พลังงานไฟฟ้าเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นมากขึ้น ตามแนวโน้มการขยายตัวของภาคธุรกิจและเอกชน สนับสนุนการขยายโรงไฟฟ้าเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรองรับความต้องการใช้ ส่งผลดีต่อธุรกิจ บริษัท เอเซีย พรีซิชั่น (APCS) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในการบริหารโครงการก่อสร้างพลังงานทางเลือกและระบบสาธารณูปโภคประเภทต่างๆ แบบครบวงจร
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) คาดการณ์ แนวโน้มความต้องการใช้พลังงานของประเทศปี 2566 จะมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบจากปี 2565 จากความต้องการเดินทางที่มีแนวโน้มกลับมาเป็นปกติมากขึ้น ทั้งการเดินทางภายในประเทศและการเดินทางระหว่างประเทศ
รวมทั้งการขยายตัวของการลงทุนทั้งการลงทุนภาคเอกชนและภาครัฐ เป็นการใช้น้ำมันคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.2% ก๊าซธรรมชาติ เพิ่มขึ้น 1.8% การใช้ถ่านหิน/ลิกไนต์ เพิ่มขึ้น 1.1% และการใช้ไฟฟ้าพลังน้ำและไฟฟ้านำเข้า ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.4%
ขณะเดียวกันปัจจุบันวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีและการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนไปเป็นสังคมเมืองมากขึ้นทำให้วิถีชีวิตของคนในปัจจุบันมีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ทั้งในภาคอุตสาหกรรม ภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจทั้งกิจการขนาดเล็กขนาดใหญ่ในทุกประเภทกิจการ ทำให้พลังงานไฟฟ้าเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน
การใช้พลังงานเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการขยายโรงไฟฟ้า เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ซึ่งจะสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เอเซีย พรีซิชั่น (APCS) ซึ่งบริษัทเป็นกลุ่มกิจการด้านวิศวกรรม โดยมี EPC เป็นธุรกิจหลัก เชี่ยวชาญในการบริหารโครงการก่อสร้างพลังงานทางเลือกและระบบสาธารณูปโภคประเภทต่างๆ แบบครบวงจร รวมถึงให้บริการด้านดำเนินการและการบำรุงรักษา (O&M) และบริษัทดำเนินธุรกิจอื่นประกอบด้วย ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนโลหะความเที่ยงตรงสูง (Precision Metal Parts) และธุรกิจระบบสาธารณูปโภค (Utilities)
ซึ่งกรรมการบริหารบริษัท “สุริยล อุดชาชน” ระบุว่า เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา บริษัท เอทู เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในกลุ่ม APCSได้ร่วมพิธีลงนามในสัญญาก่อสร้างร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในการรับงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการสัญญาจ้างสถานีไฟฟ้ากันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม และสถานีไฟฟ้าพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี มูลค่ารวม 300,835,422 บาท โดยจะเริ่มทยอยดำเนินการก่อสร้าง และคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 และ ไตรมาสที่ 2 ปี 2567 ตามลำดับ
สำหรับโครงการสัญญาจ้างก่อสร้างสถานีไฟฟ้ากันทรวิชัย มีมูลค่าก่อสร้าง 151,870,022 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามโครงการพัฒนาระบบส่งและจำหน่ายระยะที่ 2 แผนที่ 1 ตามสัญญาเลขที่TDDP2-KIA/2565 กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมจ่ายไฟได้ภายใน 540 วัน นับถัดจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคให้เริ่มทำงาน
ส่วนสถานีไฟฟ้าพิบูลมังสาหาร ตามโครงการพัฒนาระบบส่งและจำหน่าย ระยะที่ 2 แผนที่ 1 ตามสัญญาเลขที่TDDP2-MNA/2565 มูลค่ารวม 148,965,400 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมจ่ายไฟได้ภายใน 510 วัน นับถัดจากวันที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคออกหนังสือแจ้งส่งมอบพื้นที่ และให้เริ่มทำงานตามสัญญา
การที่บริษัทฯได้รับงานในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ มีศักยภาพและเป็นที่ยอมรับ การเป็นบริษัทฯ ที่มีความชำนาญและประสบการณ์ก่อสร้างในด้านนี้โดยตรง นอกจากนี้จะเป็นประโยชน์ให้แก่ชุมชน ช่วยสร้างอาชีพให้คนในพื้นที่ และช่วยพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานให้แก่ชุมชนโดยรอบโครงการให้มีไฟฟ้าใช้ได้อย่างทั่วถึง
กรรมการบริหารAPCSกล่าวอีกว่า หลังการรับงานในครั้งนี้ สนับสนุนงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog)เพิ่มเป็น1,200ล้านบาท โดยแผนการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯพร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับงานใหม่ๆ ด้านงานรับเหมาก่อสร้างด้านพลังงานทุกประเภท เพื่อสนับสนุนผลประกอบการที่แข็งแกร่งอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้กว่า 2,000 ล้านบาท
