อย่างที่ทราบกันดีแล้วว่า กำไรบริษัทจดทะเบียนในงวดไตรมาส 1/67 ออกมาอย่างโดดเด่น และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้มาก ดังนั้นทีมข่าว Share2Trade จึงได้รวบรวมบริษัทมีที่กำไรสุทธิช่วงไตรมาส 1/67 มากที่สุดในตลาดหุ้น มาฝากนักลงทุน
จากการสำรวจข้อมูลผ่าน SETSMART พบว่า PTT ยังครองแชมป์บริษัทที่มีกำไรสุทธิมากสุด อยู่ที่ระดับ 28,967.50 ล้านบาท เติบโตราว 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามด้วยบริษัทย่อยอย่าง PTTEP แม้กำไรสุทธิไตรมาสนี้จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ภาพรวมยังมากสุดเป็นอันดับ 2 ของตลาดหุ้น
อย่างไรก็ตาม หากพูดถึง PTT บริษัทพลังงานรายใหญ่ของไทย โดยไตรมาส 1/67 มีการรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ (Non-recurring Items) สุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท. เป็นกำไรประมาณ 4,400 ล้านบาท
ทั้งนี้หลักๆ จากกำไรจากการขายเงินลงทุนใน Alvogen Malta (Out-licensing) Holding Ltd. (AMOLH) ของบริษัท ปตท. โกลบอล แมนเนจเม้นท์ จำกัด (PTTGM) จำนวนประมาณ 4,500 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 1/2566 มีผลขาดทุนประมาณ 100 ล้านบาท โดยหลักจากรายการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ จากการสิ้นสุดสัมปทานโครงการบงกชของ PTTEP
ขณะที่ในแง่ของการเติบโตนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดไตรมาส 2/67 แม้ PTT มีโอกาสบันทึกกำไรขายหุ้น 50% ใน LNG Terminal 2 ให้แก่ EGAT รวมทั้งต้นทุนก๊าซยังอยู่ระดับต่ำ ขณะที่ราคาขายก๊าซขยับขึ้นตามราคาปิโตรเคมี
แต่คาดผลประกอบการไม่เด่น เพราะธุรกิจการกลั่น และค้าปลีกของบริษัทลูกชะลอตัวจากไตรมาสก่อน และธุรกิจก๊าซของ PTT มีความเสี่ยงเผชิญผลกระทบจากนโยบายแทรกแซงพลังงานเพิ่มขึ้น อาทิ
1.โอกาสบันทึกต้นทุนก๊าซของธุรกิจโรงแยกก๊าซสูงขึ้นตามนโยบาย Single Pool และอาจให้ส่วนลดแก่ลูกค้าย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี (ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอหลักเกณฑ์โครงสร้างราคาก๊าซชัดเจน คาดกระทบ 1 พันล้านบาท/เดือน)
2.ผลกระทบมติปรับลดค่าบริการจัดหาก๊าซกลุ่มลูกค้าไฟฟ้า และค่าบริการแปรสภาพ LNG ของกกพ. เต็มไตรมาส (เริ่มตั้งแต่ 1 มี.ค.) (คาดกระทบ 1.6 พันล้านบาท/ปี)
3.รับรู้กำไรของ LNG Terminal 2 ลดลงหลังจาหน่ายหุ้น 50% ให้แก่ EGAT ตามนโยบายก๊าซของภาครัฐ (คาดกระทบ EBITDA 500-600 ล้านบาท/ไตรมาส)
4. ช่วงที่เหลือของปียังมีความเสี่ยงจากกระแสข่าวภาครัฐกาลังพิจารณาเรียกคืนค่า Shortfall อีก 4.7 พันล้านบาท เพื่อเป็นส่วนลดค่าไฟเดือนก.ย. - ธ.ค.
