จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : PTG เดินหน้าสร้างวัฏจักร “PT Max World” หนุนความมั่นคงและยั่งยืน
15 พฤษภาคม 2567
บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เดินหน้าสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ PT Max World ทั้งธุรกิจ Oil และ Non Oil หวังสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ผู้บริหารมั่นใจผลงานปีนี้ยังทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โบรกเกอร์แนะนำ Trading Buy
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ออกบทวิเคราะห์ โดยระบุว่า บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) รายงานกําไรไตรมาส 1/67 ที่ 257 ล้านบาท ลดลง 7% จากปีก่อน และลดลง 52% จากไตรมาสก่อน ซึ่งต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด 5% และ - 10% ตามลําดับ โดยเป็นผลมาจาก Marketing Margin ที่ลดลง
1) ปริมาณขายอยู่ราว 1.7 พันล้านลิตร 17% จากปีก่อน เพิ่มขึ้นตามปริมาณท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณการสัญจรเพิ่มมากขึ้น รวมถึงบริษัทสามารถขยายปริมาณขายต่อสถานีน้ำมันเพิ่มขึ้น
2) Gross Margin ต่อลิตร ลดลงมาเป็น 1.5 บาทต่อลิตร จากไตรมาส 1/66 ที่ 1.52 บาทต่อลิตร และไตรมาส 4/66 ที่ 1.85 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นช่วงน้ำมันขาขึ้นส่งผลต่อการบริหารจัดการต้นทุน
3) ธุรกิจ Non-Oil มีกําไรขั้นต้นที่ 868 ล้านบาท 36% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสก่อน โดยมาจากปริมาณขาย LPG เพี่มขึ้น 3% จากปีก่อน และการขยายร้านกาแฟพันธุ์ไทย
บริษัทจึงยังคงประมาณการกําไรปี 2567 ที่ 1 พันล้านบาท 26% จากค่าการตลาดที่ระดับปกติ 1.7 บาทต่อลิตร แนวโน้มราคาน้ำมันที่เป็นขาขึ้นอาจจะกระทบต่อการบริหารจัดการต้นทุนของบริษัท รวมถึงมาตรการภาครัฐที่อาจจะออกมาเพื่อลดผลกระทบต่อภาระน้ำมันอาจจะส่งผลต่อ Margin ของบริษัทได้
เราคงราคาเป้าหมายที่ 9.5 บาท อิง Avg PER – 0.5SD ที่ 15.5 เท่า และคงคําแนะนํา Trading Buy ราคาหุ้นอาจจะยังเป็น Sideway มีปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง และอาจจะมีมาตรการของภาครัฐในการควบคมุ ราคาขายน้ำมันได้
ด้านบล.ดาโอ ระบุ เราคงแนะนำ “ถือ” และราคาเป้าหมายที่ 10.00 บาท อิง PER 13 เท่า หรือเทียบเท่า -1SD ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ทั้งนี้บริษัทประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/67 ที่ 258 ล้านบาท ลดลง 7% จากปีก่อน ใกล้เคียงตลาดและเราประเมิน
โดยปัจจัยหลักที่ลดลงเกิดจากค่าการตลาดได้รับผลกระทบจาก Euro 5 ทำให้ไตรมาส 1/67 ค่าการตลาดอยู่ที่ 1.56 บาท/ลิตร ลดลง 9% จากปีก่อน และลดลง 16% จากไตรมาสก่อน
อย่างไรก็ตามได้รับชดเชยบางส่วนจาก oil sales volume ที่ 1.7 พันล้านลิตร เพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อน และ11% จากไตรมาสก่อน ส่วน SG&A เพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน ตามการขยายธุรกิจ เบื้องต้นเรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 1.2 พันล้านบาท 25% จากปีก่อน
แนวโน้มค่าการตลาดคาดผ่อนคลายขึ้นหลังการปรับลอยตัวน้ำมันดีเซลตั้งแต่ 1 เม.ย. 2567 รวมถึงการปรับราคาขึ้นเพื่อช่วยเหลือกองทุนน้ำมัน นอกจากนี้แนวโน้ม sale volume ที่คาดว่ายังเติบโตได้จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะช่วยหนุนผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีราคาหุ้นเคลื่อนไหวใกล้เคียง SET ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ประเมินยังเป็นเรื่องท้าทายที่ราคาหุ้นจะกลับไป outperform ตลาดในระยะถัดไปหลังมีปัจจัย overhang คือความผันผวนของค่าการตลาดและการปรับขึ้นค่าแรงคอยกดดัน