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) คาดการณ์ แนวโน้มความต้องการใช้พลังงานของประเทศปี 2566 จะมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบจากปี 2565 จากความต้องการเดินทางที่มีแนวโน้มกลับมาเป็นปกติมากขึ้น ทั้งการเดินทางภายในประเทศและการเดินทางระหว่างประเทศ
รวมทั้งการขยายตัวของการลงทุนทั้งการลงทุนภาคเอกชนและภาครัฐ เป็นการใช้น้ำมันคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.2% ก๊าซธรรมชาติ เพิ่มขึ้น 1.8% การใช้ถ่านหิน/ลิกไนต์ เพิ่มขึ้น 1.1% และการใช้ไฟฟ้าพลังน้ำและไฟฟ้านำเข้า ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.4%
ขณะเดียวกันปัจจุบันวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีและการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนไปเป็นสังคมเมืองมากขึ้นทำให้วิถีชีวิตของคนในปัจจุบันมีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ทั้งในภาคอุตสาหกรรม ภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจทั้งกิจการขนาดเล็กขนาดใหญ่ในทุกประเภทกิจการ ทำให้พลังงานไฟฟ้าเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน
การใช้พลังงานเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการขยายโรงไฟฟ้า เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ซึ่งจะสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เอเซีย พรีซิชั่น (APCS) ซึ่งบริษัทเป็นกลุ่มกิจการด้านวิศวกรรม โดยมี EPC เป็นธุรกิจหลัก เชี่ยวชาญในการบริหารโครงการก่อสร้างพลังงานทางเลือกและระบบสาธารณูปโภคประเภทต่างๆ แบบครบวงจร รวมถึงให้บริการด้านดำเนินการและการบำรุงรักษา (O&M) และบริษัทดำเนินธุรกิจอื่นประกอบด้วย ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนโลหะความเที่ยงตรงสูง (Precision Metal Parts) และธุรกิจระบบสาธารณูปโภค (Utilities)
ซึ่งกรรมการบริหารบริษัท “สุริยล อุดชาชน” ระบุว่า เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา บริษัท เอทู เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในกลุ่ม APCSได้ร่วมพิธีลงนามในสัญญาก่อสร้างร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในการรับงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการสัญญาจ้างสถานีไฟฟ้ากันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม และสถานีไฟฟ้าพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี มูลค่ารวม 300,835,422 บาท โดยจะเริ่มทยอยดำเนินการก่อสร้าง และคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 และ ไตรมาสที่ 2 ปี 2567 ตามลำดับ
สำหรับโครงการสัญญาจ้างก่อสร้างสถานีไฟฟ้ากันทรวิชัย มีมูลค่าก่อสร้าง 151,870,022 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามโครงการพัฒนาระบบส่งและจำหน่ายระยะที่ 2 แผนที่ 1 ตามสัญญาเลขที่TDDP2-KIA/2565 กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมจ่ายไฟได้ภายใน 540 วัน นับถัดจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคให้เริ่มทำงาน
ส่วนสถานีไฟฟ้าพิบูลมังสาหาร ตามโครงการพัฒนาระบบส่งและจำหน่าย ระยะที่ 2 แผนที่ 1 ตามสัญญาเลขที่TDDP2-MNA/2565 มูลค่ารวม 148,965,400 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมจ่ายไฟได้ภายใน 510 วัน นับถัดจากวันที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคออกหนังสือแจ้งส่งมอบพื้นที่ และให้เริ่มทำงานตามสัญญา
การที่บริษัทฯได้รับงานในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ มีศักยภาพและเป็นที่ยอมรับ การเป็นบริษัทฯ ที่มีความชำนาญและประสบการณ์ก่อสร้างในด้านนี้โดยตรง นอกจากนี้จะเป็นประโยชน์ให้แก่ชุมชน ช่วยสร้างอาชีพให้คนในพื้นที่ และช่วยพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานให้แก่ชุมชนโดยรอบโครงการให้มีไฟฟ้าใช้ได้อย่างทั่วถึง
กรรมการบริหารAPCSกล่าวอีกว่า หลังการรับงานในครั้งนี้ สนับสนุนงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog)เพิ่มเป็น1,200ล้านบาท โดยแผนการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯพร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับงานใหม่ๆ ด้านงานรับเหมาก่อสร้างด้านพลังงานทุกประเภท เพื่อสนับสนุนผลประกอบการที่แข็งแกร่งอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้กว่า 2,000 ล้านบาท