Smart Investment
“หมอยง - เสี่ยปู่ -ดร.ไพบูลย์” เซียนหุ้นรุ่นใหญ่ เดือนพ.ค. ลุยซื้อหุ้นเล็ก AS- BVG – KLINIQ เก็บล็อตใหญ่ดันถือครองทะลุ 5 %
01 มิถุนายน 2567
by.พูเมซ่า
จากการสำรวจข้อมูลการรายงานการได้มาและจำหน่ายหลักทรัพย์จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 พบว่ามีกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ได้รายงานการซื้อหุ้น 4 บริษัท ประกอบด้วย
หุ้นบริษัท แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ จำกัด (มหาชน) AS มี "ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม" นักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งจะรู้จักกันในนาม"หมอยง" รายงานได้มาหุ้นจำนวน 640,800 หุ้น คิดเป็น 0.1283% ส่งผลให้การถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 24,993,000 หุ้น คิดเป็น 5.0061%
บริษัท บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) BVG มี"สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล" หรือเสี่ยปู่ รายงานได้มาหุ้นจำนวน720,000 หุ้นคิดเป็น 0.1600%ส่งผลให้การถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 22,829,100 หุ้น คิดเป็น 5.0731%
บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) KLINIQ ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา นักลงทุน VI รายงานได้มาหุ้นจำนวน75,000หุ้น คิดเป็น 0.0340% ส่งผลให้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 10,795,082 หุ้น คิดเป็น 4.9068%
จากข้อมูลข้างต้นเมื่อสำรวจการเคลื่อนไหวราคาในเดือนพฤษภาคม 2567 หุ้นAS ปรับตัวลดลง 12.86% จากราคา 5.60 บาทลดลงมาอยู่ที่ 4.88 บาท หุ้นBVG ปรับลดลง 20.97% จากราคา 5 บาท เหลือ 3.92 บาท ขณะที่หุ้นKLINIQ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.26% จากราคา 37.50 บาท มาอยู่ที่ 42 บาท
อนึ่ง บริษัท เอกชัยการแพทย์ จํากัด (มหาชน) หรือ EKH แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 อนุมัติให้บริษัทจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จํากัด (มหาชน) หรือ KLINIQ จํานวน 11,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดร้อยละ 5 ของจํานวนหุ้นจดทะเบียนทั้งหมด 220,000,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 39 บาท มูลค่ารวม 429.00 ล้านบาท
โดยขายให้แก่ผู้ซื้อ 9 ราย ได้แก่ 1. ดร.ไพบลย เสรีวิวัฒนา 2. นาย สถาพร งามเรืองพงศ์ 3. นายพงษ์ เจริญจิตไพศาล 4. นางอํานวยพร เหรียญทองเลิศ 5. นางสาวอุ่นเรือน สุจริตธรรม 6. นายภิญญ์พิสิฐ ตั้งธำรงโรจน์ 7. นางพิชญ์สินี เสรีวิวัฒนา 8. นายธนพล คงวัฒนานนท์ 9. นายพิศาล คงวัฒนานนท์
ขณะที่บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์เผยแพร่แนะนำ ซื้อ หุ้นKLINIQ ราคาเป้าหมาย 50 บาท เนื่องจากมีมุมมองเป็นบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
1) บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 3,000 ล้านบาท (+31% YoY), NPM 13% (เทียบกับปี 2023 ที่ 12.6%) โดยรายได้ 4M24 ยังเป็นไปตามเป้า ทั้งนี้ เราประเมินรายได้ปี 2024E แบบ conservative ที่ 2,656 ล้านบาท (+16% YoY),
2) Grand View Research เผย Thailand Aesthetic Market size ปี 2020-30E มี CAGR +9.7% แม้เศรษฐกิจไม่ดี แต่คนไทยยังให้ความสำคัญด้านความสวยความงามมาก โดย spending per head ไม่ได้รับผลกระทบแม้เศรษฐกิจเติบโตช้า, 3) ผู้บริหารคาด GPM ขยายตัวตั้งแต่ เม.ย. 2024 จากการรับรู้รายได้จากสาขาใหม่เต็มไตรมาส และ 4) จะเปิดโรงพยาบาลศัลยกรรมต่อเมื่อ utilization rate แตะ 50% ขึ้นไป (utilization rate 35% ในปัจจุบัน) แต่ได้มีการคุยกับ partner เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเห็นความชัดเจนปลายปีนี้
เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E ที่ 365 ล้านบาท (+26% YoY) คาดแนวโน้มกำไร 2Q24E เติบโต YoY, QoQ จาก SSSG ที่เติบโต และรับรู้รายได้ของสาขาใหม่ใน 1Q24 ที่ 10 สาขา รวมเป็น 65 สาขา เต็มไตรมาส และใน 2Q24E มีแผนเปิดสาขาเพิ่มอีก 3 สาขา ราคาหุ้น outperform SET +3% ใน 1 เดือนที่ผ่านมา ปัจจุบัน KLINIQ เทรดอยู่ที่ PER 24.9x เรามองว่า valuation ไม่แพง ยังไม่สะท้อนกำไรปี 2024E ที่เติบโต +26% YoY