ขณะที่นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG ระบุปี 67 บริษัทยังคงวางเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางเติบโต 10-12% YoY และขยายจำนวนสถานีบริการไว้ที่ 2,251 สถานีบริการ เพิ่มขึ้น 50 สถานีบริการจากปีก่อนหน้า
ส่วนธุรกิจ Non-Oil ยังคงวางเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 40-50% หลักๆ มาจากธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยที่มองว่าปีนี้เป็นปีแห่ง "Network Expansion" ซึ่งจะเน้นการขยายผ่านกลยุทธ์ 3 ด้าน ได้แก่ 1) ขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าขยาย 400 สาขา 2) ขยายการรับรู้ไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ผ่านการนำเสนอสินค้าที่หลากหลาย และ 3) เน้นการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ผลิตต้นน้ำเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน มุ่งสู่จำนวนสาขากาแฟพันธุ์ไทยกว่า 5,000 สาขาครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศในปี 2570
"ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 ที่ออกมาถือว่าเติบโตในทุกมิติ ธุรกิจเดิมก็เติบใหญ่ ธุรกิจใหม่ก็เติบโต โดยเฉพาะยอดขายน้ำมันที่ทำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง ส่วนภาพรวมธุรกิจของกลุ่ม PTG ในช่วงที่เหลือของปีนี้เชื่อว่ายังคงเติบโตอย่างแข็งแรงและต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทฯยังคงเดินหน้าในการสร้างเสริมระบบนิเวศทางธุรกิจ PT Max World ให้มีความมั่นคงและยั่งยืน เพื่อตอบโจทย์วิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ในการที่จะเชื่อมให้ทุกคนได้เข้าถึงชีวิตที่ อยู่ดี มีสุข ในทุกช่วงของชีวิต" นายพิทักษ์ กล่าว
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ออกบทวิเคราะห์ โดยระบุว่า บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) รายงานกําไรไตรมาส 1/67 ที่ 257 ล้านบาท ลดลง 7% จากปีก่อน และลดลง 52% จากไตรมาสก่อน ซึ่งต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด 5% และ - 10% ตามลําดับ โดยเป็นผลมาจาก Marketing Margin ที่ลดลง
1) ปริมาณขายอยู่ราว 1.7 พันล้านลิตร 17% จากปีก่อน เพิ่มขึ้นตามปริมาณท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณการสัญจรเพิ่มมากขึ้น รวมถึงบริษัทสามารถขยายปริมาณขายต่อสถานีน้ำมันเพิ่มขึ้น
2) Gross Margin ต่อลิตร ลดลงมาเป็น 1.5 บาทต่อลิตร จากไตรมาส 1/66 ที่ 1.52 บาทต่อลิตร และไตรมาส 4/66 ที่ 1.85 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นช่วงน้ำมันขาขึ้นส่งผลต่อการบริหารจัดการต้นทุน
3) ธุรกิจ Non-Oil มีกําไรขั้นต้นที่ 868 ล้านบาท 36% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสก่อน โดยมาจากปริมาณขาย LPG เพี่มขึ้น 3% จากปีก่อน และการขยายร้านกาแฟพันธุ์ไทย
บริษัทจึงยังคงประมาณการกําไรปี 2567 ที่ 1 พันล้านบาท 26% จากค่าการตลาดที่ระดับปกติ 1.7 บาทต่อลิตร แนวโน้มราคาน้ำมันที่เป็นขาขึ้นอาจจะกระทบต่อการบริหารจัดการต้นทุนของบริษัท รวมถึงมาตรการภาครัฐที่อาจจะออกมาเพื่อลดผลกระทบต่อภาระน้ำมันอาจจะส่งผลต่อ Margin ของบริษัทได้
