จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : SNNP ราคายังมี upside โบรกฯแนะ “ซื้อ” ตลาดในประเทศ - ต่างประเทศ ยอดขายโตต่อเนื่อง
06 มิถุนายน 2567
โบรกเกอร์ คาด ผลงานบมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง หลังผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาสแรก จากยอดขายที่เติบโตจากตลาดในประเทศและต่างประเทศ แนะนำ “ซื้อ”
บล.เคจีไอ วิเคราะห์ บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) โดยคาดว่า ยอดขายจะฟื้นตัวดีขึ้นในไตรมาส 2/67 และ คงประมาณการอัตราการเติบโตของยอดขายที่ 15-20%ต่อปี ถึงแม้ว่ายอดขายในไตรมาส 1/67 จะเพิ่มขึ้นเพียง 1% จากปีก่อน โดยสาเหตุสำคัญมาจากปัจจัยฤดูกาล และ การจับจ่ายใช้สอยที่อ่อนแอ แต่บริษัทคาดว่ายอดขายจะฟื้นตัวดีขึ้นในไตรมาส 2/67 และ หนุนให้ยอดขายในครึ่งแรกของปี 67 โตได้ในระดับสองหลัก
นอกจากนี้การจับจ่ายใช้สอยที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้ บวกกับผลของปัจจัยฤดูกาลน่าจะช่วยขับเคลื่อนยอดขายให้เพิ่มขึ้น และ โตได้ 15%-20% ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะเพิ่มยอดขายไปยังต่างประเทศ โดยประเทศที่มีศักยภาพได้แก่ ฟิลิปปินส์, เกาหลีใต้, มาเลเซีย และ จีน
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเป้ายอดขายระยะยาวไว้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาทภายในปี 2571 (คิดเป็นอัตราการเติบโตของยอดขายที่ประมาณ 15-20% ต่อปี) คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะถึง 30% ภายในปีนี้ ในขณะที่คาดว่าจะคุม SG&A ได้ SNNP คาดว่า อัตรากำไรขั้นต้นจะถึง30% ภายในปีนี้
หลังจากที่ทำสถิติสูงสุดที่ 29.5% ในไตรมาส 1/67 ถึงแม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะมีแนวโน้มลดลงในไตรมาส 2/67 เพราะ product mix (น้ำหนักเทไปทางเครื่องดื่มในช่วงหน้าร้อน) แต่ก็อาจจะฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลัง จาก product mix ที่ดีขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล และ การประหยัดต่อขนาดของโรงงานในเวียดนาม ในขณะเดียวกัน เรามองว่าค่าใช้จ่าย SG&A จะเป็นจุดที่บริษัทเน้น และ ตั้งเป้าจะคุมให้อยู่ในช่วง 15% - 16% ต่อยอดขาย
เราคาดว่ากำไรในไตรมาส 1/67 จะเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบปีนี้และจะฟื้นตัวดีขึ้นในไตรมาสต่อๆ ไป เรามองว่ายังมีความท้าทายในแง่ของยอดขาย หลังจากที่ยอดขายในไตรมาส 1/67 โตเพียง 1% จากปีก่อน (บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ที่ 15% ในขณะที่เราใช้สมมติฐานอัตราการเติบโตของยอดขายปี 2567 ที่ 11%) อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 29.5% (เราใช้สมมติฐานปี 2567 ที่ 28.9%)อาจจะเป็นตัวช่วยรองรับ downside ของผลประกอบการ
เรายังคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ไว้ที่ 21.00 บาท อิงจาก PER ที่ 26.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต -1.0 S.D) ทั้งนี้ ราคาหุ้น SNNP ซื้อขายที่ระดับ PER ที่ 20.7X เท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีต -1.5 S.D. ทั้งนี้ เนื่องจากกำไรมีแนวโน้มจะฟื้นตัวขึ้นในไตรมาสต่อ ๆ ไป และ ราคาหุ้นยังมี upside จากราคาปิดล่าสุดอีก 28% ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”
ขณะที่นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ SNNP ระบุ ครึ่งแรกของปี 67 แม้ภาวะเศรษฐกิจยังไม่เอื้ออำนวย แต่บริษัทฯก็ยังมั่นใจว่าแนวโน้มยอดขายสินค้าจะเพิ่มขึ้น จากภาคการท่องเที่ยวที่คึกคักในช่วงวันสงกรานต์ รวมถึง SNNP ยังเปิดเกมการตลาดหน้าร้อนด้วย เจเล่บิวตี้ 2 รสชาติใหม่
นอกจากนี้ SNNP ยังมีแนวทางในการขยายตลาดในต่างประเทศ ซึ่งรูปแบบการทำตลาดต่างประเทศนั้น เป็นทั้งรูปแบบการส่งสินค้าไปขาย และการร่วมการทำตลาดในประเทศดังกล่าว การแต่งตั้งตัวแทนจัดจำหน่าย เพื่อสนับสนุนการเติบโตในระยะยาวเพิ่มเติม
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี 67 นี้ SNNP เดินหน้าสร้างการรับรู้ และสร้างการกระตุ้นการบริโภคของสินค้า รวมถึงการออกสินค้าใหม่ๆ ทั้งเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯยังวางแผนการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ นอกเหนือจากประเทศเวียดนามที่เป็นประเทศหลัก ซึ่งยังมองเห็นโอกาสในการทำตลาดในประเทศอื่น เช่น ฟิลิปปินส์, เกาหลี และจีน เป็นต้น ทำให้มั่นใจว่ายอดขายปีนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามแผนธุรกิจที่วางไว้
