จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : CCET ผลงานเด่น ชูกลยุทธ์ “ลดต้นทุน ลดรายจ่าย” หนุนกำไรโต
28 พฤษภาคม 2567
โบรกเกอร์เจาะลึกผลงาน บมจ.แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (CCET) มั่นใจกำไร-รายได้เติบโตโดดเด่น จากกลยุทธ์ลดต้นทุน ลดรายจ่าย พร้อมปรับประมาณการฯ และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 4.3 บาท/หุ้น
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า บมจ.แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย)(CCET) รายงานกำไรไตรมาส 1/67 โตเด่นทั้งจากปีก่อน และไตรมาสก่อน แม้รายได้จะลดลง โดยปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 ได้แก่
1.รายจ่าย SG&A ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งจากปีก่อน และไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นผลจากการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ลดฟังก์ชั่น การทำงานที่ซ้ำซ้อนกัน ในไทย-ไต้หวัน ส่งผลให้อัตราส่วน SG&A to sales ใน ไตรมาส 1/67ลดลงเป็น 2.4% จากระดับ 3.2% และ 2.7% ในไตรตมาส 1/66 และไตรมาส 4/66 ตามลำดับ
2.ต้นทุนทางการเงินในไตรมาส 1/67 ลดลงราว 40% จากไตรมาสก่อน เป็น 239 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการนำเงินเพิ่มทุนในไตรมาส 4/66 ไปจ่ายหนี้ก้อนใหญ่ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง
รวมถึงกลยุทธ์การลดรายจ่ายในไตรมาส 1/67 ที่เริ่มเห็นผลลัพธ์จึงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญ ที่จะช่วยหนุนผลการดำเนินงานในช่วงที่อุปสงค์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยังไม่ฟี้นกลับมาเต็มที่ ทั้งนี้ CCET รายงานยอดขาย (ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ) ในเดือน เม.ย. ฟื้นตัว 9% จากเดือนก่อน แต่ยังลดลง 6.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ทั้งนี้คาดอุปสงค์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ในไตรมาส 2/67 อย่างไรก็ดีเราประเมินรายจ่าย SG&A และดอกเบี้ยจ่ายจะทรงตัวต่ำต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่เหลือของปี ประเมินรายได้ของ CCET จะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ ไตรมาส 3/67 เป็นต้นไป
โดยอุปสงค์อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลประเภท Solid state drive (SSDs) จะแข็งแกร่งต่อเนื่องทั้งสำหรับการใช้งานทั่ว ไปและการใช้งานระดับองค์กร ประกอบกับการ Re-stock สินค้ากลุ่มเครื่องพิมพ์ (Printer) จะเริ่มเกิดขึ้นอีกครั้งในไตรมาส 3/67
ขณะที่โรงงานใหม่ที่ จ. เพชรบุรีจะเริ่มดำเนินการผลิตในไตรมาส 3/67โดยจุดเด่นคือตั้งอยู่ในพื้นที่ Free trade zone ทำให้ได้เปรียบ ในเรื่องของภาษีสำหรับการส่งออก และจะเน้นการผลิตประกอบสินค้ากลุ่มใหม่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง อาทิ สถานีชาร์จรถไฟฟ้า อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ เป็นต้น
นอกจากนี้ CCET วางแผนที่จะเปิดศูนย์ Refurbishment center เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าหลักในรูปแบบการให้บริการครบวงจร ซึ่งเราประเมินว่าการจัด ตั้งศูนย์ Refurbishment center นี้จะเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าหลักในระยะยาว อย่างไรก็ดีเรายังยึดหลักอนุรักษ์นิยมในการกำหนดสมมติฐานอัตรากาไรขั้นต้น ของ CCET เนื่องจากในช่วงเริ่มต้นเปิดโรงงานแห่งใหม่ยังต้องติดตามเรื่องของประสิทธิภาพการผลิต
ทั้งนี้ปรับประมาณการกำไรปี 2567 – 68 ขึ้นจากเดิม 24% และ 22% เป็น 2.38 พันล้านบาท และ 2.67 พันล้านบาท ตามลำดับ โดยที่เรายังคงสมมติฐานเรื่องของรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น ไว้ตามเดิม แต่ทำการปรับสมมติฐานรายจ่าย SG&A ลง หลังจากที่รายจ่าย SGA& ในไตรมาส 1/67 ได้ลดลงมาก และเป็นฐานใหม่ ของ CCET ซึ่งต่ำกว่าคาดไว้เดิมมาก
โดย บล.เคจีไอ ระบุด้วยกว่า ในเชิงพื้นฐาน ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 4.3 บาท (เดิม 3.1 บาท) อิง EV/EBITDA 8.9 เท่า (+1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต) โดยเราปรับเป้าหมาย EV/EBITDA ขึ้นจากเดิมที่ใช้ค่าเฉลี่ย 7.1 เท่า เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการฯ
ทั้งนี้มีโอกาสที่ Valuation ของ CCET จะพรีเมียม กว่าคาดไปที่ระดับ +2 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานแห่งใหม่ที่จะเปิดดำเนินการในไตรมาส 3/67 อย่างไรก็ดีสำหรับกลยุทธ์การ ลงทุนระยะสั้น เราแนะนา “ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว” เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับขึ้นแรง +35% ในระยะเวลาอันสั้น (Overbought) หลังจากรายงานกำไรไตรมาส 1/67
