Talk of The Town

เปิดรายชื่อ 9 หุ้นบิ๊กแคป เทรดราคาต่ำบุ๊ค!


23 พฤษภาคม 2567
มีหลายบริษัทในตลาดหุ้น ที่เทรดต่ำกว่าบุ๊ค หรือที่เรียกกันว่า P/BV หรือ อัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชี ซึ่งถ้าน้อยกว่า 1 เท่า นักลงทุนต่างมองว่า ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้ซื้อหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง กล่าวคือ ถ้า P/BV อยู่ในระดับต่ำกว่า 1 เท่า คือ ซื้อหุ้นในราคาต่ำกว่าทุนเจ้าของ แต่ในทางกลับกัน ถ้า P/BV มากกว่า 1 เท่า คือ ซื้อหุ้นในราคาสูงกว่าเจ้าของ 

เปิดรายชื่อ 9 หุ้นบิ๊กแคป copy.jpg

จากการตรวจสอบข้อมูลผ่าน setsmart ในดัชนี SET50 พบว่า ล่าสุดวันที่ 20 พ.ค.67 มีหุ้นที่ซื้อขายอยู่ในระดับต่ำกว่าบุ๊คจำนวนมากพอสมควร โดยเฉพาะหุ้นยอดนิยมของนักลงทุนในกลุ่มพลังงานและธนาคาร ดังนั้นในแง่ของปัจจัยพื้นฐานจะน่าสนใจหรือไม่ ทีมข่าว Share2Trade หาคำตอบให้แล้ว

เริ่มกันที่ KBANK นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มอง KBANK มีความน่าสนใจมากขึ้น หลังคุณภาพสินทรัพย์มีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายด้วย P/BV ปี 2567 ระดับต่ำ คาดให้ Div. Yield อีก 5.5% จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 162 บาท 

ต่อกันที่ KTB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เชื่อว่า KTB ได้รับผลสำเร็จจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างจนก้าวมาเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์มสำคัญให้ภาครัฐ 

นอกจากนี้เชื่อว่าจะได้ประโยชน์จากฐานลูกค้าจำนวนมากกว่า 40-50 ล้านรายในการ cross-sell ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้กับ KTB ในอนาคตประกอบกับสินเชื่อภาครัฐที่จะเพิ่มขึ้น หลังรัฐเร่งงบลงทุน จะช่วยเพิ่มรายได้และกาไรปีนียั้งโตดี บวกปันผลสูงสม่ำเสมอ ยังแนะนำ “ซื้อลงทุน” ราคาเป้าหมาย 22.70 บาท

ตามด้วย PTTGC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 45 บาท โดยคาดการณ์ผลการดำเนินงานที่จะปรับตัวดีขึ้นในครึ่งหลังของปี 2567 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นให้ปรับตัวสูงขึ้น 

และเมื่อมองไปข้างหน้า การเข้าซื้อกิจการ Allnex จะเป็นก้าวแรกของ PTTGC ในการเปลี่ยนพอร์ตโฟลิโอให้มีผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรและผลประกอบการในระยะยาว
ขณะที่ TOP นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 75 บาท คำนวณด้วย PBV ที่ 0.95 เท่า โดยคาดว่าการเข้าสู่ขาขึ้นของอุตสาหกรรมในปี 68 ทำให้มูลค่าหุ้นควรซื้อขายกันที่มูลค่ามากกว่าปัจจุบันที่ 0.6 เท่า P/BV ต่ำกว่าอุตสาหกรรมที่ P/BV 0.7 เท่า พร้อมทั้งอัตราเงินปันผลปี 67-68 ที่ 6.7%, 6.9% ตามลำดับ

ตามต่อกันที่ CPF นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินว่าแนวโน้มผลประกอบการครึ่งหลังปี 67 มีโอกาสดีขึ้นจากครึ่งปีแรก ทั้งจาก Supply หมูในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากราคาที่ตกต่ำ ในช่วงปีที่ผ่านมา ประกอบกับหมูจีนที่คาดจะปรับขึ้นเหนือระดับต้นทุนการเลี้ยงได้ นอกจากนี้ CPF มีสัดส่วนการถือหุ้นใน CPALL อยู่ 34.5% หรือคิดเป็นมูลค่าต่อ CPF ที่ราว 22 บาท/หุ้น 

ดังนั้นประเมินว่า ณ ระดับราคาปัจจุบันสะท้อนภาพการฟื้นตัวของผลประกอบการเพียงบางส่วนเท่านั้น จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเหมาะสม CPF ขึ้นเป็น 25 บาท จากการสะท้อนการปรับขึ้นราคาเป้าหมายของ CPALL เป็น 76.00 บาท (ธุรกิจฟาร์มสัตว์ยังคงประมาณการเดิม) 

ด้าน SCB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด แนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 120 บาท อิง P/BV 0.8 เท่า โดดเด่นการจ่ายปันผลที่สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร ไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี ตลอด 3 ปีข้างหน้า พร้อมกับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ 4.58 หมื่นล้านบาท เติบโต 5.3%จากปีก่อน

ส่วน SCC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด แนะนำ "ถือ" สำหรับ SCC ให้ราคาเป้าหมายที่ 302 บาท โดยใช้วิธีการประเมินมูลค่าแบบ SOTP มองว่าตลาดเคมีภัณฑ์มีศักยภาพที่จะฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง แต่พิจารณา PTTGC เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เนื่องจากมีพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายกว่า 

ขณะที่ IVL นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) แนวโน้มไตรมาส 2/67 เป็นบวกต่อเนื่องตามปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ราคาหุ้นยังแทบไม่ปรับขึ้น ทำให้ Valuations อยู่ระดับน่าสนใจ และอัตราเงินปันผล 4.3% จึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 28 บาท

สุดท้าย PTT นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดกำไรหลักไตรมาส 2/67 ลดลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจาก GRM ที่ลดลง และแผนในการลดกำลังการผลิต GSP โดยยังคงความระมัดระวังต่อความเสี่ยงของ PTT เนื่องจากการขึ้นตรงต่อนโยบายภาครัฐ แต่คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 39 บาท

เปิดรายชื่อ 9 หุ้นบิ๊กแคป 1-1 copy.jpg