Wealth Sharing
น้ำมันพุ่งนิวไฮ! โบรกฯ ชี้เป้าหุ้นพลังงาน แลกการ์ด เป็นโอกาสสะสมช่วง SET ผันผวน
29 พฤษภาคม 2567
ราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดปิดระดับสูงสุดรอบ 1 เดือน หลังสหรัฐเข้าสู่ฤดูการขับขี่รถยนต์ (DEMAND เพิ่มขึ้น) และอิสราเอลรุกคืบเข้าสู่ใจกลางเมืองราฟาห์ นักวิเคราะห์ชี้หุ้นพลังงานรับผลบวก แนะหุ้นแลกการ์ดน้ำมันดิบ ถือเป็นโอกาสสะสมในช่วงที่ SET ผันผวน
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า วานนี้ราคาน้ำมันดิบ BRENT / WTI ยังปรับตัวขึ้นต่ออีก 1.3% และ 0.3% ตามลำดับ ปิดที่ระดับ 84.22 เหรียญฯ/บาร์เรล และ 80.28 เหรียญฯ/บาร์เรล
สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่สหรัฐเข้าสู่ฤดูการขับขี่รถยนต์ (DEMAND เพิ่มขึ้น) และอิสราเอลรุกคืบเข้าสู่ใจกลางเมืองราฟาห์ (SUPPLY หายไป)
ขณะที่ช่วงที่ผ่านมาตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของสหรัฐฯ คือ CPI (ต่ำลง), PMI ภาคการผลิต (สูงขึ้น) และจีน INDUSTION PRODUCTION, RETAIL SALES สูงขึ้น ทำให้ความคาดหวังว่า DEMAND น้ำมันดิบจะทยอยมากขึ้นตามลำดับ
อีกทั้งได้รับผลบวกจากกลุ่ม OPEC+ ที่ในช่วงที่ผ่านมายังยืนยันที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันอยู่ และล่าสุดตลาดรอดูผลการประชุมของกลุ่ม OPEC+ ในวันที่ 2มิ.ย.67 ว่าจะขยายระยะเวลาการปรับลดการผลิตน้ำมัน 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปหรือไม่
แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะมีการขยายระยะเวลาการปรับลดออกไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ย.67 ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามว่าผลลัพธ์จะออกมาดังที่ตลาดคาดหรือไม่
โดยฝ่ายวิจัยยังคงมุมมองที่คาดทิศทางราคาน้ำมันจะยังทรงตัวได้ในระดับสูงต่อเนื่อง จากเหตุผลข้างต้น และคงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบระยะยาวตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไปอยู่ที่ 80 เหรียญฯ/บาร์เรล(ใกล้เคียงกับระดับปัจจุบัน)
ขณะที่หากพิจารณาในเชิงราคา จะเห็นได้ว่า 3 วันทำการที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 4.3% ซึ่งหุ้นในกลุ่มพลังงาน ที่ LAGGARD น้ำมันดิบ คือ PTT, OR, IRPC, PTTEP, SUSCO, BCP เป็นต้น ถือเป็นโอกาสสะสมในช่วงที่ SET ผันผวน
ขณะที่มุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มีความเห็นว่า ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเด่น 2-3% จากวันก่อนหน้า โดยปิดระดับสูงสุดรอบ 1 เดือน สาเหตุหลักมาจาก
1. ตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าการประชุม OPEC+ วันที่ 2 มิ.ย.ในรูปแบบ Virtual Meeting กลุ่มฯ จะสามารถขยายเวลาลดการผลิตแบบสมัครใจ 2.2 ล้านบาร์เรล/วันออกไปอย่างน้อย 3 เดือน (เดิมสิ้นสุดปลายเดือนมิ.ย.)
