Wealth Sharing

อสังหาฯ ปีนี้สาหัส! แนวโน้มไตรมาส 2 ยังท้าทาย กำลังซื้อหด-แบงก์ปล่อยสินเชื่อยาก


27 พฤษภาคม 2567
ภาพรวมผลประกอบการบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทยในช่วงไตรมาส 1/2567 ฟอร์มยังไม่สวยงาม โดยข้อมูลบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุด 8 อันดับแรก มีกำไรสุทธิปรับตัวลดลงอย่างร้อนแรง

WS (เว็บ) อสังหาฯ ปีนี้สาหัส!_0.jpg

ไม่ว่าจะเป็น LH รายงานกำไรสุทธิ 1,231 ล้านบาท ลดลง 9.08% SPALI รายงานกำไรสุทธิ 613 ล้านบาท ลดลง 43.20% AP รายงานกำไรสุทธิ 1,008 ล้านบาท ลดลง 31.80%

SIRI ก็เช่นกัน รายงานกำไรสุทธิ 1,314 ล้านบาท ลดลง 16.87% ส่วน PSH รายงานกำไรสุทธิ 65 ล้านบาท ลดลง 89.97% ด้าน QH รายงานกำไรสุทธิ 490 ล้านบาท ลดลง 17.27% 

ขณะที่ ORI รายงานกำไรสุทธิ 464 ล้านบาท ลดลง 41.83% และSC รายงานกำไรสุทธิ 182 ล้านบาท ลดลง 65.84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า กำไรปกติไตรมาส 1/67 ของกลุ่มอสังหาฯ ภายใต้ Coverage  10 บริษัท (AP, ASW, BRI, LH, LPN, ORI, PSH, QH, SC และ SPALI) อยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท ลดลง 41% จากไตรมาสก่อน และลดลง 40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

แม้ปัจจุบันอุปสงค์โครงการแนวสูงจากชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (ไตรมาส1/67 มูลค่าการโอนของชาวต่างชาติ เพิ่ม 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน) และมีมาตรการหนุนจากทางภาครัฐอย่างส่วนลดค่าธรรมเนียมการโอนที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 7 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ประเมินว่าไม่สามารถชดเชยแรงกดดัน จากปัจจัยมหภาค โดยเฉพาะกำลังซื้อที่หดตัว อัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวในระดับสูง การอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่เข้มงวดขึ้น 

รวมถึงความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง ส่งผลให้คาดผลประกอบการของกลุ่มอสังหาฯ ในช่วงที่เหลือของปีจะทำได้เพียงทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับในไตรมาส 2/67 ประเมินยอด Presales ทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากอุปสงค์แนวราบที่ยังอยู่ในระดับต่ำ แต่คาดฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน จากฐานต่ำ และอุปสงค์โครงการแนวสูงเปิดใหม่ที่เร่งตัวขึ้นจากทั้งชาวไทยและชาวต่าวชาติ 

โดยการเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาส 2/67 ของกลุ่มอสังหาฯ ภายใต้ Coverage มูลค่ารวมสูงถึง 8.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 65%จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

แบ่งเป็นแนวสูง 2.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 71%จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 27% ของแผนเปิดโครงกำรใหม่ทั้งหมดในไตรมาส 2/67

ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/67 คาดเติบโตจากไตรมาสก่อน หนุนจากโครงการแนวสูงมีกำหนดการสร้างเสร็จและเริ่มโอน มูลค่ารวม 3.2 หมื่นล้านบาท (ยอด Presales เฉลี่ย 59.8%) คิดเป็นสัดส่วน 48% ของมูลค่าโครงการที่มีกำหนดการสร้างเสร็จใหม่ในปี 2567 ทั้งหมด 

อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการไตรมาส 2/67 คาดลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากฐานสูง อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ กดดันอุปสงค์แนวราบ และ Presales ชะลอตัวลง

ทั้งนี้แม้ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาฯ ลดลง 16% นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน สะท้อนแรงกดดันจากกำลังซื้ออ่อนแอและอุปสงค์ที่ชะลอตัว อย่างไรก็ดี แนวโน้มผลประกอบการของกลุ่มฯ ยังอยู่บนความท้าทายตามแรงกดดันจากปัจจัยมหภาคและอุปสงค์ที่อ่อนแอ 

ดังนั้นจึงคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” และแนะนำ เลือกลงทุนเป็นรายตัวแนะนำ “ซื้อ” SPALI ราคาเป้าหมาย 23.40 บาท และ ASW ราคาเป้าหมาย 9.80 บาท คาดเห็นการเติบโตในไตรมาส 2/67, แนวโน้มการรับรู้รายได้ปี 2567 ชัดเจนกว่ากลุ่ม, มี Backlog คิดเป็น Secured revenue มากกว่า 60% ของเป้ารายได้ปี 2567 ของฝ่ายวิจัย 

อีกทั้ง ที่ระดับราคาปัจจุบัน PER67 อยู่ที่เพียง 5-6 เท่า และคาด Dividend Yield 6-7% ช่วยจำกัด Downside risk และเป็นอีกทางเลือกสำหรับการถือเพื่อรอรับเงินปันผล