อีกหนึ่งกลุ่มที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/67 ออกมาอย่างโดดเด่น คือ หุ้นตระกูล “ซีพี” โดยไตรมาสนี้มีกำไรดีกว่าที่ นักวิเคราะห์คาดการณ์ ดังนั้นหากมองไปข้างหน้า ผลการดำเนินงานของหุ้นกลุ่มนี้ยังจะมีโอกาสโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นหรือไม่ ทีมข่าว Share2Trade หาคำตอบมาให้แล้ว
CPALL ไตรมาส 2 สวย
เริ่มกันที่ CPALL ไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิ 6,319 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า CPALL ไตรมาส 1/67 ออกมาดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยและตลาดคาด 22% จากรายได้, กำไรขั้น (GPM) และการควบคุมค่าใช้จ่าย SG&A ที่ทำได้ดีกว่าคาด
ทั้งนี้คงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 76 บาทต่อหุ้น โดยแนวโน้มไตรมาส 2/67 คาดกำไรปกติเติบโตจากไตรมาสก่อน ตามปัจจัยฤดูกาล และเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่เติบโต จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว,
รวมทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณรัฐช่วงปลายไตรมาสและอานิสงค์จากอากาศร้อนกว่าปกติส่งผลให้คนเข้ามาซื้อเครื่องดื่มหรือสินค้าคลายร้อน ช่วยเพิ่ม Traffic ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) และแรงกดดันต้นทุนค่าไฟต่อหน่วยจะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตามกำไรปกติไตรมาส 1/67 คิดเป็น 28% ของประมาณการปี 2567 ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท เติบโต 17% จากปีก่อน แต่จากแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/67 ที่คาดเติบโตจากไตรมาสก่อน และจะเด่นมากขึ้นในครึ่งหลังปีนี้ ที่มีโอกาสเติบโตจากครึ่งปีแรก ทำให้ประมาณการมี Upside Risk
CPF อัพกำไรปีนี้ขึ้น!
ต่อกันที่ CPF ไตรมาส 1/67 มีกําไรสุทธิ 1,152 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2566 ที่มีการบันทึกผลขาดทุนสุทธิ 2,725 ล้านบาท นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองว่ากำไรดังกล่าว ถือว่าฟื้นตัวได้ดีกว่าคาดมาก
ขณะที่ปัจจุบันราคาสุกรปรับตัวสูงขึ้นได้ดีกว่าช่วงไตรมาส 1/67 และแนวโน้มต้นทุนยังลดลงต่อเนื่อง คาดไตรมาส 2/67 จะยังมีกำไรฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
ดังนั้น จึงปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 เพิ่มขึ้นอีก 10% เป็น 5,567 ล้านบาท เติบโต 206.9% จากปีก่อน จากงบไตรมาสแรกที่ทำได้ดีกว่าคาดมาก ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 25.50 บาทคงคำแนะนำ ซื้อ
CPAXT ไตรมาส 2 เด่นต่อ
ส่วน CPAXT ไตรมาส 1/2567 มีกำไรสุทธิ 2,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่ากำไรออกมาใกล้เคียงที่ฝ่ายวิจัยและตลาดคาด โดยแนวโน้มไตรมาส 2/67 คาดผลประกอบการเติบโตเด่นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้เนื่องจาก 1. ตัวเลขยอดขายสาขาเดิม (SSSG) นับจากต้นไตรมาส 2 ถึงปัจจุบันยังเติบโตได้ต่อ ซึ่ง Makro บวก2-3% , Lotus’s บวก 5-6% ตามการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว, จำนวนวันหยุดยาวที่มากขึ้น และคาดเห็นผลของการเบิกจ่ายงบประมาณรัฐช่วงปลายไตรมาส
2. แรงกดดันต้นทุนค่าไฟลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 3. ต้นทุนทางการเงินที่ลดลงหลังปรับโครงสร้างเงินกู้ โดยยังคงประมาณการกำไรปี 2567 ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เติบโต 21% จากปีก่อน และคงคำแนะนำ “ซื้อ” คงราคาเหมาะสม 37บาทต่อหุ้น
