จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : ธุรกิจ “LPG -โซลาร์รูฟท็อป” บูม หนุนผลงาน WP โตตามเป้าหมาย
21 พฤษภาคม 2567
บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) ผลงานปีนี้เติบโตต่อเนื่องจากตามเป้าหมาย จากยอดขาย LPG ที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ดี ขณะที่การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เซ็นสัญญาแล้ว 11 เมกะวัตต์ หนุนสร้างรายได้ประจำ
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 67 รายได้ของธุรกิจโรงแรมและที่พักน่าจะมีมูลค่าประมาณ 9.5 แสนล้านบาท เติบโต 16.6% จากปี 66 โดยแบ่งเป็น รายได้จากที่พัก 7.4 แสนล้านบาท คิดเป็น 78% ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่สัดส่วนที่เหลืออีก 22% เป็นรายได้อื่นๆ ที่น่าจะมีมูลค่า 2.1 แสนล้านบาท
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า รายได้ของธุรกิจโรงแรมและที่พักปี 67 จะฟื้นตัวแซงก่อนโควิดเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน จากการเพิ่มขึ้นของอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate: OCC) และราคาห้องพัก (Average Daily Rate: ADR) ที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงรายได้จากการจัดงานประชุมสัมมนาและงานอีเว้นท์ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
คาดอัตราการเข้าพักของสถานพักแรมทั้งประเทศน่าจะอยู่ที่ประมาณ 70.7% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 70.1% ในปี 62 จากการท่องเที่ยวที่เติบโตดี โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะมีจำนวนกว่า 36 ล้านคน และจำนวนวันพักของชาวต่างชาติในไทยเฉลี่ยทั้งปีที่ประมาณ 10.2 สูงกว่าปี 62 (ค่าเฉลี่ยประมาณ 9.26 วัน)
ซึ่งธุรกิจท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่องในปีนี้ ส่งผลดีต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่อง รวมทั้งธุรกิจก๊าซเพื่อหุงต้ม จากการใช้บริการในร้านอาหาร ภัตตาคาร รวมถึงผู้ประกอบการรถขนส่งขนาดใหญ่ รถสาธารณะ ที่มีมากขึ้นตามไปด้วย
สะท้อนจากผลการดำเนินงานของบมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) ซึ่งนางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เชื่อแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 ของบริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะภาคครัวเรือน มีความต้องการใช้มากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงได้รับปัจจัยบวกจากเงินบาทอ่อนค่า และราคาขายก๊าซ LPG ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก
ในปี 2567 ตั้งเป้ายอดขายก๊าซLPG ที่ 820,000ตัน แบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศจำนวน 790,000 ตัน และส่งออก 30,000 ตัน โดยมีแผนขยายจุดกระจายสินค้าภาคครัวเรือนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถกระจายสินค้าและเข้าถึงลูกค้าได้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้น รองรับความต้องการของผู้บริโภค โดยปัจจุบันมีจุดกระจายสินค้ากว่า168แห่งทั่วประเทศ
ขณะที่การลงทุนในธุรกิจติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ปัจจุบันมีการเซ็นสัญญาไปรวมทั้งสิ้น 11 เมกะวัตต์ มั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recuring Income)ให้กับกลุ่มบริษัท โดยตั้งงบลงทุนไว้ที่ 600 ล้านบาท เน้นขยายการลงทุนด้านGreen Energyและยังคงมองหาการลงทุนหรือขยายโอกาสในการลงทุนในอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะอยู่ในTrend การเติบโตในอนาคต ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเป็นรูปแบบการลงทุนเอง หรือร่วมทุนกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ สอดรับเมกะเทรนด์รักษ์โลก ตอบโจทย์ ESG หนุนธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
“มั่นใจว่าภาพรวมธุรกิจก๊าซLPGในปีนี้จะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะภาคครัวเรือนมีความต้องการใช้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายของบริษัทเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ระดับ 18,250 ล้านบาท อีกทั้งการลงทุนในธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป จะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ สนับสนุนผลการดำเนินงานเติบโตอย่างยั่งยืน” นางสาวชมกมล กล่าว
