจน์ความจริงให้ประชาชนทราบ รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการจังหวัดที่เป็นหัวหน้าหน่วยราชการประจำจังหวัด

แต่เนื่องจากข้าวสองโกดังนี้ มีการเก็บมานานเป็นเวลาประมาณ 10 ปี ผมได้รับการร้องเรียนจากเจ้าของโกดังเก็บข้าวนี้ว่า ข้าว 2 กองนี้เป็นข้าวของรัฐ ปล่อยให้เขาเก็บรักษานานนับ 10 ปีแล้วไม่ทำอะไรให้มีความคืบหน้า

ประเทศชาติ ก็จะเสียประโยชน์ อีกทั้งเจ้าของโกดังที่เป็นผู้เก็บรักษาข้าวก็เสียโอกาสในการนำโกดังข้าวไปทำมาค้าขาย

กระแสข่าวที่ออกมาให้ร้ายประเด็น ต่างๆ ยังขาดความเข้าใจกระบวนการเก็บข้าว การประมูล การตรวจสอบคุณภาพข้าว และการส่งออกของประเทศ ซึ่งเป็นกลไกกระบวนการที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทำงานร่วมกันภายใต้มาตรฐานที่กำหนด ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจกระทำการโดยลำพังเพื่อผลประโยชน์ของใคร

ผมมีความเสียใจอย่างยิ่งที่การตั้งใจสะสางงานในหน้าที่ให้แล้วเสร็จเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวมในครั้งนี้กลับถูกแปรเจตนาเป็นอื่นและใช้อคติหรือการแบ่งฝักฝ่ายมาด้อยค่าคุณภาพข้าวไทย จนก่อให้เกิดกระแสความไม่ไว้วางใจในคุณภาพสินค้าข้าวของไทย

ผมขอเสนอให้ใช้ข้อมูล และความรู้ที่ถูกต้อง วิเคราะห์อย่างเป็นธรรมว่า กระบวนการซื้อขายข้าวที่จะนำมาประมูลเป็นไปตามระบบและกระบวนการที่ควรจะเป็น จะเกิดผลดีต่อประเทศชาติมากกว่าหรือไม่? เพราะกระบวนการตรวจสอบตามระบบมีความน่าเชื่อถือ และเป็นไปตามหลักสากลอยู่แล้ว

เรื่อง “ข้าว 10 ปี” หากวิพากษ์วิจารณ์ โดยมี “อคติทางการเมือง” และ ”จินตนาการ“ มาชี้นำ“ความจริง” จนกลายเป็นการด้อยค่าข้าวไทย จนทำให้ประเทศเสียประโยชน์ ผมเชื่อมั่นว่าทุกคนในสังคมไทยไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น และ ยังอยากเชื่อโดยสุจริตว่า ทุกท่านคงไม่อยากเห็นการสร้างวาทกรรมเปลี่ยนข้าวดีเป็นข้าวเน่า ทำให้รัฐเสียประโยชน์มหาศาลอย่างที่แล้วมา”

อย่างไรก็ตามหลังโพสต์นี้ได้รับการเผยแพร่ออกไป ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แชร์โพสต์ดังกล่าวลงในเฟซบุ๊ก แสดงความเห็นว่า “หืออ ? ? ขอความรู้จากท่านที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่อง “เชื้อรา และสารพิษจากเชื้อรา ในข้าวสาร” ด้วยครับ ว่าจริงตามข่าวนี้มั้ย ?

คือมีรายงานข่าวล่าสุดวันนี้ว่า คุณภูมิธรรม โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า สารก่อมะเร็งที่พบในข้าวสามารถขัดออก ให้อยู่ในปริมาณที่ปลอดภัยต่อการบริโภคได้ !?

โดยคุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า …. “กรณี “สารก่อมะเร็ง” ที่มีการอ้างถึงนี้ ส่วนใหญ่จะพบในรำข้าวที่เกาะอยู่ในเมล็ดข้าว โดยยังไม่ได้มีการปรับปรุง หากมีการปรับปรุงเเละขัดสีแล้ว สารตัวนี้จะมีปริมาณลดลงกว่านี้มาก จนอยู่ในปริมาณที่ปลอดภัยต่อการบริโภค”

คือเท่าที่ทราบเนี่ย พวกสารอะฟลาทอกซินและสารพิษอื่นๆ จากเชื้อรา มันสะสมอยู่ได้ในเนื้อของข้าวสาร (และธัญพืชอื่นๆ ) ตามการเจริญเติบโตของเชื้อรา ที่แทรกเข้าไปในเนื้อข้าวนั้นได้ ไม่ใช่ว่ารามันจะโตอยู่แต่ที่ผิวข้าว (และมีสารพิษอยู่แค่ที่ผิว) เท่านั้น

ดังนั้น การขัดสี ไม่น่าจะเป็นวิธีการที่การันตีว่า จะสามารถกำจัดสารพิษออกไปได้จนปลอดภัยได้นี่ครับ ?
และกรณีของข้าวกล้อง – ข้าวสาร คือ มันก็จริงที่พบว่า เชื้อราและสารพิษจะพบในข้าวกล้องได้สูงมากกว่าในข้าวสาร เพราะมีส่วนของรำข้าว ที่มีสารอาหารในการเจริญเติบโตของเชื้อรามากกว่า ..

.. แต่เชื้อราก็เติบโตในข้าวสารได้เช่นกันครับ ขึ้นอยู่กับสภาพในการเก็บรักษา ถ้ามีความชื้น มีอุณหภูมิไม่เหมาะสม เชื้อราก็ขึ้นที่ข้าวสารได้ (ยิ่งเก็บมายาวนานเป็นสิบปีด้วย)

ซึ่งวิธีพิสูจน์ที่ดีที่สุด ก็คือ ต้องสุ่มตัวอย่างเข้าห้องปฏิบัติการครับ ว่ามีปริมาณสารอะฟลาทอกซิน (และสารพิษอื่นๆ ) ปนเปื้อนมากน้อยแค่ไหน เกินมาตรฐานหรือไม่ .. ถ้าเกิน ก็ไม่ต้องฝืนขายเอาไปบริโภคครับ

เอาเป็นว่า รอฟังความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทีนะครับ แต่ผมว่ามันฟังทะแม่งๆ อยู่น้าาา”

ที่มา : https://thethaiger.com/th/news/1141103/