จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : TEGH รับผลบวกราคาซื้อขายยาง EUDR พุ่ง กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มเพิ่ม-ดันผลงานโต
04 มิถุนายน 2567
รัฐบาลผลักดันเปิดตลาดยางสหภาพยุโรปตามกฎหมายว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า (EUDR) หนุนผลงาน บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และยังได้รับผลดีจากการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ ที่เพิ่มขึ้นหลังการเปลี่ยนหม้อต้มไอน้ำลูกใหม่
สำนักงานตลาดกลางยางพาราจังหวัดสุราษฎร์ธานี คาดว่าราคายางพาราจะปรับขึ้นไปแตะที่ 100 บาท/กิโลกรัม ซึ่งเป็นผลจากการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ดำเนินนโยบายส่งเสริมเกษตรกรไทยก้าวสู่วิถีเกษตรยั่งยืน ด้วยการจัดการทรัพยากรการเกษตร ทำการเกษตรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Go Green) โดยให้เกษตรกรผู้ปลูกยางพารา และผู้ประกอบกิจการยางพาราไทยมีการจัดการข้อมูลยาง เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบ EUDRของสหภาพยุโรป (EU) และมาตรฐานระดับสากลต่างๆ ผ่านระบบ Thai Rubber Trade (TRT) ที่จะแสดงรายละเอียดยางที่ซื้อขายอย่างชัดเจนจึงสามารถตรวจสอบย้อนกลับที่มาของยางได้ทุกล็อต
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการ กยท. กล่าวว่า มีผู้ซื้อหลายรายสนใจเข้าประมูลยางที่สถาบันเกษตรกรชาวสวนยางรวบรวมจากสมาชิกเข้ามาขายผ่านตลาดกลาง โดยราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ปิดราคาสูงสุดที่ 96.66 บาท/กิโลกรัม และยางก้อนถ้วย (DRC 100%) ปิดราคาสูงสุดที่ 80.35 บาท/กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 180 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าราคาประมูลยางพุ่งทะยานเข้าใกล้กิโลกรัมละ 100 บาทแล้ว
ราคาซื้อขายยาง EUDR ที่ขยับสูงขึ้นแสดงถึงความต้องการใช้ยางที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ประกอบกับเทรนด์ของโลกที่สนับสนุนและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ยาง EUDR กลายเป็นสินค้าที่ได้รับความสนใจและเป็นที่ต้องการของผู้ซื้อ เพื่อนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางที่มีมาตรฐานรองรับกฎระเบียบ EUDR ของสหภาพยุโรป ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 30 ธ.ค.นี้
"การผลักดันให้เกิดการจัดการระบบข้อมูลยางพาราของไทยที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับและเป็นไปตามมาตรฐานสากลตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นข้อได้เปรียบและโอกาสของยางพาราไทยในการยกระดับมาตรฐานและมูลค่ายาง นำไปสู่การเพิ่มระดับรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรชาวสวนยางไทย" นายณกรณ์ กล่าว
ด้านนางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และผู้นำด้านการผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจร ระบุถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี2567 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งในยุโรป จีน และอินเดีย โดยได้รับผลเชิงบวกจากการบังคับใช้กฎหมายEUDR ซึ่งเป็นกฎหมายสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า
ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการเจรจาทำสัญญาซื้อขายยางแท่งเกรด EUDR แล้วทั้งในโซนยุโรปและเอเชีย จะเริ่มส่งมอบสินค้าในช่วงครึ่งปีหลังของปี2567 ซึ่งจะสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในอนาคตเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ มีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยหม้อต้มไอน้ำ (Boiler)ลูกใหม่อยู่ระหว่างทดสอบระบบ คาดว่าจะเสร็จทันรองรับช่วงพีคของปาล์มในไตรมาส3/2567นี้ นอากจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะติดตั้งหม้อนึ่งปาล์ม (Sterilizer)เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นอีก50%ภายในปี2569
ขณะที่ บล.ทรีนี้ตี้ วิเคราะห์หุ้น TEGH โดยคาดการณ์ว่าแนวโน้มกําไรจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2/67 เป็นต้นไป หลังเริ่มเห็นฝนตกในช่วงเดือน พ.ค. ซึ่งจะทำให้ผลผลิตปาล์ม รวมถึงยางฟื้นตัว ขณะที่ธุรกิจปาล์มจะเริ่มรับรู้ผลบวกจากการปรับปรุงเครื่องจักรด้วย ด้านไตรมาส 3/67คาดว่าจะเห็นการส่งมอบยางตามสัญญา EUDR เพิ่มขึ้น ส่งผลบวกต่อทั้งรายได้และอัตรากําไรขั้นต้น เนื่องจากยาง EUDR มีราคาขายที่สูงกว่ายางทั่วไป
ส่วนในไตรมาส 4/67คาดว่าจะเห็นการขาย Biogas มากขึ้นตามสัญญาขายกับลูกค้ารายใหญ่ อย่างไรก็ตามแนวโน้ม 1Q67 ที่ค่อนข้างอ่อนแอ ทำให้อาจมีการปรับลดประมาณการกําไรทั้งปี 2567 ที่เราทำไว้ที่ 420 ล้านบาท ฟื้นตัว 95%YoY ได้ โดยเรายังรอดูแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่เหลือของปี อีกครั้งหนึ่ง