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 67 รายได้ของธุรกิจโรงแรมและที่พักน่าจะมีมูลค่าประมาณ 9.5 แสนล้านบาท เติบโต 16.6% จากปี 66 โดยแบ่งเป็น รายได้จากที่พัก 7.4 แสนล้านบาท คิดเป็น 78% ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่สัดส่วนที่เหลืออีก 22% เป็นรายได้อื่นๆ ที่น่าจะมีมูลค่า 2.1 แสนล้านบาท
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า รายได้ของธุรกิจโรงแรมและที่พักปี 67 จะฟื้นตัวแซงก่อนโควิดเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน จากการเพิ่มขึ้นของอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate: OCC) และราคาห้องพัก (Average Daily Rate: ADR) ที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงรายได้จากการจัดงานประชุมสัมมนาและงานอีเว้นท์ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
คาดอัตราการเข้าพักของสถานพักแรมทั้งประเทศน่าจะอยู่ที่ประมาณ 70.7% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 70.1% ในปี 62 จากการท่องเที่ยวที่เติบโตดี โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะมีจำนวนกว่า 36 ล้านคน และจำนวนวันพักของชาวต่างชาติในไทยเฉลี่ยทั้งปีที่ประมาณ 10.2 สูงกว่าปี 62 (ค่าเฉลี่ยประมาณ 9.26 วัน)
ซึ่งธุรกิจท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่องในปีนี้ ส่งผลดีต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่อง รวมทั้งธุรกิจก๊าซเพื่อหุงต้ม จากการใช้บริการในร้านอาหาร ภัตตาคาร รวมถึงผู้ประกอบการรถขนส่งขนาดใหญ่ รถสาธารณะ ที่มีมากขึ้นตามไปด้วย
สะท้อนจากผลการดำเนินงานของบมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) ซึ่งนางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เชื่อแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 ของบริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะภาคครัวเรือน มีความต้องการใช้มากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงได้รับปัจจัยบวกจากเงินบาทอ่อนค่า และราคาขายก๊าซ LPG ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก
ในปี 2567 ตั้งเป้ายอดขายก๊าซLPG ที่ 820,000ตัน แบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศจำนวน 790,000 ตัน และส่งออก 30,000 ตัน โดยมีแผนขยายจุดกระจายสินค้าภาคครัวเรือนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถกระจายสินค้าและเข้าถึงลูกค้าได้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้น รองรับความต้องการของผู้บริโภค โดยปัจจุบันมีจุดกระจายสินค้ากว่า168แห่งทั่วประเทศ
ขณะที่การลงทุนในธุรกิจติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ปัจจุบันมีการเซ็นสัญญาไปรวมทั้งสิ้น 11 เมกะวัตต์ มั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recuring Income)ให้กับกลุ่มบริษัท โดยตั้งงบลงทุนไว้ที่ 600 ล้านบาท เน้นขยายการลงทุนด้านGreen Energyและยังคงมองหาการลงทุนหรือขยายโอกาสในการลงทุนในอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะอยู่ในTrend การเติบโตในอนาคต ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเป็นรูปแบบการลงทุนเอง หรือร่วมทุนกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ สอดรับเมกะเทรนด์รักษ์โลก ตอบโจทย์ ESG หนุนธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
“มั่นใจว่าภาพรวมธุรกิจก๊าซLPGในปีนี้จะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะภาคครัวเรือนมีความต้องการใช้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายของบริษัทเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ระดับ 18,250 ล้านบาท อีกทั้งการลงทุนในธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป จะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ สนับสนุนผลการดำเนินงานเติบโตอย่างยั่งยืน” นางสาวชมกมล กล่าว