เร็วๆ นี้ตลาดหุ้นไทยกำลังจะมีธุรกิจการเงินเข้าจดทะเบียน คือ บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด (มหาชน) หรือ TURBO ผู้ให้บริการสินเชื่อภายใต้การกำกับของ ธปท. ได้แก่ สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ
นอกจากนี้ ยังให้บริการสินเชื่อโฉนดที่ดิน ธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย และประกันชีวิต และธุรกิจจำหน่ายสินค้าเงินสดและเงินผ่อน ภายใต้ชื่อทางการค้า “เงินเทอร์โบ”
TURBO ก่อตั้งในปี 2560 โดย “สุธัช เรืองสุทธิภาพ” และครอบครัวตั้งมิตรประชา เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำรงชีวิตประจำวัน
จากความเชื่อมั่นว่าการที่สังคมจะดีขึ้นและคนในชุมชนจะมีความสุขได้นั้น ทุกคนต้องได้รับโอกาสที่จะเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่น่าเชื่อถือ มีความสมเหตุสมผลและเข้าใจถึงวิถีชีวิตของคนในชุมชนอย่างแท้จริง
โดยมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อเสนอขายหุ้น IPO จำนวนรวมไม่เกิน 537,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 20.10% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด
ประกอบด้วย 1. หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทจำนวนไม่เกิน 447,780,000 หุ้น 2. หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด จำนวนไม่เกิน 89,220,000 หุ้น มีที่ปรึกษาทางการเงิน คือ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน)
ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 TURBO มีสำนักงานสาขา รวมทั้งสิ้น 1,030 สาขา ในพื้นที่ 54 จังหวัด ของภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคใต้
โดยบริษัทมีแผนขยายสาขาและพื้นที่ให้บริการเพื่อให้ลูกค้าสามารถรับบริการได้ครอบคลุมมากขึ้น โดยบริษัท มีแผนที่จะขยายสาขาให้ครอบคลุมหัวเมืองหลักและทำเลที่มีศักยภาพ มีเป้าหมายที่จะขยายสาขาประมาณ 60 - 150 สาขาต่อปี โดยภายในปี 2569 วางเป้าหมายจะมีจำนวนสาขาไม่น้อยกว่า 1,300 สาขา
สำหรับในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการขยายพอร์ตโฟลิโอสินเชื่ออย่างก้าวกระโดด โดยปี 2564 อยู่ที่ 5,142.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 10,631.5 ล้านบาท ในปี 2566 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ระหว่างปี 2564-2566 ที่ระดับ 43.8%
การเพิ่มขึ้นของพอร์ตโฟลิโอสินเชื่อ มีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของยอดลูกหนี้เงินให้กู้ยืมของสาขาเดิมโดยสาขาที่เปิดมานาน ยังคงสามารถรักษาระดับการเติบโตของยอดลูกหนี้เงินให้กู้ยืมได้ในระดับสูง
บริษัทเชื่อว่า จะสามารถเพิ่มพอร์ตโฟลิโอสินเชื่อต่อสาขาได้อย่างต่อเนื่องจาก เป็นผลจากการเติบโตของอุตสาหกรรมสินเชื่อส่วนบุคคล โดยตลาดสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันในประเทศไทยในอดีตมีอัตราการเติบโต CAGR ที่ 36.3% ระหว่างปี 2564-66 (อ้างอิงจากข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย)
รวมทั้งการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น เช่น การเพิ่มประเภทรถที่ใช้เป็นหลักประกันของสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน รวมถึงการเพิ่มคุณสมบัติหรือลักษณะของสินเชื่อ เช่น จำนวนงวด งวดการผ่อนชำระ เป็นต้น
และ การเพิ่มการรับรู้ในแบรนด์ (Brand Recognition) “เงินเทอร์โบ” ผ่านการบอกเล่าปากต่อปากของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการและประทับใจ และการประชาสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า TURBO มีการเติบโตของพอร์ตโฟลิโอสินเชื่ออย่างก้าวกระโดด แม้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ท้าทาย เห็นได้จาก แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจาก COVID-19 แต่มีการขยายพอร์ตโฟลิโอสินเชื่อ เติบโตเฉลี่ยปี 2564-66 ที่ 43.8% สูงกว่าค่าเฉลี่ยอัตราการเติบโต ของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดียวกันที่ 28.5%
รวมทั้งมีศักยภาพในการเติบโตที่สูงในอนาคตผ่านการเติบโตของพอร์ตโฟลิโอสินเชื่อต่อสาขา โดยมียอดลูกหนี้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 16.4 ล้านบาทต่อสาขา ในปี 2565 เป็น 19.3 ล้านบาทต่อสาขา ในปี 2566 หรือคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยที่ประมาณ 17.9% ต่อปี
อีกทั้งยังมีโครงสร้างการจัดการและโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้บริษัท สามารถรักษาต้นทุนให้อยู่ในระดับต่ำได้ในระยะยาว และมีกระบวนการอนุมัติและติดตามสินเชื่อที่รัดกุมและการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย
สำหรับงวดปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 2565 และ 2566 มีรายได้รวม เท่ากับ 1,266.3 ล้านบาท 1,778.7 และ 2,430.7 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้หลัก คือ รายได้ดอกเบี้ย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 67.3 – 83.3 ของรายได้รวมปี 2564 – 2566 ขณะที่กำไรสุทธิปี 2564 เท่ากับ 235.5 ล้านบาท ปี 2565 เท่ากับ 338.4 ล้านบาท และปี 2566 อยู่ที่ 131.7 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังให้บริการสินเชื่อโฉนดที่ดิน ธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย และประกันชีวิต และธุรกิจจำหน่ายสินค้าเงินสดและเงินผ่อน ภายใต้ชื่อทางการค้า “เงินเทอร์โบ”
TURBO ก่อตั้งในปี 2560 โดย “สุธัช เรืองสุทธิภาพ” และครอบครัวตั้งมิตรประชา เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำรงชีวิตประจำวัน
จากความเชื่อมั่นว่าการที่สังคมจะดีขึ้นและคนในชุมชนจะมีความสุขได้นั้น ทุกคนต้องได้รับโอกาสที่จะเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่น่าเชื่อถือ มีความสมเหตุสมผลและเข้าใจถึงวิถีชีวิตของคนในชุมชนอย่างแท้จริง
โดยมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อเสนอขายหุ้น IPO จำนวนรวมไม่เกิน 537,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 20.10% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด
ประกอบด้วย 1. หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทจำนวนไม่เกิน 447,780,000 หุ้น 2. หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด จำนวนไม่เกิน 89,220,000 หุ้น มีที่ปรึกษาทางการเงิน คือ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน)
ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 TURBO มีสำนักงานสาขา รวมทั้งสิ้น 1,030 สาขา ในพื้นที่ 54 จังหวัด ของภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคใต้
โดยบริษัทมีแผนขยายสาขาและพื้นที่ให้บริการเพื่อให้ลูกค้าสามารถรับบริการได้ครอบคลุมมากขึ้น โดยบริษัท มีแผนที่จะขยายสาขาให้ครอบคลุมหัวเมืองหลักและทำเลที่มีศักยภาพ มีเป้าหมายที่จะขยายสาขาประมาณ 60 - 150 สาขาต่อปี โดยภายในปี 2569 วางเป้าหมายจะมีจำนวนสาขาไม่น้อยกว่า 1,300 สาขา
สำหรับในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการขยายพอร์ตโฟลิโอสินเชื่ออย่างก้าวกระโดด โดยปี 2564 อยู่ที่ 5,142.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 10,631.5 ล้านบาท ในปี 2566 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ระหว่างปี 2564-2566 ที่ระดับ 43.8%
การเพิ่มขึ้นของพอร์ตโฟลิโอสินเชื่อ มีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของยอดลูกหนี้เงินให้กู้ยืมของสาขาเดิมโดยสาขาที่เปิดมานาน ยังคงสามารถรักษาระดับการเติบโตของยอดลูกหนี้เงินให้กู้ยืมได้ในระดับสูง
บริษัทเชื่อว่า จะสามารถเพิ่มพอร์ตโฟลิโอสินเชื่อต่อสาขาได้อย่างต่อเนื่องจาก เป็นผลจากการเติบโตของอุตสาหกรรมสินเชื่อส่วนบุคคล โดยตลาดสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันในประเทศไทยในอดีตมีอัตราการเติบโต CAGR ที่ 36.3% ระหว่างปี 2564-66 (อ้างอิงจากข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย)
รวมทั้งการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น เช่น การเพิ่มประเภทรถที่ใช้เป็นหลักประกันของสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน รวมถึงการเพิ่มคุณสมบัติหรือลักษณะของสินเชื่อ เช่น จำนวนงวด งวดการผ่อนชำระ เป็นต้น
และ การเพิ่มการรับรู้ในแบรนด์ (Brand Recognition) “เงินเทอร์โบ” ผ่านการบอกเล่าปากต่อปากของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการและประทับใจ และการประชาสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า TURBO มีการเติบโตของพอร์ตโฟลิโอสินเชื่ออย่างก้าวกระโดด แม้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ท้าทาย เห็นได้จาก แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจาก COVID-19 แต่มีการขยายพอร์ตโฟลิโอสินเชื่อ เติบโตเฉลี่ยปี 2564-66 ที่ 43.8% สูงกว่าค่าเฉลี่ยอัตราการเติบโต ของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดียวกันที่ 28.5%
รวมทั้งมีศักยภาพในการเติบโตที่สูงในอนาคตผ่านการเติบโตของพอร์ตโฟลิโอสินเชื่อต่อสาขา โดยมียอดลูกหนี้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 16.4 ล้านบาทต่อสาขา ในปี 2565 เป็น 19.3 ล้านบาทต่อสาขา ในปี 2566 หรือคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยที่ประมาณ 17.9% ต่อปี
อีกทั้งยังมีโครงสร้างการจัดการและโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้บริษัท สามารถรักษาต้นทุนให้อยู่ในระดับต่ำได้ในระยะยาว และมีกระบวนการอนุมัติและติดตามสินเชื่อที่รัดกุมและการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย
สำหรับงวดปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 2565 และ 2566 มีรายได้รวม เท่ากับ 1,266.3 ล้านบาท 1,778.7 และ 2,430.7 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้หลัก คือ รายได้ดอกเบี้ย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 67.3 – 83.3 ของรายได้รวมปี 2564 – 2566 ขณะที่กำไรสุทธิปี 2564 เท่ากับ 235.5 ล้านบาท ปี 2565 เท่ากับ 338.4 ล้านบาท และปี 2566 อยู่ที่ 131.7 ล้านบาท