ดังนั้นคงคำแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสม 38 บาท แต่ระยะสั้นมองหุ้นพลังงานต้นน้ำ PTTEP น่าสนใจกว่า เนื่องจากช่วงที่เหลือของปี PTT มีความเสี่ยงจากมาตรการแทรกแซงพลังงาน อย่างไรก็ตามคงประมาณการปี 2567 ของ PTT ที่ 1 แสนล้านบาทเอาไว้ก่อน เนื่องจากช่วงที่เหลือของปี หุ้นมีปัจจัยกดดันจากนโยบายแทรกแซงพลังงานของภาครัฐ
จากการสำรวจข้อมูลผ่าน SETSMART พบว่า PTT ยังครองแชมป์บริษัทที่มีกำไรสุทธิมากสุด อยู่ที่ระดับ 28,967.50 ล้านบาท เติบโตราว 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามด้วยบริษัทย่อยอย่าง PTTEP แม้กำไรสุทธิไตรมาสนี้จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ภาพรวมยังมากสุดเป็นอันดับ 2 ของตลาดหุ้น
อย่างไรก็ตาม หากพูดถึง PTT บริษัทพลังงานรายใหญ่ของไทย โดยไตรมาส 1/67 มีการรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ (Non-recurring Items) สุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท. เป็นกำไรประมาณ 4,400 ล้านบาท
ทั้งนี้หลักๆ จากกำไรจากการขายเงินลงทุนใน Alvogen Malta (Out-licensing) Holding Ltd. (AMOLH) ของบริษัท ปตท. โกลบอล แมนเนจเม้นท์ จำกัด (PTTGM) จำนวนประมาณ 4,500 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 1/2566 มีผลขาดทุนประมาณ 100 ล้านบาท โดยหลักจากรายการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ จากการสิ้นสุดสัมปทานโครงการบงกชของ PTTEP
ขณะที่ในแง่ของการเติบโตนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดไตรมาส 2/67 แม้ PTT มีโอกาสบันทึกกำไรขายหุ้น 50% ใน LNG Terminal 2 ให้แก่ EGAT รวมทั้งต้นทุนก๊าซยังอยู่ระดับต่ำ ขณะที่ราคาขายก๊าซขยับขึ้นตามราคาปิโตรเคมี
แต่คาดผลประกอบการไม่เด่น เพราะธุรกิจการกลั่น และค้าปลีกของบริษัทลูกชะลอตัวจากไตรมาสก่อน และธุรกิจก๊าซของ PTT มีความเสี่ยงเผชิญผลกระทบจากนโยบายแทรกแซงพลังงานเพิ่มขึ้น อาทิ
1.โอกาสบันทึกต้นทุนก๊าซของธุรกิจโรงแยกก๊าซสูงขึ้นตามนโยบาย Single Pool และอาจให้ส่วนลดแก่ลูกค้าย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี (ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอหลักเกณฑ์โครงสร้างราคาก๊าซชัดเจน คาดกระทบ 1 พันล้านบาท/เดือน)
2.ผลกระทบมติปรับลดค่าบริการจัดหาก๊าซกลุ่มลูกค้าไฟฟ้า และค่าบริการแปรสภาพ LNG ของกกพ. เต็มไตรมาส (เริ่มตั้งแต่ 1 มี.ค.) (คาดกระทบ 1.6 พันล้านบาท/ปี)
3.รับรู้กำไรของ LNG Terminal 2 ลดลงหลังจาหน่ายหุ้น 50% ให้แก่ EGAT ตามนโยบายก๊าซของภาครัฐ (คาดกระทบ EBITDA 500-600 ล้านบาท/ไตรมาส)
4. ช่วงที่เหลือของปียังมีความเสี่ยงจากกระแสข่าวภาครัฐกาลังพิจารณาเรียกคืนค่า Shortfall อีก 4.7 พันล้านบาท เพื่อเป็นส่วนลดค่าไฟเดือนก.ย. - ธ.ค.
ดังนั้นคงคำแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสม 38 บาท แต่ระยะสั้นมองหุ้นพลังงานต้นน้ำ PTTEP น่าสนใจกว่า เนื่องจากช่วงที่เหลือของปี PTT มีความเสี่ยงจากมาตรการแทรกแซงพลังงาน อย่างไรก็ตามคงประมาณการปี 2567 ของ PTT ที่ 1 แสนล้านบาทเอาไว้ก่อน เนื่องจากช่วงที่เหลือของปี หุ้นมีปัจจัยกดดันจากนโยบายแทรกแซงพลังงานของภาครัฐ