2.อุปสงค์ในสหรัฐฯ มีแรงหนุนจากการเข้าสู่ High Season ของการเดินทางท่องเที่ยว (US Driving Season) อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. (Memorial Day) ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเบนซิน และน้ำมันอากาศยานสูงขึ้น ฤดูการขับขี่
ทั้งนี้มองว่า OPEC+ จะสามารถขยายเวลาลดการผลิตแบบสมัครใจ 2.2 ล้านบาร์เรล/วันออกไปอย่างน้อย 3 เดือน (เดิมสิ้นสุดปลายเดือนมิ.ย.) เป็น Base Case (ไตรมาส 4/67 กลุ่มฯ อาจ Unwind ข้อตกลงลดการผลิตบางส่วน) เนื่องจากราคาน้ำมัน WTI ปัจจุบันอยู่ระดับต่ำกว่า 80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล, กระแสข่าว Aramco อาจพิจารณา IPO อีกครั้งเดือนมิ.ย. ทำให้ราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อน
นอกจากนี้มองว่าค่าการกลั่นมีโอกาสฟื้นตัวจากการเข้าสู่ US Driving Season ผสานผู้ผลิตในภูมิภาคทยอยปรับลดอัตราการกลั่น จะช่วยให้ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปสมดุลมากขึ้น และค่าการกลั่นกลับสู่ระดับที่เหมาะสม
ส่วนปัจจัยต้องติดตามช่วงปลายสัปดาห์นี้ได้แก่ วันศุกร์ที่ 31 พ.ค. ติดตามดัชนีราคารายจ่ายการบริโภค PCE ของสหรัฐฯ และรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ, วันที่ 2 มิ.ย. จับตาการประชุม OPEC+, เดือนมิ.ย.มีปัจจัยสำคัญจากกระแสข่าว Aramco เตรียม IPO, สถานการณ์ Geopolitical Risk (ฮามาส vs อิสราเอล, จีน vs ไต้หวัน), การเข้าสู่ฤดูมรสุมบริเวณมหาสมุทร Atlantic
ดังนั้นเชิงกลยุทธ์สามารถเก็งกำไรหุ้นพลังงานต้นน้ำ (PTTEP) จากโมเมนตัมงบไตรมาส 2/67 เติบโตเด่นกว่ากลุ่ม ได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน รวมทั้งลุ้นหุ้นโรงกลั่น (SPRC) ฟื้นตัวตามทิศทางค่าการกลั่น และความคืบหน้าการกลับมาเปิดใช้งานท่อ SPM ภายในครึ่งแรกปี 67
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า วานนี้ราคาน้ำมันดิบ BRENT / WTI ยังปรับตัวขึ้นต่ออีก 1.3% และ 0.3% ตามลำดับ ปิดที่ระดับ 84.22 เหรียญฯ/บาร์เรล และ 80.28 เหรียญฯ/บาร์เรล
สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่สหรัฐเข้าสู่ฤดูการขับขี่รถยนต์ (DEMAND เพิ่มขึ้น) และอิสราเอลรุกคืบเข้าสู่ใจกลางเมืองราฟาห์ (SUPPLY หายไป)
ขณะที่ช่วงที่ผ่านมาตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของสหรัฐฯ คือ CPI (ต่ำลง), PMI ภาคการผลิต (สูงขึ้น) และจีน INDUSTION PRODUCTION, RETAIL SALES สูงขึ้น ทำให้ความคาดหวังว่า DEMAND น้ำมันดิบจะทยอยมากขึ้นตามลำดับ
อีกทั้งได้รับผลบวกจากกลุ่ม OPEC+ ที่ในช่วงที่ผ่านมายังยืนยันที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันอยู่ และล่าสุดตลาดรอดูผลการประชุมของกลุ่ม OPEC+ ในวันที่ 2มิ.ย.67 ว่าจะขยายระยะเวลาการปรับลดการผลิตน้ำมัน 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปหรือไม่
แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะมีการขยายระยะเวลาการปรับลดออกไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ย.67 ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามว่าผลลัพธ์จะออกมาดังที่ตลาดคาดหรือไม่
