The IPO

รู้จัก “เงินเทอร์โบ” IPO น้องใหม่ กำลังจะเข้าตลาดหุ้น


29 พฤษภาคม 2567
เร็วๆ นี้ตลาดหุ้นไทยกำลังจะมีธุรกิจการเงินเข้าจดทะเบียน คือ บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด (มหาชน) หรือ TURBO ผู้ให้บริการสินเชื่อภายใต้การกำกับของ ธปท. ได้แก่ สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ 

TOT แนวนอน รู้จัก “เงินเทอร์โบ”_0.jpg

นอกจากนี้ ยังให้บริการสินเชื่อโฉนดที่ดิน ธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย และประกันชีวิต และธุรกิจจำหน่ายสินค้าเงินสดและเงินผ่อน ภายใต้ชื่อทางการค้า “เงินเทอร์โบ”
TURBO ก่อตั้งในปี 2560 โดย “สุธัช เรืองสุทธิภาพ” และครอบครัวตั้งมิตรประชา เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำรงชีวิตประจำวัน 

จากความเชื่อมั่นว่าการที่สังคมจะดีขึ้นและคนในชุมชนจะมีความสุขได้นั้น ทุกคนต้องได้รับโอกาสที่จะเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่น่าเชื่อถือ มีความสมเหตุสมผลและเข้าใจถึงวิถีชีวิตของคนในชุมชนอย่างแท้จริง 

โดยมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อเสนอขายหุ้น IPO จำนวนรวมไม่เกิน 537,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 20.10% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด 

ประกอบด้วย 1. หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทจำนวนไม่เกิน 447,780,000 หุ้น 2. หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด จำนวนไม่เกิน 89,220,000 หุ้น มีที่ปรึกษาทางการเงิน คือ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน)

ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 TURBO มีสำนักงานสาขา รวมทั้งสิ้น 1,030 สาขา ในพื้นที่ 54 จังหวัด ของภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคใต้ 

โดยบริษัทมีแผนขยายสาขาและพื้นที่ให้บริการเพื่อให้ลูกค้าสามารถรับบริการได้ครอบคลุมมากขึ้น โดยบริษัท มีแผนที่จะขยายสาขาให้ครอบคลุมหัวเมืองหลักและทำเลที่มีศักยภาพ มีเป้าหมายที่จะขยายสาขาประมาณ 60 - 150 สาขาต่อปี โดยภายในปี 2569 วางเป้าหมายจะมีจำนวนสาขาไม่น้อยกว่า 1,300 สาขา

สำหรับในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการขยายพอร์ตโฟลิโอสินเชื่ออย่างก้าวกระโดด โดยปี 2564  อยู่ที่ 5,142.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 10,631.5 ล้านบาท ในปี 2566 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ระหว่างปี 2564-2566 ที่ระดับ 43.8%

การเพิ่มขึ้นของพอร์ตโฟลิโอสินเชื่อ มีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของยอดลูกหนี้เงินให้กู้ยืมของสาขาเดิมโดยสาขาที่เปิดมานาน ยังคงสามารถรักษาระดับการเติบโตของยอดลูกหนี้เงินให้กู้ยืมได้ในระดับสูง

บริษัทเชื่อว่า จะสามารถเพิ่มพอร์ตโฟลิโอสินเชื่อต่อสาขาได้อย่างต่อเนื่องจาก เป็นผลจากการเติบโตของอุตสาหกรรมสินเชื่อส่วนบุคคล โดยตลาดสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันในประเทศไทยในอดีตมีอัตราการเติบโต CAGR ที่ 36.3% ระหว่างปี 2564-66 (อ้างอิงจากข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย) 

รวมทั้งการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น เช่น การเพิ่มประเภทรถที่ใช้เป็นหลักประกันของสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน รวมถึงการเพิ่มคุณสมบัติหรือลักษณะของสินเชื่อ เช่น จำนวนงวด งวดการผ่อนชำระ เป็นต้น 

และ การเพิ่มการรับรู้ในแบรนด์ (Brand Recognition) “เงินเทอร์โบ” ผ่านการบอกเล่าปากต่อปากของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการและประทับใจ  และการประชาสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้น

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า TURBO มีการเติบโตของพอร์ตโฟลิโอสินเชื่ออย่างก้าวกระโดด แม้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ท้าทาย เห็นได้จาก แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจาก COVID-19 แต่มีการขยายพอร์ตโฟลิโอสินเชื่อ เติบโตเฉลี่ยปี 2564-66 ที่ 43.8% สูงกว่าค่าเฉลี่ยอัตราการเติบโต ของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดียวกันที่ 28.5%

รวมทั้งมีศักยภาพในการเติบโตที่สูงในอนาคตผ่านการเติบโตของพอร์ตโฟลิโอสินเชื่อต่อสาขา โดยมียอดลูกหนี้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 16.4 ล้านบาทต่อสาขา ในปี 2565 เป็น 19.3 ล้านบาทต่อสาขา ในปี 2566 หรือคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยที่ประมาณ 17.9% ต่อปี

อีกทั้งยังมีโครงสร้างการจัดการและโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้บริษัท สามารถรักษาต้นทุนให้อยู่ในระดับต่ำได้ในระยะยาว และมีกระบวนการอนุมัติและติดตามสินเชื่อที่รัดกุมและการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย

สำหรับงวดปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 2565 และ 2566  มีรายได้รวม เท่ากับ 1,266.3 ล้านบาท 1,778.7 และ 2,430.7 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้หลัก คือ รายได้ดอกเบี้ย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 67.3 – 83.3 ของรายได้รวมปี 2564 – 2566 ขณะที่กำไรสุทธิปี 2564 เท่ากับ 235.5 ล้านบาท ปี 2565 เท่ากับ 338.4 ล้านบาท และปี 2566 อยู่ที่ 131.7 ล้านบาท


รู้จัก “เงินเทอร์โบ” IPO น้องใหม่ กำลังจะเข้_.jpg