บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก อุปกรณ์ตกแต่งทรงผม อุปกรณ์เสริมความงาม ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ผลิตภัณฑ์เครื่องครัว รวมไปถึงสินค้าไลฟ์สไตล์ แบรนด์ดัง อาทิ SNAILWHITE, NAMU LIFE, OXE'CURE, SPARKLE, LESASHA, JASON, MAKAVELIC, EMJOI, BEAR, iLIFE, และ @HOME รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 มีผลกำไรสุทธิ 10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 317 โดยบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.025 บาท กำหนดขึ้น XD วันที่ 23 พฤษภาคม 2567 พร้อมเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มไลฟ์สไตล์อย่างต่อเนื่อง หนุนการเติบโตครึ่งปีหลัง ดันรายได้ปี 2567 เติบโตตามเป้า

นางสาวนันทวรรณ สุวรรณเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2567 โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 398 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.10 จากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดขายสูงขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยรายได้จากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเติบโตอัตราร้อยละ 2.84 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน การเติบโตหลักดังกล่าวมาจากการขายต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มเติมที่มีการเติบโตอัตราร้อยละ 12.30
ในขณะที่ต้นทุนสินค้าและบริการสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2567 มีมูลค่า 180 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 45.21 ของรายได้จากการขาย โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.64 point เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2566 ที่มีต้นทุนสินค้าและบริการ 142 ล้านบาท หรือร้อยละ 36.57 ของรายได้จากการขาย ผลสืบเนื่องจากต้นทุนขายสินค้าในต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาวะการแข่งขันในตลาด การปรับราคาวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการขายสินค้ารายการพิเศษ (Big lot) ให้กับคู่ค้ารายหลักในต่างประเทศ
ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสำหรับไตรมาส 1 ปี 2567 มีมูลค่า 210 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 52.75 ของรายได้จากการขาย เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.41 point เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2566 ที่มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 200 ล้านบาท หรือร้อยละ 51.34 ของรายได้จากการขาย โดยเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพื่อรองรับการขยายตัวและการเติบโตของแบรนด์สินค้าและผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมไปถึงการขยายช่องทางการขายเพิ่มเติมในต่างประเทศ ทั้งนี้ บริษัทฯ คงนโยบายควมคุมค่าใช้จ่ายตามแผน Synergy Roadmap ภายในกลุ่มบริษัทโดยเฉพาะด้านคลังสินค้าและค่าใช้จ่ายด้านการขายเพื่อลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในกลุ่มบริษัทอย่างต่อเนื่อง
จากปัจจัยข้างต้น บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ (Net Profit) ในไตรมาส 1 ปี 2567 มูลค่า 10 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 317 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2566 ที่มีผลกำไรสุทธิ 2 ล้านบาท
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.025 บาท กำหนดขึ้น XD วันที่ 23 พฤษภาคม 2567 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 7 มิถุนายนนี้
สำหรับ แนวโน้มทิศทางธุรกิจไตรมาส 2 ปี 2567 ยังเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรก โดยบริษัทมุ่งเน้นสร้างการเติบโตของยอดขายและกำไรอย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ รวมถึงกับเดินหน้าจับมือพันธมิตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถพัฒนาธุรกิจ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจให้เติบโตในอนาคต โดยภาพรวมแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจเดิม (Organic Growth) จากนวัตกรรมที่ทันสมัย โดยเตรียมเปิดตัวแบรนด์พรีเมี่ยมจากยุโรปและเบรนด์ยอดนิยมจากประเทศญี่ปุ่นภายในไตรมาส 3 ปี 2567 นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนสร้างการเติบโตจากธุรกิจใหม่ (Inorganic Growth) ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาและศึกษาความเป็นไปได้ เพื่อมุ่งเน้นการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมและสอดคล้องกับวิถีการดำเนินชีวิตของผู้บริโภค ทั้งยังช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสุขภาวะที่ดีให้กับผู้บริโภคได้อย่างยั่งยืน

