Smart Investment

"หทัยรัตน์ จุฬางกูร" เจ้าของ Summit Group ล่าสุดถือหุ้น BEC สูงสุดรอบ 6 ปี พร้อมเพิ่มสัดส่วน D ขึ้นท็อปไฟว์หุ้นใหญ่


25 พฤษภาคม 2567
จากการรวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในส่วนพอร์ตลงทุนของ "หทัยรัตน์ จุฬางกูร"นักธุรกิจหญิง ซึ่งเป็นภรรยาของ สรรเสริญ จุฬางกูร ผู้ก่อตั้งและเจ้าของอาณาจักร Summit Group ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ของประเทศไทย 

หทัยรัตน์ จุฬางกูร เจ้าของ Summit Group copy.jpg

โดยปัจจุบัน "หทัยรัตน์ จุฬางกูร" มีการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยถือครองหุ้น 21 บริษัท มีมูลค่าการถือครองรวม 4,265.93 ล้านบาท ประกอบด้วย หุ้น AF จำนวน 66,005,300  หุ้น คิดเป็นมูลค่า 45,543,657 บาท 

AIRA 169,033,042 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 262,001,215 บาท ASAP 26,593,800 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 81,377,028 บาท BEC 183,900,600หุ้นคิดเป็นมูลค่า  875,366,856 บาท 

CV 18,020,000 หุ้นคิดเป็นมูลค่า 7,027,800 บาท  D 5,435,800 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 19,568,880 บาท หุ้นFN 129,391,900 หุ้นคิดเป็นมูลค่า 147,506,766 บาท GRAMMY 56,239,200 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 298,067,760 บาท KASET 5,569,500 หุ้นคิดเป็นมูลค่า 6,516,315 บาท KTBSTMR 4,000,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 26,320,000 บาท

LDC 23,516,400 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 13,639,512 บาท  LOXLEY 122,482,100หุ้น คิดเป็นมูลค่า 186,172,792 บาท NEP 46,906,600 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 9,381,320 บาท NNCL 144,619,900 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 277,670,208 บาท NOK 983,864,225 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 1,023,218,794 บาท ONEE 138,356,400 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 503,617,296 บาท 

SAFARI 52,250,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 125,400,000 บาท SAMART 17,580,900    หุ้น คิดเป็นมูลค่า 117,792,030 บาทSE-ED 50,229,300หุ้น คิดเป็นมูลค่า 96,942,549 บาท SST 26,000,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 135,200,000 บาท WHABT 1,000,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 7,600,000 บาท 


ทั้งนี้จากข้อมูลข้างต้นนำมาเปรียบเทียบกับการปิดสมุดทะเบียนรายชื่อครั้งก่อน พบว่า ณ เดือนพฤษภาคม 2567 "หทัยรัตน์ จุฬางกูร"ได้เพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นBEC ส่งผลให้สัดส่วนถือหุ้นสูงสุดในรอบ 6 ปี ดังนี้
โดยปี 2562 ถือหุ้น BEC จำนวน 25,118,500 หุ้น คิดเป็น 1.26% ปี 2563 ถือครอง 70,660,900 หุ้นคิดเป็น 3.53% ปี 2564 ถือครอง 104,980,500 หุ้นคิดเป็น 5.25% ปี 2565 ถือครอง155,389,800หุ้น คิดเป็น 7.77% และปี 2566 ถือครอง 173,151,600 หุ้น คิดเป็น 8.66 % ส่วนปี 2567 ถือครอง 183,900,600 หุ้นคิดเป็น 9.20% ซึ่งเป็นสัดส่วนการถือครองมากสุด

ขณะเดียวกันได้เพิ่มสัดส่วนถือครองหุ้น D เป็น 5,435,800 หุ้น คิดเป็น 1.59% จากเดิมถือ 3,913,200 หุ้นคิดเป็น 1.14% ซึ่งการถือครองหุ้นเพิ่มในครั้งนี้ ทำให้กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 5 ในทันที 

[ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น]

สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้น BEC ในเดือนพฤษภาคม 2567 ราคาปรับตัวลดลง 1.65% จากราคา 4.84 บาท เหลือ 4.76 บาท ขณะที่ราคาหุ้น D ในเดือนพฤษภาคม 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.86% จากราคา3.52 บาท เป็น 3.60 บาท

[มุมมองนักวิเคราะห์]

ด้านบล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่าแนะนำ Neutral หุ้น BEC โดยให้ราคาเป้าหมาย 4.94 บาท เนื่องจากมอง Negative ต่อกำไรสุทธิไตรมาส 1/67 ที่ 14 ล้านบาท ต่ำกว่าเราและตลาดคาด -38% และ -80% ตามลำดับ 
จากรายได้ค่าโฆษณาต่ำกว่าคาด ขณะที่กำไรฟื้น 278% จากปีก่อน จากฐานต่ำและเป็นการโตจากรายได้อื่นๆ แต่ลด -85% จากไตรมาสก่อน ตามฤดูกาล 

ขณะที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/67 ฟื้น ตามฤดูกาล และงวดครึ่งหลังปี 67 มีปัจจัยหนุนจากหนัง “ธี่หยด2” เราเปลี่ยนคำแนะนำเป็น Neutral (เดิม Trading Buy) และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 4.94 บาท (เดิม 5.35 บาท)

หทัยรัตน์ จุฬางกูร เจ้าของ Summit Group 1-1 copy.jpg
BEC