Smart Investment
เปิดงบ 3 ยักษ์สินเชื่อจำนำทะเบียน ไตรมาส 1/67 ใครเจ๋งกว่ากัน พร้อมอัพไซด์ราคาเป้าหมายสูงสุด
19 พฤษภาคม 2567
สัปดาห์นี้ Mr.Data พามาถอดงบไตรมาส 1/67 ยักษ์ใหญ่สินเชื่อจำนำทำเบียนรถของเมืองไทย ไล่ตั้งแต่ MTC SAWAD TIDLOR เทียบกันให้เห็นถึงรายได้ กำไร ในไตรมาส 1/67 และมุมมองของโบรกเกอร์ ให้ราคาเป้าหมายสูงสุดเท่าไหร่ มีอัพไซด์มากน้อยแค่ไหน
เริ่มจาก MTC ที่กำไรโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส แนะนำ “ซื้อ” MTC ราคาเป้าหมาย 59 บาท/หุ้นอิงกับ P/BV ปี 2567 ที่ 3.4 เท่า (Mean-1SD) “เราชอบ MTC ที่เป็นผู้นำสินเชื่อจำนำรถจักรยายนต์มาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอุตสาหกรรมแข่งขันสูงขึ้น แต่บริษัทได้ปรับแผนกลยุทธ์และทำกำไรได้ดีคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67-68 เติบโต 22% และ 26% ตามลำดับ”
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 2/67 คาดกำไรสุทธิเติบโตจากปีก่อน และจากไตรมาสก่อน หนุนโดยรายได้เพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพดำเนินงานดีขึ้น และบริหารคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี
ทั้งนี้ คาดสินเชื่อขยายตัวมากขึ้น Yield สูงขึ้นจากไตรมาสก่อน จากจำนวนวันที่มากขึ้น และ C/Iratio ลดลง จากไตรมาสก่อนส่วน credit cost คาดไว้ที่ 3.4% เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ราคาหุ้น MTC ปิดตลาดที่ 46.25 บาท/หุ้น มีอัพไซด์ 27.56% เทียบราคาเป้าหมาย 59 บาท
ตามมาด้วย TIDLOR บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐานที่ 27 บาท ซึ่งมีมุมมองเป็นกลางหลังการประชุมนักวิเคราะห์ และคาดว่าปี 67 จะเป็นปีที่ดีขึ้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะขยายตัวแข็งแกร่งขึ้น 19% จากที่เติบโต 4.1% ในปี 66
ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างเป็นรูปแบบ Holding Company ไม่มีผลอย่างมีนัยต่อการดำเนินงานของ TIDLOR และจะเพิ่มความคล่องตัว และมีประสิทธิภาพในการบริหารงานมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทอาจจะสามารถจ่ายปันผลเป็นเงินสดได้มากขึ้นในอนาคต จากในช่วงที่ผ่านมา บริษัทมักจะจ่ายหุ้นปันผลให้ผู้ถือหุ้น ส่วนสำคัญเพราะบริษัทต้องดำรงสัดส่วนเงินกู้ต่อทุนชำระแล้วของบริษัทฯ ในสัดส่วนไม่เกิน 7:1 เท่า เนื่องจากบริษัทมีสถานะเป็นนิติบุคคลต่างด้าว
ทั้งนี้ แม้ว่า NPL ratio จะปรับสูงขึ้นในไตรมาส 1/67 บริษัทยังเชื่อว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินในปี 2024 แต่ได้แสดงความกังวลต่อสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกที่ยังผันผวนจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ล่าช้า ส่วนสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ค่อนข้างจะทรงตัวแล้ว
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตสูงขึ้นที่ 19.1% / 16.7% ในปี 67-68 ตามลำดับ ซึ่งได้หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัวจากสินเชื่อเติบโต และรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตจากธุรกิจนายหน้าธุรกิจประกันวินาศภัยสูงขึ้น
โดยสมมติฐาน Credit costs ที่ 335 bps ทุกๆ 10 bps ของ credit cost ที่ลดลงจะส่งผลต่อกำไรสุทธิของ TIDLOR เพิ่มขึ้นราว 2% จากการประมาณการกำไรสุทธิในปี 67 ที่ 4.5 พันล้านบาท
.