TRUE ลุ้นปีนี้มีกำไร
ปิดท้ายกันที่ TRUE ไตรมาส 1/2567 บริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัท 769 ล้านบาท โดยผลขาดทุนสุทธิได้รับผลกระทบเชิงลบจากผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจำนวน 1,571 ล้านบาท จากการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย (NetworkModernization)
นักวิเคราะห์นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า หากตัดรายการพิเศษ ผลประกอบการปกติไตรมาส 1/67 มีกำไรปกติครั้งแรกหลังควบรวมกิจการที่ 767 ล้านบาท ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ดีกว่าคาดการณ์ของฝ่ายวิจัยที่ และดีกว่าที่ตลาดคาด
ทั้งนี้ผลประกอบการไตรมาส 1/67 ที่มีกำไรปกติ 767 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ Synergy ยังเพิ่งเริ่มส่งผลบวกและแนวโน้มผล ประกอบการตลอดปี 2567 ควรจะดีขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบไตรมาสก่อน
สะท้อนว่าประมาณการทั้งปี 2567 ของที่คาด ขาดทุน 1.3 พันล้านบาท และตลาดคาดมีกำไร 1.1 พันล้านบาทต่ำเกินไปมาก จึงปรับเพิ่มประมาณการปี 2567 จากขาดทุน 1.3 พันล้านบาท ขึ้นเป็นกำไรปกติ 3.6 พันล้านบาทเทียบปีก่อนที่ขาดทุน คงคำแนะนำ “ซื้อ ” ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 12.30 บาทต่อหุ้น
โดยการประชุมนักวิเคราะห์โทนโดยรวมเป็นบวก ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1. แนวโน้มการแข่งขันลดลงต่อเนื่อง 2. ผลบวกจากการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ที่ซ้ำซ้อนและการรวมโครงข่ายจะเห็นผลบวกมากขึ้นตลอดปี 2567 3. การลดต้นทุนอื่นๆจะทำต่อไปอย่างเข้มข้นเพื่อลดค่าใช้จ่าย
4. โอกาสปรับเพิ่ม Guidance ปี 2567 เป็นไปได้ในระยะถัดไป 5. การออก Bond รอบใหม่เปิดจองในเดือนพ.ค.67 จะช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยจ่าย และ 6. คาดจะมีการประกาศกรอบเวลาการประมูลคลื่นรอบใหม่ว่าจะประมูลเมื่อไหร่ภายในไตรมาส 3/67
CPALL ไตรมาส 2 สวย
เริ่มกันที่ CPALL ไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิ 6,319 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า CPALL ไตรมาส 1/67 ออกมาดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยและตลาดคาด 22% จากรายได้, กำไรขั้น (GPM) และการควบคุมค่าใช้จ่าย SG&A ที่ทำได้ดีกว่าคาด
ทั้งนี้คงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 76 บาทต่อหุ้น โดยแนวโน้มไตรมาส 2/67 คาดกำไรปกติเติบโตจากไตรมาสก่อน ตามปัจจัยฤดูกาล และเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่เติบโต จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว,
รวมทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณรัฐช่วงปลายไตรมาสและอานิสงค์จากอากาศร้อนกว่าปกติส่งผลให้คนเข้ามาซื้อเครื่องดื่มหรือสินค้าคลายร้อน ช่วยเพิ่ม Traffic ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) และแรงกดดันต้นทุนค่าไฟต่อหน่วยจะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตามกำไรปกติไตรมาส 1/67 คิดเป็น 28% ของประมาณการปี 2567 ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท เติบโต 17% จากปีก่อน แต่จากแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/67 ที่คาดเติบโตจากไตรมาสก่อน และจะเด่นมากขึ้นในครึ่งหลังปีนี้ ที่มีโอกาสเติบโตจากครึ่งปีแรก ทำให้ประมาณการมี Upside Risk
CPF อัพกำไรปีนี้ขึ้น!
