กรุงเทพประกันภัย แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 8,084.2 ล้านบาท เติบโต 11.5% มีกำไรสุทธิ 689.7 ล้านบาท ลดลง 22.0%พร้อมเดินหน้าแผนการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพประกันภัย หรือ BKI เผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 (ม.ค.-มี.ค.) มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 8,084.2 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 เพิ่มขึ้น 11.5% มีผลกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว 313.0 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ลดลง 32.7%
บริษัทฯ มีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 465.0 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 379.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.7% และมีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 778.0 ล้านบาท ลดลง 7.9% และมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 88.3 ล้านบาท โดยเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 689.7 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ลดลง 22.0% และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 6.48 บาท
เนื่องจากบริษัทฯ กำลังอยู่ระหว่างกระบวนการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer) แลกเปลี่ยนหุ้น BKI เป็นหุ้น BKIH ในช่วงระหว่างวันที่ 25 มีนาคม – 5 มิถุนายน 2567 ตามแผนการปรับโครงสร้างกิจการ เพื่อนำบริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงอาจทำให้มีข้อจำกัดของช่วงเวลาในการจ่ายเงินปันผล ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2567 จึงมีมติงดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2567 และเมื่อพ้นระยะเวลาที่เป็นข้อจำกัดดังกล่าว บริษัทฯ จะพิจารณานำไปรวมเพื่อจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล และ/หรือ เงินปันผลประจำปี ตามผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ต่อไป ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลโดยรวมทั้งปีจะยังคงเป็นไปตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯ
กรุงเทพประกันภัย พร้อมเติบโตต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ครอบคลุมทุกความต้องการ สอดคล้องกับความเสี่ยงต่าง ๆ ในปัจจุบัน ยกระดับนวัตกรรมการบริการที่ทันสมัย สะดวก รวดเร็ว เข้าถึงง่ายพร้อมขยายโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ ด้วยความแข็งแกร่งด้านเงินทุน เงินกองทุน และสินทรัพย์ที่มั่นคง ควบคู่กับการใส่ใจดูแลสังคม สิ่งแวดล้อม คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น เเละผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มของบริษัทฯ ตามปรัชญาการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาลที่ยึดมั่นมายาวนานกว่า 77 ปี
ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพประกันภัย หรือ BKI เผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 (ม.ค.-มี.ค.) มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 8,084.2 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 เพิ่มขึ้น 11.5% มีผลกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว 313.0 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ลดลง 32.7%
บริษัทฯ มีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 465.0 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 379.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.7% และมีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 778.0 ล้านบาท ลดลง 7.9% และมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 88.3 ล้านบาท โดยเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 689.7 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ลดลง 22.0% และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 6.48 บาท
เนื่องจากบริษัทฯ กำลังอยู่ระหว่างกระบวนการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer) แลกเปลี่ยนหุ้น BKI เป็นหุ้น BKIH ในช่วงระหว่างวันที่ 25 มีนาคม – 5 มิถุนายน 2567 ตามแผนการปรับโครงสร้างกิจการ เพื่อนำบริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงอาจทำให้มีข้อจำกัดของช่วงเวลาในการจ่ายเงินปันผล ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2567 จึงมีมติงดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2567 และเมื่อพ้นระยะเวลาที่เป็นข้อจำกัดดังกล่าว บริษัทฯ จะพิจารณานำไปรวมเพื่อจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล และ/หรือ เงินปันผลประจำปี ตามผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ต่อไป ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลโดยรวมทั้งปีจะยังคงเป็นไปตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯ
กรุงเทพประกันภัย พร้อมเติบโตต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ครอบคลุมทุกความต้องการ สอดคล้องกับความเสี่ยงต่าง ๆ ในปัจจุบัน ยกระดับนวัตกรรมการบริการที่ทันสมัย สะดวก รวดเร็ว เข้าถึงง่ายพร้อมขยายโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ ด้วยความแข็งแกร่งด้านเงินทุน เงินกองทุน และสินทรัพย์ที่มั่นคง ควบคู่กับการใส่ใจดูแลสังคม สิ่งแวดล้อม คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น เเละผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มของบริษัทฯ ตามปรัชญาการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาลที่ยึดมั่นมายาวนานกว่า 77 ปี