ดังนั้นยังคงราคาเป้าหมายปี2567 ที่ 3.80 บาท อิง PER 10 เท่า ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside ค่อนข้างสูง จึงยังคงคำแนะนํา “ซื้อ”
สำนักงานตลาดกลางยางพาราจังหวัดสุราษฎร์ธานี คาดว่าราคายางพาราจะปรับขึ้นไปแตะที่ 100 บาท/กิโลกรัม ซึ่งเป็นผลจากการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ดำเนินนโยบายส่งเสริมเกษตรกรไทยก้าวสู่วิถีเกษตรยั่งยืน ด้วยการจัดการทรัพยากรการเกษตร ทำการเกษตรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Go Green) โดยให้เกษตรกรผู้ปลูกยางพารา และผู้ประกอบกิจการยางพาราไทยมีการจัดการข้อมูลยาง เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบ EUDRของสหภาพยุโรป (EU) และมาตรฐานระดับสากลต่างๆ ผ่านระบบ Thai Rubber Trade (TRT) ที่จะแสดงรายละเอียดยางที่ซื้อขายอย่างชัดเจนจึงสามารถตรวจสอบย้อนกลับที่มาของยางได้ทุกล็อต
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการ กยท. กล่าวว่า มีผู้ซื้อหลายรายสนใจเข้าประมูลยางที่สถาบันเกษตรกรชาวสวนยางรวบรวมจากสมาชิกเข้ามาขายผ่านตลาดกลาง โดยราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ปิดราคาสูงสุดที่ 96.66 บาท/กิโลกรัม และยางก้อนถ้วย (DRC 100%) ปิดราคาสูงสุดที่ 80.35 บาท/กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 180 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าราคาประมูลยางพุ่งทะยานเข้าใกล้กิโลกรัมละ 100 บาทแล้ว
ราคาซื้อขายยาง EUDR ที่ขยับสูงขึ้นแสดงถึงความต้องการใช้ยางที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ประกอบกับเทรนด์ของโลกที่สนับสนุนและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ยาง EUDR กลายเป็นสินค้าที่ได้รับความสนใจและเป็นที่ต้องการของผู้ซื้อ เพื่อนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางที่มีมาตรฐานรองรับกฎระเบียบ EUDR ของสหภาพยุโรป ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 30 ธ.ค.นี้
"การผลักดันให้เกิดการจัดการระบบข้อมูลยางพาราของไทยที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับและเป็นไปตามมาตรฐานสากลตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นข้อได้เปรียบและโอกาสของยางพาราไทยในการยกระดับมาตรฐานและมูลค่ายาง นำไปสู่การเพิ่มระดับรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรชาวสวนยางไทย" นายณกรณ์ กล่าว
ด้านนางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และผู้นำด้านการผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจร ระบุถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี2567 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งในยุโรป จีน และอินเดีย โดยได้รับผลเชิงบวกจากการบังคับใช้กฎหมายEUDR ซึ่งเป็นกฎหมายสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า
ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการเจรจาทำสัญญาซื้อขายยางแท่งเกรด EUDR แล้วทั้งในโซนยุโรปและเอเชีย จะเริ่มส่งมอบสินค้าในช่วงครึ่งปีหลังของปี2567 ซึ่งจะสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในอนาคตเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ มีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยหม้อต้มไอน้ำ (Boiler)ลูกใหม่อยู่ระหว่างทดสอบระบบ คาดว่าจะเสร็จทันรองรับช่วงพีคของปาล์มในไตรมาส3/2567นี้ นอากจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะติดตั้งหม้อนึ่งปาล์ม (Sterilizer)เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นอีก50%ภายในปี2569
ขณะที่ บล.ทรีนี้ตี้ วิเคราะห์หุ้น TEGH โดยคาดการณ์ว่าแนวโน้มกําไรจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2/67 เป็นต้นไป หลังเริ่มเห็นฝนตกในช่วงเดือน พ.ค. ซึ่งจะทำให้ผลผลิตปาล์ม รวมถึงยางฟื้นตัว ขณะที่ธุรกิจปาล์มจะเริ่มรับรู้ผลบวกจากการปรับปรุงเครื่องจักรด้วย ด้านไตรมาส 3/67คาดว่าจะเห็นการส่งมอบยางตามสัญญา EUDR เพิ่มขึ้น ส่งผลบวกต่อทั้งรายได้และอัตรากําไรขั้นต้น เนื่องจากยาง EUDR มีราคาขายที่สูงกว่ายางทั่วไป
ส่วนในไตรมาส 4/67คาดว่าจะเห็นการขาย Biogas มากขึ้นตามสัญญาขายกับลูกค้ารายใหญ่ อย่างไรก็ตามแนวโน้ม 1Q67 ที่ค่อนข้างอ่อนแอ ทำให้อาจมีการปรับลดประมาณการกําไรทั้งปี 2567 ที่เราทำไว้ที่ 420 ล้านบาท ฟื้นตัว 95%YoY ได้ โดยเรายังรอดูแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่เหลือของปี อีกครั้งหนึ่ง
ดังนั้นยังคงราคาเป้าหมายปี2567 ที่ 3.80 บาท อิง PER 10 เท่า ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside ค่อนข้างสูง จึงยังคงคำแนะนํา “ซื้อ”