ต่อกันที่ CPF ไตรมาส 1/67 มีกําไรสุทธิ 1,152 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2566 ที่มีการบันทึกผลขาดทุนสุทธิ 2,725 ล้านบาท นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองว่ากำไรดังกล่าว ถือว่าฟื้นตัวได้ดีกว่าคาดมาก
ขณะที่ปัจจุบันราคาสุกรปรับตัวสูงขึ้นได้ดีกว่าช่วงไตรมาส 1/67 และแนวโน้มต้นทุนยังลดลงต่อเนื่อง คาดไตรมาส 2/67 จะยังมีกำไรฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
ดังนั้น จึงปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 เพิ่มขึ้นอีก 10% เป็น 5,567 ล้านบาท เติบโต 206.9% จากปีก่อน จากงบไตรมาสแรกที่ทำได้ดีกว่าคาดมาก ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 25.50 บาทคงคำแนะนำ ซื้อ
CPAXT ไตรมาส 2 เด่นต่อ
ส่วน CPAXT ไตรมาส 1/2567 มีกำไรสุทธิ 2,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่ากำไรออกมาใกล้เคียงที่ฝ่ายวิจัยและตลาดคาด โดยแนวโน้มไตรมาส 2/67 คาดผลประกอบการเติบโตเด่นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้เนื่องจาก 1. ตัวเลขยอดขายสาขาเดิม (SSSG) นับจากต้นไตรมาส 2 ถึงปัจจุบันยังเติบโตได้ต่อ ซึ่ง Makro บวก2-3% , Lotus’s บวก 5-6% ตามการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว, จำนวนวันหยุดยาวที่มากขึ้น และคาดเห็นผลของการเบิกจ่ายงบประมาณรัฐช่วงปลายไตรมาส
2. แรงกดดันต้นทุนค่าไฟลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 3. ต้นทุนทางการเงินที่ลดลงหลังปรับโครงสร้างเงินกู้ โดยยังคงประมาณการกำไรปี 2567 ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เติบโต 21% จากปีก่อน และคงคำแนะนำ “ซื้อ” คงราคาเหมาะสม 37บาทต่อหุ้น
TRUE ลุ้นปีนี้มีกำไร
ปิดท้ายกันที่ TRUE ไตรมาส 1/2567 บริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัท 769 ล้านบาท โดยผลขาดทุนสุทธิได้รับผลกระทบเชิงลบจากผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจำนวน 1,571 ล้านบาท จากการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย (NetworkModernization)
นักวิเคราะห์นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า หากตัดรายการพิเศษ ผลประกอบการปกติไตรมาส 1/67 มีกำไรปกติครั้งแรกหลังควบรวมกิจการที่ 767 ล้านบาท ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ดีกว่าคาดการณ์ของฝ่ายวิจัยที่ และดีกว่าที่ตลาดคาด
ทั้งนี้ผลประกอบการไตรมาส 1/67 ที่มีกำไรปกติ 767 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ Synergy ยังเพิ่งเริ่มส่งผลบวกและแนวโน้มผล ประกอบการตลอดปี 2567 ควรจะดีขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบไตรมาสก่อน
สะท้อนว่าประมาณการทั้งปี 2567 ของที่คาด ขาดทุน 1.3 พันล้านบาท และตลาดคาดมีกำไร 1.1 พันล้านบาทต่ำเกินไปมาก จึงปรับเพิ่มประมาณการปี 2567 จากขาดทุน 1.3 พันล้านบาท ขึ้นเป็นกำไรปกติ 3.6 พันล้านบาทเทียบปีก่อนที่ขาดทุน คงคำแนะนำ “ซื้อ ” ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 12.30 บาทต่อหุ้น
โดยการประชุมนักวิเคราะห์โทนโดยรวมเป็นบวก ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1. แนวโน้มการแข่งขันลดลงต่อเนื่อง 2. ผลบวกจากการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ที่ซ้ำซ้อนและการรวมโครงข่ายจะเห็นผลบวกมากขึ้นตลอดปี 2567 3. การลดต้นทุนอื่นๆจะทำต่อไปอย่างเข้มข้นเพื่อลดค่าใช้จ่าย
4. โอกาสปรับเพิ่ม Guidance ปี 2567 เป็นไปได้ในระยะถัดไป 5. การออก Bond รอบใหม่เปิดจองในเดือนพ.ค.67 จะช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยจ่าย และ 6. คาดจะมีการประกาศกรอบเวลาการประมูลคลื่นรอบใหม่ว่าจะประมูลเมื่อไหร่ภายในไตรมาส 3/67