จากการสำรวจข้อมูลการรายงานการได้มาและจำหน่ายหลักทรัพย์จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 พบว่ามีกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ได้รายงานการซื้อหุ้น 4 บริษัท ประกอบด้วย
หุ้นบริษัท แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ จำกัด (มหาชน) AS มี "ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม" นักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งจะรู้จักกันในนาม"หมอยง" รายงานได้มาหุ้นจำนวน 640,800 หุ้น คิดเป็น 0.1283% ส่งผลให้การถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 24,993,000 หุ้น คิดเป็น 5.0061%
บริษัท บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) BVG มี"สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล" หรือเสี่ยปู่ รายงานได้มาหุ้นจำนวน720,000 หุ้นคิดเป็น 0.1600%ส่งผลให้การถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 22,829,100 หุ้น คิดเป็น 5.0731%
บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) KLINIQ ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา นักลงทุน VI รายงานได้มาหุ้นจำนวน75,000หุ้น คิดเป็น 0.0340% ส่งผลให้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 10,795,082 หุ้น คิดเป็น 4.9068%
จากข้อมูลข้างต้นเมื่อสำรวจการเคลื่อนไหวราคาในเดือนพฤษภาคม 2567 หุ้นAS ปรับตัวลดลง 12.86% จากราคา 5.60 บาทลดลงมาอยู่ที่ 4.88 บาท หุ้นBVG ปรับลดลง 20.97% จากราคา 5 บาท เหลือ 3.92 บาท ขณะที่หุ้นKLINIQ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.26% จากราคา 37.50 บาท มาอยู่ที่ 42 บาท
อนึ่ง บริษัท เอกชัยการแพทย์ จํากัด (มหาชน) หรือ EKH แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 อนุมัติให้บริษัทจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จํากัด (มหาชน) หรือ KLINIQ จํานวน 11,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดร้อยละ 5 ของจํานวนหุ้นจดทะเบียนทั้งหมด 220,000,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 39 บาท มูลค่ารวม 429.00 ล้านบาท
โดยขายให้แก่ผู้ซื้อ 9 ราย ได้แก่ 1. ดร.ไพบลย เสรีวิวัฒนา 2. นาย สถาพร งามเรืองพงศ์ 3. นายพงษ์ เจริญจิตไพศาล 4. นางอํานวยพร เหรียญทองเลิศ 5. นางสาวอุ่นเรือน สุจริตธรรม 6. นายภิญญ์พิสิฐ ตั้งธำรงโรจน์ 7. นางพิชญ์สินี เสรีวิวัฒนา 8. นายธนพล คงวัฒนานนท์ 9. นายพิศาล คงวัฒนานนท์
ขณะที่บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์เผยแพร่แนะนำ ซื้อ หุ้นKLINIQ ราคาเป้าหมาย 50 บาท เนื่องจากมีมุมมองเป็นบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
1) บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 3,000 ล้านบาท (+31% YoY), NPM 13% (เทียบกับปี 2023 ที่ 12.6%) โดยรายได้ 4M24 ยังเป็นไปตามเป้า ทั้งนี้ เราประเมินรายได้ปี 2024E แบบ conservative ที่ 2,656 ล้านบาท (+16% YoY),
2) Grand View Research เผย Thailand Aesthetic Market size ปี 2020-30E มี CAGR +9.7% แม้เศรษฐกิจไม่ดี แต่คนไทยยังให้ความสำคัญด้านความสวยความงามมาก โดย spending per head ไม่ได้รับผลกระทบแม้เศรษฐกิจเติบโตช้า, 3) ผู้บริหารคาด GPM ขยายตัวตั้งแต่ เม.ย. 2024 จากการรับรู้รายได้จากสาขาใหม่เต็มไตรมาส และ 4) จะเปิดโรงพยาบาลศัลยกรรมต่อเมื่อ utilization rate แตะ 50% ขึ้นไป (utilization rate 35% ในปัจจุบัน) แต่ได้มีการคุยกับ partner เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเห็นความชัดเจนปลายปีนี้
เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E ที่ 365 ล้านบาท (+26% YoY) คาดแนวโน้มกำไร 2Q24E เติบโต YoY, QoQ จาก SSSG ที่เติบโต และรับรู้รายได้ของสาขาใหม่ใน 1Q24 ที่ 10 สาขา รวมเป็น 65 สาขา เต็มไตรมาส และใน 2Q24E มีแผนเปิดสาขาเพิ่มอีก 3 สาขา ราคาหุ้น outperform SET +3% ใน 1 เดือนที่ผ่านมา ปัจจุบัน KLINIQ เทรดอยู่ที่ PER 24.9x เรามองว่า valuation ไม่แพง ยังไม่สะท้อนกำไรปี 2024E ที่เติบโต +26% YoY