Talk of The Town
ถ้าฟ้าต้องเสียตัง...ฟ้าต้องได้หุ้น! โบรกฯ แนะ“ซื้อ” หุ้น AAV-BA หลังแจ้งงบไตรมาส 1/67 กำไรแกร่ง
14 พฤษภาคม 2567
หลังจากที่สองหุ้นบริษัทสายการบินอย่างบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV และบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส1/67 ออกมาแล้ว ปรากฎว่ามีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและเติบโตขึ้น
โดยผลประกอบการของ BA มีกำไรสุทธิที่เติบโตกว่า 113% โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,879 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากบัตรโดยสารของธุรกิจการบิน และรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสนามบิน
ในไตรมาส 1/67 บริษัท มีรายได้รวม 7,828 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.3 จากการเติบโตของธุรกิจสายการบิน และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสนามบินเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ร้อยละ 73.4 และร้อยละ 16.8 ของรายได้รวมตามลำดับ
ขณะเดียวกันบริษัทมีรายได้บัตรโดยสารจากธุรกิจสายการบินจำนวน 5,749.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.4 รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากจำนวนผู้โดยสาร และราคาบัตรโดยสารเฉลี่ยที่เพิ่มมากขึ้น ในไตรมาสที่ 1/67 บริษัทฯขนส่งผู้โดยสารจำนวน 1.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.1 เทียบกับปี 2566
นอกจากนี้เองราคาบัตรโดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 4,405.9 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.0 และมีอัตราขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ร้อยละ 88.4
อีกทั้งบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการซึ่งเป็นรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสนามบิน 1,316.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.3 เทียบกับปี 2566 รายได้จากกรขายและบริการส่วนใหญ่มาจากรายได้ของบริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟล์ทเซอร์วิส จำกัด จำนวน 756. ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.5 จากจำนวนเที่ยวบินที่ให้บริการเพิ่มสูงขึ้น รายไดจากบริษัท ครัวการบินกรุงเทพ จำกัด จำนวน 358 ล้านบาท หรือปรับตัวลดลงร้อยละ 4.5 เทียบกับปี 2566
[AAV กำไรจากการดำเนินงานแกร่ง]
ขณะที่ผลประกอบการของ AAV ถึงแม้ว่าจะประกาศผลประกอบการที่ขาดทุนสุทธิ 409 ล้านบาท แต่หากดูไส้ในของผลประกอบการแล้วจะพบว่าเป็นการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งจริงๆแล้ว AAV มีกำไรจากการกดำเนินงานกว่า 1,640 ล้านบาท ฟื้นตัวจากปีก่อนที่มีผลขาดทุน
โดย AAV รายงานว่าในไตรมาสที่ 1/67 บริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 3,094 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 78 จากช่วงเดียวกันในปีก่อนตามการฟื้นตัวของ ผลการดำเนินงาน ต้นทุนทางการเงินอยู่ที่ 630 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 จากดอกเบี้ยตามหนี้สินสัญญาเช่า (TFRS 16) หนี้สิน ที่มีภาระดอกเบี้ย และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ 127 ล้านบาท และรายงานขาดทุนสุทธิที่ 409.1 ล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิ 359 ล้านบาทในไตรมาส 1/66 ซึ่งเป็นผลมาจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 2,049 ล้านบาท
โดยหากไม่รวมผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงานหลักที่ 1,640 ล้านบาท ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างมากจากขาดทุนจากการดำเนินงานหลัก 203 ล้านบาท ในไตรมาส 1/66
[นักวิเคราะห์แนะนำซื้อ]
โดย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) รายงานว่า BA รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/67ที่ 1,873ล้านบาท สูงกว่าเราและตลาดคาดกว่า 70-80% เนื่องจากธุรกิจการบินฟื้นตัวดีกว่าคาด ทั้งปริมาณผู้โดยสารและราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ย อีกทั้งต้นทุนยังต่ำกว่าคาดจากต้นทุนพนักงานต่ำกว่าคาด โดยกำไรสุทธิไตรมาส 1/67 เพิ่มขึ้น 114% จากปีก่อน และฟื้นจากขาดทุน 346 ล้านบาท ในไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากรายได้เติบโต 37% ตามการฟื้นของธุรกิจการบิน