โดยฝ่ายวิจัยยังคงมุมมองที่คาดทิศทางราคาน้ำมันจะยังทรงตัวได้ในระดับสูงต่อเนื่อง จากเหตุผลข้างต้น และคงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบระยะยาวตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไปอยู่ที่ 80 เหรียญฯ/บาร์เรล(ใกล้เคียงกับระดับปัจจุบัน)
ขณะที่หากพิจารณาในเชิงราคา จะเห็นได้ว่า 3 วันทำการที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 4.3% ซึ่งหุ้นในกลุ่มพลังงาน ที่ LAGGARD น้ำมันดิบ คือ PTT, OR, IRPC, PTTEP, SUSCO, BCP เป็นต้น ถือเป็นโอกาสสะสมในช่วงที่ SET ผันผวน
ขณะที่มุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มีความเห็นว่า ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเด่น 2-3% จากวันก่อนหน้า โดยปิดระดับสูงสุดรอบ 1 เดือน สาเหตุหลักมาจาก
1. ตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าการประชุม OPEC+ วันที่ 2 มิ.ย.ในรูปแบบ Virtual Meeting กลุ่มฯ จะสามารถขยายเวลาลดการผลิตแบบสมัครใจ 2.2 ล้านบาร์เรล/วันออกไปอย่างน้อย 3 เดือน (เดิมสิ้นสุดปลายเดือนมิ.ย.)
2.อุปสงค์ในสหรัฐฯ มีแรงหนุนจากการเข้าสู่ High Season ของการเดินทางท่องเที่ยว (US Driving Season) อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. (Memorial Day) ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเบนซิน และน้ำมันอากาศยานสูงขึ้น ฤดูการขับขี่
ทั้งนี้มองว่า OPEC+ จะสามารถขยายเวลาลดการผลิตแบบสมัครใจ 2.2 ล้านบาร์เรล/วันออกไปอย่างน้อย 3 เดือน (เดิมสิ้นสุดปลายเดือนมิ.ย.) เป็น Base Case (ไตรมาส 4/67 กลุ่มฯ อาจ Unwind ข้อตกลงลดการผลิตบางส่วน) เนื่องจากราคาน้ำมัน WTI ปัจจุบันอยู่ระดับต่ำกว่า 80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล, กระแสข่าว Aramco อาจพิจารณา IPO อีกครั้งเดือนมิ.ย. ทำให้ราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อน
นอกจากนี้มองว่าค่าการกลั่นมีโอกาสฟื้นตัวจากการเข้าสู่ US Driving Season ผสานผู้ผลิตในภูมิภาคทยอยปรับลดอัตราการกลั่น จะช่วยให้ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปสมดุลมากขึ้น และค่าการกลั่นกลับสู่ระดับที่เหมาะสม
ส่วนปัจจัยต้องติดตามช่วงปลายสัปดาห์นี้ได้แก่ วันศุกร์ที่ 31 พ.ค. ติดตามดัชนีราคารายจ่ายการบริโภค PCE ของสหรัฐฯ และรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ, วันที่ 2 มิ.ย. จับตาการประชุม OPEC+, เดือนมิ.ย.มีปัจจัยสำคัญจากกระแสข่าว Aramco เตรียม IPO, สถานการณ์ Geopolitical Risk (ฮามาส vs อิสราเอล, จีน vs ไต้หวัน), การเข้าสู่ฤดูมรสุมบริเวณมหาสมุทร Atlantic
ดังนั้นเชิงกลยุทธ์สามารถเก็งกำไรหุ้นพลังงานต้นน้ำ (PTTEP) จากโมเมนตัมงบไตรมาส 2/67 เติบโตเด่นกว่ากลุ่ม ได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน รวมทั้งลุ้นหุ้นโรงกลั่น (SPRC) ฟื้นตัวตามทิศทางค่าการกลั่น และความคืบหน้าการกลับมาเปิดใช้งานท่อ SPM ภายในครึ่งแรกปี 67