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า บมจ.แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย)(CCET) รายงานกำไรไตรมาส 1/67 โตเด่นทั้งจากปีก่อน และไตรมาสก่อน แม้รายได้จะลดลง โดยปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 ได้แก่
1.รายจ่าย SG&A ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งจากปีก่อน และไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นผลจากการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ลดฟังก์ชั่น การทำงานที่ซ้ำซ้อนกัน ในไทย-ไต้หวัน ส่งผลให้อัตราส่วน SG&A to sales ใน ไตรมาส 1/67ลดลงเป็น 2.4% จากระดับ 3.2% และ 2.7% ในไตรตมาส 1/66 และไตรมาส 4/66 ตามลำดับ
2.ต้นทุนทางการเงินในไตรมาส 1/67 ลดลงราว 40% จากไตรมาสก่อน เป็น 239 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการนำเงินเพิ่มทุนในไตรมาส 4/66 ไปจ่ายหนี้ก้อนใหญ่ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง
รวมถึงกลยุทธ์การลดรายจ่ายในไตรมาส 1/67 ที่เริ่มเห็นผลลัพธ์จึงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญ ที่จะช่วยหนุนผลการดำเนินงานในช่วงที่อุปสงค์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยังไม่ฟี้นกลับมาเต็มที่ ทั้งนี้ CCET รายงานยอดขาย (ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ) ในเดือน เม.ย. ฟื้นตัว 9% จากเดือนก่อน แต่ยังลดลง 6.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ทั้งนี้คาดอุปสงค์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ในไตรมาส 2/67 อย่างไรก็ดีเราประเมินรายจ่าย SG&A และดอกเบี้ยจ่ายจะทรงตัวต่ำต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่เหลือของปี ประเมินรายได้ของ CCET จะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ ไตรมาส 3/67 เป็นต้นไป
โดยอุปสงค์อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลประเภท Solid state drive (SSDs) จะแข็งแกร่งต่อเนื่องทั้งสำหรับการใช้งานทั่ว ไปและการใช้งานระดับองค์กร ประกอบกับการ Re-stock สินค้ากลุ่มเครื่องพิมพ์ (Printer) จะเริ่มเกิดขึ้นอีกครั้งในไตรมาส 3/67
ขณะที่โรงงานใหม่ที่ จ. เพชรบุรีจะเริ่มดำเนินการผลิตในไตรมาส 3/67โดยจุดเด่นคือตั้งอยู่ในพื้นที่ Free trade zone ทำให้ได้เปรียบ ในเรื่องของภาษีสำหรับการส่งออก และจะเน้นการผลิตประกอบสินค้ากลุ่มใหม่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง อาทิ สถานีชาร์จรถไฟฟ้า อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ เป็นต้น
นอกจากนี้ CCET วางแผนที่จะเปิดศูนย์ Refurbishment center เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าหลักในรูปแบบการให้บริการครบวงจร ซึ่งเราประเมินว่าการจัด ตั้งศูนย์ Refurbishment center นี้จะเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าหลักในระยะยาว อย่างไรก็ดีเรายังยึดหลักอนุรักษ์นิยมในการกำหนดสมมติฐานอัตรากาไรขั้นต้น ของ CCET เนื่องจากในช่วงเริ่มต้นเปิดโรงงานแห่งใหม่ยังต้องติดตามเรื่องของประสิทธิภาพการผลิต
ทั้งนี้ปรับประมาณการกำไรปี 2567 – 68 ขึ้นจากเดิม 24% และ 22% เป็น 2.38 พันล้านบาท และ 2.67 พันล้านบาท ตามลำดับ โดยที่เรายังคงสมมติฐานเรื่องของรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น ไว้ตามเดิม แต่ทำการปรับสมมติฐานรายจ่าย SG&A ลง หลังจากที่รายจ่าย SGA& ในไตรมาส 1/67 ได้ลดลงมาก และเป็นฐานใหม่ ของ CCET ซึ่งต่ำกว่าคาดไว้เดิมมาก
โดย บล.เคจีไอ ระบุด้วยกว่า ในเชิงพื้นฐาน ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 4.3 บาท (เดิม 3.1 บาท) อิง EV/EBITDA 8.9 เท่า (+1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต) โดยเราปรับเป้าหมาย EV/EBITDA ขึ้นจากเดิมที่ใช้ค่าเฉลี่ย 7.1 เท่า เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการฯ
ทั้งนี้มีโอกาสที่ Valuation ของ CCET จะพรีเมียม กว่าคาดไปที่ระดับ +2 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานแห่งใหม่ที่จะเปิดดำเนินการในไตรมาส 3/67 อย่างไรก็ดีสำหรับกลยุทธ์การ ลงทุนระยะสั้น เราแนะนา “ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว” เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับขึ้นแรง +35% ในระยะเวลาอันสั้น (Overbought) หลังจากรายงานกำไรไตรมาส 1/67