โดยปริมาณผู้โดยสารและราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 17% จากปีก่อน และ 35% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น18% จากปีก่อน และ12% จากไตรมาสก่อน ตามลำดับ และมีอัตราบรรทุกผู้โดยสารกว่า 88% เรามีแนวโน้มปรับเพิ่มกำไรBA ขึ้นจากเดิม เบื้องต้นคาดปรับกำไรสุทธิปี 67-69 ขึ้นจากเดิม +17-32%
ดังนั้น เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 67 ที่ 24.25 บาท มี Upside risk +7% จากประมาณการกำไรที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น
ด้าน บริษัท หลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า AAV จะมีแนวโน้มการเติบโตของอย่างมากของกำไรหลักในปี 2567 ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไปเราจึงยังคงคาแนะนำ "ซื้อเก็งกาไร" ซึ่งประเมินราคาเป้าหมาย 4.20 บาท
โดย ในปี 2567 น่าจะเห็นจานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตและน่าจะบรรลุเป้าหมายที่35 ล้านคนของททท. ได้หนุนโดยมาตราฟรีวีซ่าสาหรับประเทศต่างๆเช่นจีน, ไต้หวัน, อินเดีย
สำหรับ ผลประกอบการไตรมาส 2/67 และในปี 67 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องหนุนโดยการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งค่าโดยสารและรายได้เสริมที่ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามผลการดาเนินงานไตรมาส 2/67 อาจอ่อนตัวลงตามปัจจัยฤดูกาล (เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยว)แต่น่าจะยังสามารถทากาไรได้
บริษัทยังคงเป้าหมายจานวนผู้โดยสารที่20-21 ล้านคนในปีนี้(เติบโตราว10% จากปีก่อน) และคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น20-23% จากปีก่อน (ซึ่งimply ว่าค่าโดยสารเฉลี่ยน่าจะปรับเพิ่มขึ้น10% จากปีก่อน
ในด้านต้นทุนค่าซ่อมบารุงเครื่องบินอาจเพิ่มขึ้นบ้างตามจำนวนเครื่องบินที่เพิ่มขึ้นAAV มีแผนจะนำเครื่องบินกลับมาบิน 57 ลำภายในปีไตรมาส 4/67 จาก52 ลำในไตรมาส 4/66 ซึ่งน่าจะสามารถช่วยลดex-fuel CASK ได้
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเปิดเส้นทางบินเพิ่มในเส้นทางจีน, ไต้หวัน, และญี่ปุ่น ซึ่งน่าจะส่งผลเชิงบวกต่อค่าโดยสารเฉลี่ยและรายได้เสริม
โดยผลประกอบการของ BA มีกำไรสุทธิที่เติบโตกว่า 113% โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,879 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากบัตรโดยสารของธุรกิจการบิน และรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสนามบิน
ในไตรมาส 1/67 บริษัท มีรายได้รวม 7,828 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.3 จากการเติบโตของธุรกิจสายการบิน และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสนามบินเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ร้อยละ 73.4 และร้อยละ 16.8 ของรายได้รวมตามลำดับ
ขณะเดียวกันบริษัทมีรายได้บัตรโดยสารจากธุรกิจสายการบินจำนวน 5,749.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.4 รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากจำนวนผู้โดยสาร และราคาบัตรโดยสารเฉลี่ยที่เพิ่มมากขึ้น ในไตรมาสที่ 1/67 บริษัทฯขนส่งผู้โดยสารจำนวน 1.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.1 เทียบกับปี 2566
นอกจากนี้เองราคาบัตรโดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 4,405.9 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.0 และมีอัตราขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ร้อยละ 88.4
อีกทั้งบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการซึ่งเป็นรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสนามบิน 1,316.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.3 เทียบกับปี 2566 รายได้จากกรขายและบริการส่วนใหญ่มาจากรายได้ของบริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟล์ทเซอร์วิส จำกัด จำนวน 756. ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.5 จากจำนวนเที่ยวบินที่ให้บริการเพิ่มสูงขึ้น รายไดจากบริษัท ครัวการบินกรุงเทพ จำกัด จำนวน 358 ล้านบาท หรือปรับตัวลดลงร้อยละ 4.5 เทียบกับปี 2566
