จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : TACC แข็งแกร่งผนึก 7-Eleven บุกตลาด “ในประเทศและตปท.”ดันยอดขายพุ่ง


05 มิถุนายน 2567
บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) จับมือ 7-Eleven สร้างการเติบโต จากยอดขายผ่านสาขาที่คาดสิ้นปี 67 ทะลุ 15,000 แห่ง   ตอกย้ำความเชื่อมั่นพันธมิตรหลัก  ด้านบล.พายคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 7.00  บาท /หุ้น

รายงานพิเศษ TACC copy.jpg

ปี 2567 ยังเป็นปีทองของ บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) ทั้งจากปัจจัยสภาพอากาศที่ร้อนสร้างสถิติสูงสุดใหม่ทำให้ยอดขายสินค้าปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง  รวมทั้งการต่อสัญญากับ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) อีก 3 ปี  ซึ่งปัจจุบัน 7-Eleven มีสาขาแล้วกว่า 14,500 แห่ง และคาดว่าสิ้นปี 2567 จะทะลุกว่า 15,000  แห่ง 

นายชัชชวี  วัฒนสุข  ประธานกรรมการบริหาร TACC  ยอมรับว่า การสัญญาซื้อขายร่วมธุรกิจกับ CPALL จะสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจระหว่างกัน โดยเป็นสัญญาซื้อขายสินค้า (Exclusive Contract) ประเภทเครื่องดื่มเข้าไปจำหน่ายในร้าน 7-Eleven เป็นระยะเวลา 3 ปี  ซึ่งเป็นการต่อสัญญาอย่างต่อเนื่องตามรอบปกติเป็นครั้งที่ 4 

"การเซ็นสัญญาในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นการเป็นพันธมิตรหลักทางธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยมีการพัฒนาเครื่องดื่มใหม่ ร่วมกัน ในฐานะ Key Strategic Partner ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา TACC และ CP ALL มีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ด้วยการแลกเปลี่ยนแนวคิดร่วมกันในการกำหนดแผนธุรกิจ พัฒนาสินค้าเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และตอบโจทย์ลูกค้าและผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

ซึ่งการเป็นพันธมิตรหลักทางธุรกิจ ทำให้บริษัทฯได้รับโอกาสในการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ซึ่งช่วยสนับสนุนให้มียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เคียงข้างการขยายสาขาของร้าน 7-Eleven  ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศกัมพูชา และ สปป.ลาว 

โดยปีนี้บริษัทมีการขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าของกลุ่ม B2B และ B2C ซึ่งสามารถรองรับกำลังซื้อของผู้บริโภคและรองรับการขยายตัวทางธุรกิจในอนาคตได้

ด้านบล.พาย วิเคราะห์หุ้น TACC  โดยระบุว่า ภาพรวมช่วงไตรมาส 2/67 ในด้านรายได้คาดว่าจะยังเห็นการเติบโตได้ต่อเนื่องจากปัจจัยบวกเรื่องสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อนในเดือนเม.ย. ขณะที่การเปิดสาขาใหม่ของร้าน 7-Eleven  ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงร้านค้าอื่นที่ทาง TACC มีการขายสินค้าให้อย่างร้านกาแฟพันธ์ไทย เป็นต้น

ขณะที่การออกสินค้ารสชาติใหม่ยังมีอย่างต่อเนื่อง อย่างล่าสุดออกเครื่องดื่มรสโยเกิร์ต วางขายตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา 

ทั้งนี้เรายังคงประเมินรายได้ในปี 24 เติบโต 11% มาอยู่ที่ 1,894  ล้านบาท  และคาดกำไรสุทธิที่ 237 ล้านบาท (+15%YoY)  และเรายังคงแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 7.0 บาท (18 เท่า PER 24 อิงกับระดับ PER ย้อนหลัง 5 ปี) มีปัจจัยบวกจากผลประกอบการออกมาดี แต่ให้ระมัดระวังแรงกดดันจากการขายหุ้นซื้อคืนจำนวน 8 ล้านหุ้นที่ทางบริษัทประกาศขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ระหว่างวันที่ 17 พ.ค. 24-19 พ.ค. 25