นางสาวนันทวรรณ สุวรรณเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2567 โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 398 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.10 จากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดขายสูงขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยรายได้จากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเติบโตอัตราร้อยละ 2.84 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน การเติบโตหลักดังกล่าวมาจากการขายต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มเติมที่มีการเติบโตอัตราร้อยละ 12.30
ในขณะที่ต้นทุนสินค้าและบริการสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2567 มีมูลค่า 180 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 45.21 ของรายได้จากการขาย โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.64 point เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2566 ที่มีต้นทุนสินค้าและบริการ 142 ล้านบาท หรือร้อยละ 36.57 ของรายได้จากการขาย ผลสืบเนื่องจากต้นทุนขายสินค้าในต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาวะการแข่งขันในตลาด การปรับราคาวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการขายสินค้ารายการพิเศษ (Big lot) ให้กับคู่ค้ารายหลักในต่างประเทศ
ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสำหรับไตรมาส 1 ปี 2567 มีมูลค่า 210 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 52.75 ของรายได้จากการขาย เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.41 point เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2566 ที่มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 200 ล้านบาท หรือร้อยละ 51.34 ของรายได้จากการขาย โดยเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพื่อรองรับการขยายตัวและการเติบโตของแบรนด์สินค้าและผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมไปถึงการขยายช่องทางการขายเพิ่มเติมในต่างประเทศ ทั้งนี้ บริษัทฯ คงนโยบายควมคุมค่าใช้จ่ายตามแผน Synergy Roadmap ภายในกลุ่มบริษัทโดยเฉพาะด้านคลังสินค้าและค่าใช้จ่ายด้านการขายเพื่อลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในกลุ่มบริษัทอย่างต่อเนื่อง
จากปัจจัยข้างต้น บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ (Net Profit) ในไตรมาส 1 ปี 2567 มูลค่า 10 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 317 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2566 ที่มีผลกำไรสุทธิ 2 ล้านบาท
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.025 บาท กำหนดขึ้น XD วันที่ 23 พฤษภาคม 2567 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 7 มิถุนายนนี้
สำหรับ แนวโน้มทิศทางธุรกิจไตรมาส 2 ปี 2567 ยังเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรก โดยบริษัทมุ่งเน้นสร้างการเติบโตของยอดขายและกำไรอย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ รวมถึงกับเดินหน้าจับมือพันธมิตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถพัฒนาธุรกิจ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจให้เติบโตในอนาคต โดยภาพรวมแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจเดิม (Organic Growth) จากนวัตกรรมที่ทันสมัย โดยเตรียมเปิดตัวแบรนด์พรีเมี่ยมจากยุโรปและเบรนด์ยอดนิยมจากประเทศญี่ปุ่นภายในไตรมาส 3 ปี 2567 นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนสร้างการเติบโตจากธุรกิจใหม่ (Inorganic Growth) ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาและศึกษาความเป็นไปได้ เพื่อมุ่งเน้นการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมและสอดคล้องกับวิถีการดำเนินชีวิตของผู้บริโภค ทั้งยังช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสุขภาวะที่ดีให้กับผู้บริโภคได้อย่างยั่งยืน
ยอดนิยม

ผถห. AH เห็นชอบจ่ายปันผลเพิ่ม 0.48 บาท/หุ้น รวมปี 67 จ่าย 0.78 บาท/หุ้น กำหนดจ่าย 23 พ.ค.นี้
%20(1).jpg)
ITEL ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 68 ไฟเขียวอนุมัติแจกวอร์แรนต์ฟรี ลุยขยายธุรกิจ

เวทีการค้าโลก หนุนบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก ส่งผลแนวโน้มบรรจุภัณฑ์จากวัสดุทดแทนโต ด้าน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ผู้จัดงาน ProPak Asia 2025 ยกทัพเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ยุคใหม่ ร่วมโชว์ในหลายโซนสำคัญ

SVI เซ็นสัญญา CCTC ตั้งบริษัทร่วมลงทุน ก้าวสู่อุตสาหกรรมต้นน้ำชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ ตั้งเป้าป้อนตลาดครึ่งปีหลังของปี 69 คาดทำยอดขายปีละ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ
_%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%20S2T.jpg)