ด้าน บริษัท หลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่าหุ้น TIDLOR มีความน่าสนใจ จากแนวโน้มผลดำเนินงานที่ฟื้นตัวดีขึ้น และคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแรง รวมถึงการปรับโครงสร้างธุรกิจเป็น Holding คาดจะช่วยให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจได้กว้างและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานเดิมปี 67 ที่ 29 บาท จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ขณะที่ 16 พ.ค. ราคาหุ้น TIDLOR ปิดตลาดที่ 20.80 บาท/หุ้น มีอัพไซด์ 39% เทียบราคาเป้าหมาย 29 บาท
ปิดท้ายกับ SAWAD บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ระบุว่า รายงานกำไรในไตรมาส 1/67 ที่ 1.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน, ลดลง 4% จากไตรมาสก่อน ต่ำกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย 4% เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองที่สูง ในระยะข้างหน้า เราคาดว่า Credit costs มีความไม่แน่นอนสูง โดยหลักมาจากสินเชื่อเช่ารถมอเตอร์ไซค์
ในมุมมองของเรา SAWAD มีความเปราะบางค่อนข้างสูงในการผิดนัดชำระเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดย LLC อยู่ในระดับที่ต่ำเพียง 56% เราปรับลดคำแนะนำเป็น ”ขาย“ ราคาเป้าหมาย 42 บาท จากราคาเป้าหมายก่อนหน้าที่ 49 บาท
โดยเมื่อวันที่ 16 พ.ค. ราคาหุ้น SAWAD ปิดตลาดที่ 40.50 บาท/หุ้น มีอัพไซด์ 3.70% เทียบราคาเป้าหมาย 42 บาทมองกันที่ค่า P/E ของ MTC อยู่ที่ 18.76 เท่า TIDLOR ที่ 15.38 เท่า และ SAWAD ที่ 12.09 เท่า คงมองเห็นภาพธุรกิจ 3 ยักษ์ใหญ่ผู้นำธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ของเมืองไทย กับโอกาสการเติบโต และอัพไซด์ราคาหุ้นเทียบราคาเป้าหมายสูงสุดที่โบรกเกอร์ให้ไว้!!!
เริ่มจาก MTC ที่กำไรโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส แนะนำ “ซื้อ” MTC ราคาเป้าหมาย 59 บาท/หุ้นอิงกับ P/BV ปี 2567 ที่ 3.4 เท่า (Mean-1SD) “เราชอบ MTC ที่เป็นผู้นำสินเชื่อจำนำรถจักรยายนต์มาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอุตสาหกรรมแข่งขันสูงขึ้น แต่บริษัทได้ปรับแผนกลยุทธ์และทำกำไรได้ดีคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67-68 เติบโต 22% และ 26% ตามลำดับ”
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 2/67 คาดกำไรสุทธิเติบโตจากปีก่อน และจากไตรมาสก่อน หนุนโดยรายได้เพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพดำเนินงานดีขึ้น และบริหารคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี
ทั้งนี้ คาดสินเชื่อขยายตัวมากขึ้น Yield สูงขึ้นจากไตรมาสก่อน จากจำนวนวันที่มากขึ้น และ C/Iratio ลดลง จากไตรมาสก่อนส่วน credit cost คาดไว้ที่ 3.4% เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ราคาหุ้น MTC ปิดตลาดที่ 46.25 บาท/หุ้น มีอัพไซด์ 27.56% เทียบราคาเป้าหมาย 59 บาท
ตามมาด้วย TIDLOR บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐานที่ 27 บาท ซึ่งมีมุมมองเป็นกลางหลังการประชุมนักวิเคราะห์ และคาดว่าปี 67 จะเป็นปีที่ดีขึ้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะขยายตัวแข็งแกร่งขึ้น 19% จากที่เติบโต 4.1% ในปี 66
ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างเป็นรูปแบบ Holding Company ไม่มีผลอย่างมีนัยต่อการดำเนินงานของ TIDLOR และจะเพิ่มความคล่องตัว และมีประสิทธิภาพในการบริหารงานมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทอาจจะสามารถจ่ายปันผลเป็นเงินสดได้มากขึ้นในอนาคต จากในช่วงที่ผ่านมา บริษัทมักจะจ่ายหุ้นปันผลให้ผู้ถือหุ้น ส่วนสำคัญเพราะบริษัทต้องดำรงสัดส่วนเงินกู้ต่อทุนชำระแล้วของบริษัทฯ ในสัดส่วนไม่เกิน 7:1 เท่า เนื่องจากบริษัทมีสถานะเป็นนิติบุคคลต่างด้าว
ทั้งนี้ แม้ว่า NPL ratio จะปรับสูงขึ้นในไตรมาส 1/67 บริษัทยังเชื่อว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินในปี 2024 แต่ได้แสดงความกังวลต่อสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกที่ยังผันผวนจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ล่าช้า ส่วนสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ค่อนข้างจะทรงตัวแล้ว
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตสูงขึ้นที่ 19.1% / 16.7% ในปี 67-68 ตามลำดับ ซึ่งได้หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัวจากสินเชื่อเติบโต และรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตจากธุรกิจนายหน้าธุรกิจประกันวินาศภัยสูงขึ้น
โดยสมมติฐาน Credit costs ที่ 335 bps ทุกๆ 10 bps ของ credit cost ที่ลดลงจะส่งผลต่อกำไรสุทธิของ TIDLOR เพิ่มขึ้นราว 2% จากการประมาณการกำไรสุทธิในปี 67 ที่ 4.5 พันล้านบาท
.
ด้าน บริษัท หลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่าหุ้น TIDLOR มีความน่าสนใจ จากแนวโน้มผลดำเนินงานที่ฟื้นตัวดีขึ้น และคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแรง รวมถึงการปรับโครงสร้างธุรกิจเป็น Holding คาดจะช่วยให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจได้กว้างและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานเดิมปี 67 ที่ 29 บาท จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ขณะที่ 16 พ.ค. ราคาหุ้น TIDLOR ปิดตลาดที่ 20.80 บาท/หุ้น มีอัพไซด์ 39% เทียบราคาเป้าหมาย 29 บาท
ปิดท้ายกับ SAWAD บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ระบุว่า รายงานกำไรในไตรมาส 1/67 ที่ 1.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน, ลดลง 4% จากไตรมาสก่อน ต่ำกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย 4% เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองที่สูง ในระยะข้างหน้า เราคาดว่า Credit costs มีความไม่แน่นอนสูง โดยหลักมาจากสินเชื่อเช่ารถมอเตอร์ไซค์
ในมุมมองของเรา SAWAD มีความเปราะบางค่อนข้างสูงในการผิดนัดชำระเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดย LLC อยู่ในระดับที่ต่ำเพียง 56% เราปรับลดคำแนะนำเป็น ”ขาย“ ราคาเป้าหมาย 42 บาท จากราคาเป้าหมายก่อนหน้าที่ 49 บาท
โดยเมื่อวันที่ 16 พ.ค. ราคาหุ้น SAWAD ปิดตลาดที่ 40.50 บาท/หุ้น มีอัพไซด์ 3.70% เทียบราคาเป้าหมาย 42 บาทมองกันที่ค่า P/E ของ MTC อยู่ที่ 18.76 เท่า TIDLOR ที่ 15.38 เท่า และ SAWAD ที่ 12.09 เท่า คงมองเห็นภาพธุรกิจ 3 ยักษ์ใหญ่ผู้นำธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ของเมืองไทย กับโอกาสการเติบโต และอัพไซด์ราคาหุ้นเทียบราคาเป้าหมายสูงสุดที่โบรกเกอร์ให้ไว้!!!