เราคงราคาเป้าหมายที่ 9.5 บาท อิง Avg PER – 0.5SD ที่ 15.5 เท่า และคงคําแนะนํา Trading Buy ราคาหุ้นอาจจะยังเป็น Sideway มีปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง และอาจจะมีมาตรการของภาครัฐในการควบคมุ ราคาขายน้ำมันได้
ด้านบล.ดาโอ ระบุ เราคงแนะนำ “ถือ” และราคาเป้าหมายที่ 10.00 บาท อิง PER 13 เท่า หรือเทียบเท่า -1SD ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ทั้งนี้บริษัทประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/67 ที่ 258 ล้านบาท ลดลง 7% จากปีก่อน ใกล้เคียงตลาดและเราประเมิน
โดยปัจจัยหลักที่ลดลงเกิดจากค่าการตลาดได้รับผลกระทบจาก Euro 5 ทำให้ไตรมาส 1/67 ค่าการตลาดอยู่ที่ 1.56 บาท/ลิตร ลดลง 9% จากปีก่อน และลดลง 16% จากไตรมาสก่อน
อย่างไรก็ตามได้รับชดเชยบางส่วนจาก oil sales volume ที่ 1.7 พันล้านลิตร เพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อน และ11% จากไตรมาสก่อน ส่วน SG&A เพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน ตามการขยายธุรกิจ เบื้องต้นเรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 1.2 พันล้านบาท 25% จากปีก่อน
แนวโน้มค่าการตลาดคาดผ่อนคลายขึ้นหลังการปรับลอยตัวน้ำมันดีเซลตั้งแต่ 1 เม.ย. 2567 รวมถึงการปรับราคาขึ้นเพื่อช่วยเหลือกองทุนน้ำมัน นอกจากนี้แนวโน้ม sale volume ที่คาดว่ายังเติบโตได้จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะช่วยหนุนผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีราคาหุ้นเคลื่อนไหวใกล้เคียง SET ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ประเมินยังเป็นเรื่องท้าทายที่ราคาหุ้นจะกลับไป outperform ตลาดในระยะถัดไปหลังมีปัจจัย overhang คือความผันผวนของค่าการตลาดและการปรับขึ้นค่าแรงคอยกดดัน
ขณะที่นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG ระบุปี 67 บริษัทยังคงวางเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางเติบโต 10-12% YoY และขยายจำนวนสถานีบริการไว้ที่ 2,251 สถานีบริการ เพิ่มขึ้น 50 สถานีบริการจากปีก่อนหน้า
ส่วนธุรกิจ Non-Oil ยังคงวางเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 40-50% หลักๆ มาจากธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยที่มองว่าปีนี้เป็นปีแห่ง "Network Expansion" ซึ่งจะเน้นการขยายผ่านกลยุทธ์ 3 ด้าน ได้แก่ 1) ขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าขยาย 400 สาขา 2) ขยายการรับรู้ไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ผ่านการนำเสนอสินค้าที่หลากหลาย และ 3) เน้นการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ผลิตต้นน้ำเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน มุ่งสู่จำนวนสาขากาแฟพันธุ์ไทยกว่า 5,000 สาขาครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศในปี 2570
"ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 ที่ออกมาถือว่าเติบโตในทุกมิติ ธุรกิจเดิมก็เติบใหญ่ ธุรกิจใหม่ก็เติบโต โดยเฉพาะยอดขายน้ำมันที่ทำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง ส่วนภาพรวมธุรกิจของกลุ่ม PTG ในช่วงที่เหลือของปีนี้เชื่อว่ายังคงเติบโตอย่างแข็งแรงและต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทฯยังคงเดินหน้าในการสร้างเสริมระบบนิเวศทางธุรกิจ PT Max World ให้มีความมั่นคงและยั่งยืน เพื่อตอบโจทย์วิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ในการที่จะเชื่อมให้ทุกคนได้เข้าถึงชีวิตที่ อยู่ดี มีสุข ในทุกช่วงของชีวิต" นายพิทักษ์ กล่าว