รายงานพิเศษ : EA ลุยธุรกิจพลังงานสะอาดในสปป.ลาว มั่นใจเป็น New S-Curve หนุนโตยั่งยืน

บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) รุกขยายธุรกิจพลังงานสะอาดในสปป.ลาว เดินหน้าตั้งบริษัทร่วมทุนกับรัฐบาลสปป.ลาว มั่นใจเป็น New S-Curve สร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว



สปป.ลาว กำลังพัฒนาประเทศให้เป็นแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้า เพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นแบตเตอรี่แห่งอาเซียน (Battery of ASEAN) โดยได้มีการก่อสร้างแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศเป็นจำนวนมากโดยทั่วประเทศสปป.ลาว คาดว่ามีแหล่งผลิตไฟฟ้าไม่น้อยกว่า  90 แห่ง กำลังการผลิตรวม 11,000 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้า 77 แห่ง  โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 8 แห่ง โรงไฟฟ้าชีวมวล 4 แห่ง และโรงไฟฟ้าถ่านหิน 1 แห่ง

และมีรายงานว่า ปี 2565 สปป.ลาวมีรายได้จากการส่งออกไฟฟ้าขายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ไทย เวียดนาม กัมพูชา สิงคโปร์ จีน และพม่า 1,760 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 61,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับปี 2564 และคาดว่าปี 2566 สปป.ลาวจะผลิตกระแสไฟฟ้าส่งออกได้ 51,143 กิโลวัตต์/ชั่วโมง คิดเป็นมูลค่า 2,400 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปี2565 กว่า 71.77%

ซึ่งช่วงปี 2564-2568 สปป.ลาววางแผนผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในประเทศ 1,807 เมกะวัตต์  ในนี้ 57% เป็นไฟฟ้าที่ได้จากเขื่อนผลิตไฟฟ้า อีก 19% มาจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน และอีก 24% จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กระทรวงพลังงานและบ่อแร่ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ในปี 2573 ลาวจะผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในประเทศได้ 5,560 เมกะวัตต์ เป็นไฟฟ้าที่ได้จากเขื่อนผลิตไฟฟ้า 77.59% ที่เหลือเป็นไฟฟ้าจากถ่านหิน จากพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม

การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดของสปป.ลาว  สอดคล้องกับการทำธุรกิจของ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ส่งผลให้ EA ได้รับการเลือกเข้าบริหารจัดการไฟฟ้าในสปป.ลาว  โดยนายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA  ระบุ บริษัทได้ร่วมกับรัฐบาล สปป.ลาว จัดตั้งบริษัทร่วมทุน Super Holding Company ซึ่งรัฐบาลสปป.ลาว จะถือหุ้นในสัดส่วน 65% และ EA จะถือหุ้น 35% โดย EA มีสิทธิในการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดแบบรวมศูนย์ของ สปป.ลาวทั้งหมด  บริษัทฯ คาดว่าจะดำเนินการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนดังกล่าวให้แล้วเสร็จได้ในเร็วๆ นี้ หลังจากนั้น EA ก็จะสามารถรับรู้ผลตอบแทนจากการร่วมลงทุนเข้ามาได้ภายในปี 68 
          
"ดีลนี้เรามีการเจรจากับทางรัฐบาลสปป.ลาว มาค่อนข้างนาน ประมาณ 1 ปีกว่า จนเกิดเป็น MOU นี้ โดยเราเข้าไปเสนอ Valuation ให้กับทางรัฐบาลสปป.ลาว เพื่อที่จะนำสินทรัพย์ที่เป็นระบบสาธารณูปโภค เช่น โรงไฟฟ้าพลังงงานน้ำ หรือเขื่อน ที่มีอยู่ในประเทศค่อนข้างมาก นำไประดมทุนได้มากที่สุด และเสียทรัพย์สินให้น้อยที่สุด โดยที่ทางรัฐบาลสปป.ลาว เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด ขณะที่ทางรัฐบาลสปป.ลาว ก็อยู่ในช่วงปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แต่ก็มีหลายคนเข้ามาหาเขาในเชิงธุรกิจ แต่ EA เข้ามาอย่างจริงใจ ทำให้เราได้ถูกรับเลือก" นายสมโภชน์ กล่าว
           
นอกจากสิทธิในการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดแบบรวมศูนย์ของ สปป.ลาวแล้ว บริษัทฯ ยังมองโอกาส ขยายธุรกิจเข้ามาในสปป.ลาว ทั้งการขายไฟฟ้า, ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ พร้อมให้การสนับสนุนรัฐบาล สปป.ลาว บริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด สร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ใน Green Economy สร้างตลาดส่งออก Carbon Credit และอุตสาหกรรมสีเขียว เป็นต้น ซึ่งมองว่าจะเป็น New S-Curve ของบริษัท ที่จะเข้ามาสร้างการเติบโตในระยะยาว 
          
อีกทั้งคาดว่าโอกาสดังกล่าวจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าของลาวเป็น 30,000-40,000 เมกะวัตต์ จากที่มีอยู่ 7 พันเมกะวัตต์  รวมถึงภายใต้การบริหารจัดการ Super Holding Company ด้วยในอนาคต จากปัจจุบันประเทศสปป.ลาว มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมอยู่ที่ 11,000 เมกะวัตต์ 
          
ขณะที่ในช่วงแรก  Super Holding Company จะได้รับโอนโครงการเขื่อน ประกอบด้วย เขื่อนน้ำงึม, เขื่อนน้ำเงี๊ยบ ,บริษัท ผลิต-ไฟฟ้าลาว (มหาชน) (EDL GEN) ที่รัฐบาลลาวถือห้นอยู่ เข้ามาบริหารจัดการภายใต้บริษัทกว่า 7GW (7,000 เมกะวัตต์)  พร้อมกันนี้รัฐบาลสปป.ลาว ยังตั้งเป้านำ Super Holding Company เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะเป็นที่ตลาดฯ สิงคโปร์ หรือฮ่องกง คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 68 เพื่อจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ 1. ลงทุนสายส่งให้กับการไฟฟ้าในลาว 2. ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในลาว 3. ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ (เขื่อน) ใหม่ๆ 
          
สำหรับเงินลงทุนในบริษัทร่วมทุน Super Holding Company ในส่วนของบริษัทฯ คาดจะมีมูลค่าลงทุนรวม 200 ล้านเหรียญ โดยช่วงที่ผ่านมา EA ได้ใส่เงินลงทุนไปแล้วราว 100 ล้านเหรียญ ส่วนที่เหลืออีก 100 ล้านเหรียญ ที่จะนำมาลงทุนในปีนี้ จะนำมาจากการกู้สถาบันการเงิน