[AAV กำไรจากการดำเนินงานแกร่ง]
ขณะที่ผลประกอบการของ AAV ถึงแม้ว่าจะประกาศผลประกอบการที่ขาดทุนสุทธิ 409 ล้านบาท แต่หากดูไส้ในของผลประกอบการแล้วจะพบว่าเป็นการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งจริงๆแล้ว AAV มีกำไรจากการกดำเนินงานกว่า 1,640 ล้านบาท ฟื้นตัวจากปีก่อนที่มีผลขาดทุน
โดย AAV รายงานว่าในไตรมาสที่ 1/67 บริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 3,094 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 78 จากช่วงเดียวกันในปีก่อนตามการฟื้นตัวของ ผลการดำเนินงาน ต้นทุนทางการเงินอยู่ที่ 630 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 จากดอกเบี้ยตามหนี้สินสัญญาเช่า (TFRS 16) หนี้สิน ที่มีภาระดอกเบี้ย และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ 127 ล้านบาท และรายงานขาดทุนสุทธิที่ 409.1 ล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิ 359 ล้านบาทในไตรมาส 1/66 ซึ่งเป็นผลมาจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 2,049 ล้านบาท
โดยหากไม่รวมผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงานหลักที่ 1,640 ล้านบาท ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างมากจากขาดทุนจากการดำเนินงานหลัก 203 ล้านบาท ในไตรมาส 1/66
[นักวิเคราะห์แนะนำซื้อ]
โดย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) รายงานว่า BA รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/67ที่ 1,873ล้านบาท สูงกว่าเราและตลาดคาดกว่า 70-80% เนื่องจากธุรกิจการบินฟื้นตัวดีกว่าคาด ทั้งปริมาณผู้โดยสารและราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ย อีกทั้งต้นทุนยังต่ำกว่าคาดจากต้นทุนพนักงานต่ำกว่าคาด โดยกำไรสุทธิไตรมาส 1/67 เพิ่มขึ้น 114% จากปีก่อน และฟื้นจากขาดทุน 346 ล้านบาท ในไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากรายได้เติบโต 37% ตามการฟื้นของธุรกิจการบิน
โดยปริมาณผู้โดยสารและราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 17% จากปีก่อน และ 35% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น18% จากปีก่อน และ12% จากไตรมาสก่อน ตามลำดับ และมีอัตราบรรทุกผู้โดยสารกว่า 88% เรามีแนวโน้มปรับเพิ่มกำไรBA ขึ้นจากเดิม เบื้องต้นคาดปรับกำไรสุทธิปี 67-69 ขึ้นจากเดิม +17-32%
ดังนั้น เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 67 ที่ 24.25 บาท มี Upside risk +7% จากประมาณการกำไรที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น
ด้าน บริษัท หลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า AAV จะมีแนวโน้มการเติบโตของอย่างมากของกำไรหลักในปี 2567 ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไปเราจึงยังคงคาแนะนำ "ซื้อเก็งกาไร" ซึ่งประเมินราคาเป้าหมาย 4.20 บาท
โดย ในปี 2567 น่าจะเห็นจานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตและน่าจะบรรลุเป้าหมายที่35 ล้านคนของททท. ได้หนุนโดยมาตราฟรีวีซ่าสาหรับประเทศต่างๆเช่นจีน, ไต้หวัน, อินเดีย
สำหรับ ผลประกอบการไตรมาส 2/67 และในปี 67 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องหนุนโดยการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งค่าโดยสารและรายได้เสริมที่ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามผลการดาเนินงานไตรมาส 2/67 อาจอ่อนตัวลงตามปัจจัยฤดูกาล (เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยว)แต่น่าจะยังสามารถทากาไรได้
บริษัทยังคงเป้าหมายจานวนผู้โดยสารที่20-21 ล้านคนในปีนี้(เติบโตราว10% จากปีก่อน) และคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น20-23% จากปีก่อน (ซึ่งimply ว่าค่าโดยสารเฉลี่ยน่าจะปรับเพิ่มขึ้น10% จากปีก่อน
ในด้านต้นทุนค่าซ่อมบารุงเครื่องบินอาจเพิ่มขึ้นบ้างตามจำนวนเครื่องบินที่เพิ่มขึ้นAAV มีแผนจะนำเครื่องบินกลับมาบิน 57 ลำภายในปีไตรมาส 4/67 จาก52 ลำในไตรมาส 4/66 ซึ่งน่าจะสามารถช่วยลดex-fuel CASK ได้
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเปิดเส้นทางบินเพิ่มในเส้นทางจีน, ไต้หวัน, และญี่ปุ่น ซึ่งน่าจะส่งผลเชิงบวกต่อค่าโดยสารเฉลี่ยและรายได้เสริม