บล.เคจีไอ วิเคราะห์ บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) โดยคาดว่า ยอดขายจะฟื้นตัวดีขึ้นในไตรมาส 2/67 และ คงประมาณการอัตราการเติบโตของยอดขายที่ 15-20%ต่อปี ถึงแม้ว่ายอดขายในไตรมาส 1/67 จะเพิ่มขึ้นเพียง 1% จากปีก่อน โดยสาเหตุสำคัญมาจากปัจจัยฤดูกาล และ การจับจ่ายใช้สอยที่อ่อนแอ แต่บริษัทคาดว่ายอดขายจะฟื้นตัวดีขึ้นในไตรมาส 2/67 และ หนุนให้ยอดขายในครึ่งแรกของปี 67 โตได้ในระดับสองหลัก
นอกจากนี้การจับจ่ายใช้สอยที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้ บวกกับผลของปัจจัยฤดูกาลน่าจะช่วยขับเคลื่อนยอดขายให้เพิ่มขึ้น และ โตได้ 15%-20% ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะเพิ่มยอดขายไปยังต่างประเทศ โดยประเทศที่มีศักยภาพได้แก่ ฟิลิปปินส์, เกาหลีใต้, มาเลเซีย และ จีน
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเป้ายอดขายระยะยาวไว้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาทภายในปี 2571 (คิดเป็นอัตราการเติบโตของยอดขายที่ประมาณ 15-20% ต่อปี) คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะถึง 30% ภายในปีนี้ ในขณะที่คาดว่าจะคุม SG&A ได้ SNNP คาดว่า อัตรากำไรขั้นต้นจะถึง30% ภายในปีนี้
หลังจากที่ทำสถิติสูงสุดที่ 29.5% ในไตรมาส 1/67 ถึงแม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะมีแนวโน้มลดลงในไตรมาส 2/67 เพราะ product mix (น้ำหนักเทไปทางเครื่องดื่มในช่วงหน้าร้อน) แต่ก็อาจจะฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลัง จาก product mix ที่ดีขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล และ การประหยัดต่อขนาดของโรงงานในเวียดนาม ในขณะเดียวกัน เรามองว่าค่าใช้จ่าย SG&A จะเป็นจุดที่บริษัทเน้น และ ตั้งเป้าจะคุมให้อยู่ในช่วง 15% - 16% ต่อยอดขาย
เราคาดว่ากำไรในไตรมาส 1/67 จะเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบปีนี้และจะฟื้นตัวดีขึ้นในไตรมาสต่อๆ ไป เรามองว่ายังมีความท้าทายในแง่ของยอดขาย หลังจากที่ยอดขายในไตรมาส 1/67 โตเพียง 1% จากปีก่อน (บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ที่ 15% ในขณะที่เราใช้สมมติฐานอัตราการเติบโตของยอดขายปี 2567 ที่ 11%) อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 29.5% (เราใช้สมมติฐานปี 2567 ที่ 28.9%)อาจจะเป็นตัวช่วยรองรับ downside ของผลประกอบการ
เรายังคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ไว้ที่ 21.00 บาท อิงจาก PER ที่ 26.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต -1.0 S.D) ทั้งนี้ ราคาหุ้น SNNP ซื้อขายที่ระดับ PER ที่ 20.7X เท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีต -1.5 S.D. ทั้งนี้ เนื่องจากกำไรมีแนวโน้มจะฟื้นตัวขึ้นในไตรมาสต่อ ๆ ไป และ ราคาหุ้นยังมี upside จากราคาปิดล่าสุดอีก 28% ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”
ขณะที่นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ SNNP ระบุ ครึ่งแรกของปี 67 แม้ภาวะเศรษฐกิจยังไม่เอื้ออำนวย แต่บริษัทฯก็ยังมั่นใจว่าแนวโน้มยอดขายสินค้าจะเพิ่มขึ้น จากภาคการท่องเที่ยวที่คึกคักในช่วงวันสงกรานต์ รวมถึง SNNP ยังเปิดเกมการตลาดหน้าร้อนด้วย เจเล่บิวตี้ 2 รสชาติใหม่
นอกจากนี้ SNNP ยังมีแนวทางในการขยายตลาดในต่างประเทศ ซึ่งรูปแบบการทำตลาดต่างประเทศนั้น เป็นทั้งรูปแบบการส่งสินค้าไปขาย และการร่วมการทำตลาดในประเทศดังกล่าว การแต่งตั้งตัวแทนจัดจำหน่าย เพื่อสนับสนุนการเติบโตในระยะยาวเพิ่มเติม
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี 67 นี้ SNNP เดินหน้าสร้างการรับรู้ และสร้างการกระตุ้นการบริโภคของสินค้า รวมถึงการออกสินค้าใหม่ๆ ทั้งเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯยังวางแผนการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ นอกเหนือจากประเทศเวียดนามที่เป็นประเทศหลัก ซึ่งยังมองเห็นโอกาสในการทำตลาดในประเทศอื่น เช่น ฟิลิปปินส์, เกาหลี และจีน เป็นต้น ทำให้มั่นใจว่ายอดขายปีนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามแผนธุรกิจที่วางไว้