เรื่องเด่นวันนี้
DTCENT โชว์แกร่ง! กำไร Q1/67 พุ่ง 68.39% งานบริการ GPS Tracking-โครงการภาครัฐ คึกคัก
14 พฤษภาคม 2567
บมจ.ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT) โชว์ผลการดำเนินงาน Q1/67 มีกำไรสุทธิ 27.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.39% จากงวดเดียวกันปีก่อน ผลจากการรับรู้รายได้จากการให้บริการใช้ระบบติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking) เพิ่มขึ้น-ส่งมอบงานโครงการภาครัฐตามกำหนด ฟากบิ๊กบอส “ทศพล คุณะเพิ่มศิริ” มั่นใจผลงานปีนี้โต 20% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ จากการเปิดศูนย์บริการ DTC SHOP ให้ครบ 20 แห่งภายในปีนี้ พร้อมออกโปรดักส์ใหม่ “DTRACK” ขยายฐานลูกค้ากลุ่ม B2C เดินหน้าธุรกิจ GPS Tracking-IoT Solutions ทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ
นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (DTCENT) ผู้นำในการให้บริการระบบ GPS Tracking อันดับ 1 ในประเทศไทย (อ้างอิงจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบกในเดือนมกราคม 2567) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567) มีรายได้รวม 184.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.44% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 165.56 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 27.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.39% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 16.61 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้จากการให้บริการใช้ระบบติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking) ที่เพิ่มขึ้น และสามารถส่งมอบงานโครงการของภาครัฐได้ตามกำหนด
“ภาพรวมผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ ในแง่ของรายได้และกำไรเติบโตได้ตามเป้าหมาย จากภาคการท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก และเศรษฐกิจไทยที่กลับมาเป็นปกติ โดยลูกค้ากลุ่มธุรกิจการขนส่งและโลจิสติกส์เป็นกลุ่มหลักที่กลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง สินค้าประเภทเช่าอุปกรณ์สำหรับติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking) ยังได้รับความนิยมจากลูกค้าเพิ่มขึ้น และบริษัทฯ ได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดให้มากที่สุด รวมทั้ง มีการส่งมอบงานโครงการของภาครัฐได้ตามกำหนด ควบคู่กับการบริหารจัดการต้นทุนที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DTCENT กล่าวอีกว่า ในปี 2567 บริษัทฯ มั่นใจว่า จะสามารถทำรายได้เติบโต 20% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ DTC ชื่อ "DTRACK" อุปกรณ์ GPS รุ่นประหยัดเพื่อเจาะตลาดกลุ่ม B2C ซึ่งจะเป็นรถส่วนบุคคล หรือรถที่ต้องติดอุปกรณ์ GPS ตามประกาศของกรมการขนส่งทางบกและมีวางจำหน่ายใน DTC SHOP
ล่าสุด บริษัทฯ ได้จับมือกับ HIKVISION IOT (THAILAND) CO., LTD. ผู้ผลิตกล้องติดรถชั้นนำของโลก จำหน่ายกล้องติดรถที่ DTC SHOP เพื่อให้เข้าถึงและครอบคลุมผู้ใช้รถทุกประเภท
ขณะเดียวกัน ได้เร่งเปิดศูนย์ DTC SHOP ให้ครบ 20 แห่ง ภายในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันมีการเปิดให้บริการแล้ว 11 แห่ง ประกอบด้วย สาขาถนนบางนา-ตราด กม.6 สาขาเชียงใหม่ สาขาอุดรธานี สาขาขอนแก่น สาขาอยุธยา สาขานครสวรรค์ สาขาพระราม 2 สาขาแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี สาขามาบข่า จังหวัดระยอง สาขาท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และสาขานครราชสีมา
ส่วนศูนย์บริหารจัดการและบริการข้อมูลยานพาหนะ Vehicle Monitoring and Support Center ได้เปิดให้บริการแล้ว โดยเริ่มงานมอนิเตอร์ให้กับลูกค้า
ในส่วนของงานด้าน IoT Solutions และระบบ AI บริษัทฯ วางแผนทำโครงการ Smart City Solution, Smart AI Solution ให้กับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความสนใจ ปัจจุบันได้รับงานโครงการระบบ AI เพื่อบริหารจัดการเครื่องสูบน้ำ ของสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร สำหรับระบบ BAMS (Business Activity Management System) เปิดให้บริการบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว มีจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการ 45 บริษัท
