Wealth Sharing

JUBILE โชว์กำไรปี 65 นิวไฮ พุ่ง 311 ลบ. แจกปันผล 0.73 บาทต่อหุ้น


24 กุมภาพันธ์ 2566
บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (JUBILE) ผู้นำธุรกิจเครื่องประดับเพชรอันดับหนึ่งของเมืองไทย ภายใต้แบรนด์ “ยูบิลลี่ ไดมอนด์” เพชรแท้คุณภาพระดับ World class โชว์สตรองผลประกอบการปี 2565 เติบโตแกร่งทำสถิติใหม่ในประวัติการณ์ด้วยด้วยกำไรสุทธิ 311 ล้านบาท เติบโต 38% หลังเดินเกมรุกการตลาดด้านกลยุทธ์ Customer Centric ผสานแนวคิด Digital Transformation นำเทคโนโลยีปรับใช้สร้างโอกาสทางการแข่งขันให้กับธุรกิจ พร้อมดึงเทคโนโลยี AI วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมาย ชี้ปี 2566 เดินเกมรุกธุรกิจเพชรอย่างต่อเนื่อง โชว์ความแข็งแกร่งหลังภาพรวมเศรษฐกิจกลับมาคึกคัก ตั้งเป้าการเติบโตปี 2566 10%  
JUBILE โชว์กำไรปี 65 นิวไฮ พุ่ง 311 ลบ.jpg
นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ Jubilee (ชื่อหุ้น: JUBILE) เปิดเผยว่า ในปี 2565 ถือเป็นปีที่ Jubilee เดินเกมรุกธุรกิจในการนำกลยุทธ์ Customer Centric ผสานกับแนวคิด Digital Transformation โดยการนำเอาเทคโนโลยีอย่าง AI หรือ Artificial Intelligence หรือ ปัญญาประดิษฐ์ มาใช้ในกระบวนการทำงานและจัดการกับ Data Management ที่ได้จากพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าตัวจริง จากฐานข้อมูลลูกค้าสมาชิกปัจจุบันมากกว่า 200,000 ราย  เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ยุคสมัยและพฤติกรรมของลูกค้ามากขึ้น ทั้งกิจกรรมการตลาดรูปแบบออนไลน์ออฟไลน์ รวมถึงการเปิดตัว The New Sparking Club โฉมใหม่ที่ดึงดูดผู้บริโภค 

โดยผลการดำเนินการในปี 2565 Jubilee สามารถสร้างผลประกอบการได้อย่างโดดเด่น สร้างรายได้เติบโตได้มากกว่าเป้าหมาย และรักษาเป้าหมายกำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 45% ทำให้กำไรสุทธิปี 2565 เติบโตสร้างสถิติสูงสุดในประวัติการณ์อยู่ที่ 311 ล้านบาท เติบโต 38% และมียอดขายสูงถึง 1,786 ล้านบาท เติบโต 17% เมื่อเทียบกับปี 2564 เป็นผลจากการยกระดับกลยุทธ์ Customer Centric โดยยึดความต้องการและการสร้างประสบการณ์พิเศษที่สุดให้กับลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินงาน ขณะที่ในไตรมาส 4 ปี 2565 แม้จะมีปัจจัยลบจากเศรษฐกิจที่ยังผันผวนจากสภาวะเงินเฟ้อ สินค้าอุปโภคบริโภคราคาสูง แต่ด้วยบรรยากาศของช่วงเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองส่งท้ายปี รวมถึงการจัดงานอีเว้นท์ของ Jubilee ทำให้แนวโน้มการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ Jubilee สามารถสร้างยอดขายในไตรมาส 4 ปี 2565 ได้ 475 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 78 ล้านบาท 

ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.73 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 127.2 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วเป็นจำนวน 0.38 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดให้วันที่ 10 พฤษภาคม 2566 เป็นวันกำหนดสิทธิผู้ถือหุ้นในการรับเงินปันผลส่วนที่เหลือ 0.35 บาทต่อหุ้น และกำหนดจ่ายในวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 ซึ่งบริษัทจะนำเสนอเพื่ออนุมัติในที่ประชุมผู้ถือหุ้นต่อไปสำหรับปี 2566 Jubilee ยังคงมุ่งเน้นในการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ในการบริหารรวมถึงการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ลูกค้าทั้งฐานสมาชิก The Sparkling Club และการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายรวมทั้งเพิ่มฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่อีกด้วย เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดให้เติบโตขึ้นและส่งผลต่อการเติบโตในผลประกอบการของบริษัทฯ โดยในปี 2566 เชื่อว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ตามเป้าหมาย แม้ยังมีปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจที่ค่าครองชีพสูงขึ้น  โดยในไตรมาสที่ 1 ด้วยนโยบายจากภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ บริษัทฯ ได้รับอานิสงส์ของโครงการช้อปดีมีคืนที่สามารถนำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้ามาลดหย่อนภาษีในปี 2566 ประกอบกับการเปิดตัวคอลเลกชันใหม่รับเทศกาลต้นปีอย่าง เทศกาลตรุษจีน และเทศกาลแห่งความรัก ช่วงวันวาเลนไทน์ ซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดี นอกจากนี้ Jubilee ถือเป็นผู้นำตลาดเครื่องประดับเพชรในการทำโปรโมชันซื้อเพชรชำระผ่านบัตรเครดิตที่สร้างความสะดวกให้กับลูกค้า ตอบโจทย์เทรนด์ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง หรือ Buy Now Pay Later ได้เป็นอย่างดี ตลอดจนการทำกิจกรรมแคมเปญการตลาดที่เจาะกลุ่มเป้าหมายในทุก ๆ ไตรมาส ทำให้ในปี 2566 ตั้งเป้าหมายการเติบโตที่ 10%

“สิ่งที่ทำให้ Jubilee สามารถก้าวสู่ปีที่ 94 และสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เกิดจากความมุ่งมั่นมองหาโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อทำความรู้จักและรู้ใจลูกค้าผ่านการนำข้อมูลมาวิเคราะห์และขยายผลเป็นกิจกรรมการตลาด พร้อมพัฒนาสินค้าที่ตรงใจลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง  เข้ามาเป็นหัวใจของการทำตลาดที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อสร้างประโยชน์อย่างสูงสุดจากข้อมูลที่มี ซึ่งจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงในทุกกระบวนการของบริษัท ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้แก่ลูกค้า นำพาองค์กรสู่การเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต” นางสาวอัญรัตน์ กล่าวสรุป