และบริษัทฯ ได้รับใบ Certificate IATF 16949 ระบบมาตรฐานการจัดการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับผู้ผลิตยานยนต์ เรียบร้อยแล้ว และสามารถเริ่มงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ กับ บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) จะสามารถเริ่มงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ได้ในปี 2568 ส่วนบริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS) ขณะนี้ เริ่มมีการติดตั้งอุปกรณ์ GPS Tracking ให้กับรถขนส่งสินค้า ในกลุ่มของ บริษัทบุญรอดฯ และมีความร่วมมือในการทำงานโครงการของหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (DTCENT) ผู้นำในการให้บริการระบบ GPS Tracking อันดับ 1 ในประเทศไทย (อ้างอิงจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบกในเดือนมกราคม 2567) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567) มีรายได้รวม 184.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.44% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 165.56 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 27.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.39% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 16.61 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้จากการให้บริการใช้ระบบติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking) ที่เพิ่มขึ้น และสามารถส่งมอบงานโครงการของภาครัฐได้ตามกำหนด
“ภาพรวมผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ ในแง่ของรายได้และกำไรเติบโตได้ตามเป้าหมาย จากภาคการท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก และเศรษฐกิจไทยที่กลับมาเป็นปกติ โดยลูกค้ากลุ่มธุรกิจการขนส่งและโลจิสติกส์เป็นกลุ่มหลักที่กลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง สินค้าประเภทเช่าอุปกรณ์สำหรับติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking) ยังได้รับความนิยมจากลูกค้าเพิ่มขึ้น และบริษัทฯ ได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดให้มากที่สุด รวมทั้ง มีการส่งมอบงานโครงการของภาครัฐได้ตามกำหนด ควบคู่กับการบริหารจัดการต้นทุนที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DTCENT กล่าวอีกว่า ในปี 2567 บริษัทฯ มั่นใจว่า จะสามารถทำรายได้เติบโต 20% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ DTC ชื่อ "DTRACK" อุปกรณ์ GPS รุ่นประหยัดเพื่อเจาะตลาดกลุ่ม B2C ซึ่งจะเป็นรถส่วนบุคคล หรือรถที่ต้องติดอุปกรณ์ GPS ตามประกาศของกรมการขนส่งทางบกและมีวางจำหน่ายใน DTC SHOP
ล่าสุด บริษัทฯ ได้จับมือกับ HIKVISION IOT (THAILAND) CO., LTD. ผู้ผลิตกล้องติดรถชั้นนำของโลก จำหน่ายกล้องติดรถที่ DTC SHOP เพื่อให้เข้าถึงและครอบคลุมผู้ใช้รถทุกประเภท
ขณะเดียวกัน ได้เร่งเปิดศูนย์ DTC SHOP ให้ครบ 20 แห่ง ภายในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันมีการเปิดให้บริการแล้ว 11 แห่ง ประกอบด้วย สาขาถนนบางนา-ตราด กม.6 สาขาเชียงใหม่ สาขาอุดรธานี สาขาขอนแก่น สาขาอยุธยา สาขานครสวรรค์ สาขาพระราม 2 สาขาแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี สาขามาบข่า จังหวัดระยอง สาขาท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และสาขานครราชสีมา
ส่วนศูนย์บริหารจัดการและบริการข้อมูลยานพาหนะ Vehicle Monitoring and Support Center ได้เปิดให้บริการแล้ว โดยเริ่มงานมอนิเตอร์ให้กับลูกค้า
ในส่วนของงานด้าน IoT Solutions และระบบ AI บริษัทฯ วางแผนทำโครงการ Smart City Solution, Smart AI Solution ให้กับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความสนใจ ปัจจุบันได้รับงานโครงการระบบ AI เพื่อบริหารจัดการเครื่องสูบน้ำ ของสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร สำหรับระบบ BAMS (Business Activity Management System) เปิดให้บริการบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว มีจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการ 45 บริษัท
และบริษัทฯ ได้รับใบ Certificate IATF 16949 ระบบมาตรฐานการจัดการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับผู้ผลิตยานยนต์ เรียบร้อยแล้ว และสามารถเริ่มงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ กับ บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) จะสามารถเริ่มงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ได้ในปี 2568 ส่วนบริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS) ขณะนี้ เริ่มมีการติดตั้งอุปกรณ์ GPS Tracking ให้กับรถขนส่งสินค้า ในกลุ่มของ บริษัทบุญรอดฯ และมีความร่วมมือในการทำงานโครงการของหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง