จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : อุตสาหกรรม “หมู-ไก่” เข้าโหมดเติบโต หนุนผลงาน TFG ไตรมาส 2 แข็งแกร่ง
06 มิถุนายน 2567
ราคาหมูและไก่ในปี 2567 ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการควบคุมต้นทุนและการขยายร้านค้าปลีก เพิ่ม 100 สาขา ในปีนี้ หนุนผลงาน บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ดันกำไรขั้นต้นแตะระดับสูงกว่า 10%
สัญญาณการเติบโตของอุตสาหกรรมหมูและไก่ รวมทั้งราคาที่ปรับขึ้นทั้งในประเทศและเวียดนาม การปรับลดต้นทุน และการขยายร้านค้าปลีก ทำให้ผลดำเนินงาน บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) กลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งใสปีนี้
โดย “เพชร นันทวิสัย” ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) มั่นใจแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 2/2567 เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2567 ที่พลิกมีกำไรสุทธิ 173.71 ล้านบาท เทียบไตรมาส 4/2566 ขาดทุนสุทธิ 861.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120.17% รายได้ร้านค้าปลีก (Retail Shops) ขึ้นแท่นรายได้อันดับ 1 เพิ่มความยั่งยืนด้านราคา และช่องทางการจำหน่ายของบริษัท นอกจากนี้ ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาและปริมาณขายของไก่และสุกรที่เพิ่มขึ้น หลังภาครัฐเดินหน้าแก้ปัญหาการนำเข้าสุกรเถื่อน อีกทั้งราคาหมูในเวียดนามฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง
“ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 2/2567 ส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2567 ถือเป็นการตอกย้ำ ธุรกิจผ่านจุดต่ำสุด และกำลังเข้าสู่โหมดเติบโตรอบใหม่ จากราคาหมูไทยฟื้นตัว สูงกว่าต้นทุนการเลี้ยงแล้ว ขณะที่ราคาหมูในประเทศเวียดนามยังเร่งขึ้นต่อ อีกทั้งยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ในปีนี้จะเติบโตเกิน 10% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ตามเป้าหมายที่วางไว้”
ทั้งนี้ในไตรมาส 2/2567 บริษัทเตรียมเปิด "ไทยฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต" เพิ่มอีก 20 สาขา และอีก 80 สาขา ในครึ่งหลังของปีนี้รวมเป็น 100 สาขา ส่งผลให้มีสาขาในสิ้นปีนี้ 450 สาขา ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยผลักดันรายได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น
ซึ่งการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่ากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/2567 จะปรับขึ้นเกิน 10% อีกครั้ง และแนวโน้มราคาหมูในครึ่งหลังของปีนี้คาดว่าจะยังทรงตัวสูง โดยเฉพาะหมูเวียดนามที่จะยืนเหนือ 60,000 ดอง หลังเจอโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ส่วนหมูไทยในช่วงครึ่งปีหลังมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน ทำให้หมูไทยยืนอยู่ในกรอบ 65-75 บาท ส่งผลให้กำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ บล.เคจีไอ คาดการณ์ว่า GPM ของ TFG จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องใน 2Q67F เนื่องจากราคาขายขยับสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาหมู ถึงแม้ว่าราคาเนื้อสัตว์จะอ่อนแอใน 1Q67 แต่ GPM ยังคงฟื้นตัวขึ้นจากการคุมต้นทุน และ ปริมาณยอดขายผ่านร้านค้าปลีกของ TFG เพิ่มขึ้น โดยอดขายต่อร้านต่อวันเพิ่มขึ้นเป็น 147,508 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มเป็น 450 ร้านในปี 2567F จาก 350ร้านในปี 2566 นอกจากนี้ ต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลงน่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกสำหรับ 2Q67F ซึ่งคาดว่าจะลดลง 3%-4% QoQ
ซึ่งเชื่อว่า TFG จะได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของราคาหมูในประเทศไทย และ ราคาหมูที่แข็งแกร่งในเวียดนามเพราะการระบาดของโรค ASF ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ทำให้อุปทานหมูในประเทศเพื่อนบ้านลดลง ทั้งนี้ราคาหมูในเวียดนามเพิ่มขึ้น 18% YoY เป็น VND59,534/กก. ในเดือนเมษายน และ ขยับขึ้นไปสูงกว่า VND60,000/กก. ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2565 ในขณะเดียวกัน ราคาหมูในประเทศไทยในเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 72 บาท/กก. (-5% YoY, +6% MoM) เพิ่มขึ้น 20% จากระดับที่ต่ำที่สุดเมื่อเดือนตุลาคม 2566
คาดว่าโมเมนตัมของกำไรจะเป็นบวกใน 2Q67F-3Q67F จาก GPM ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาหมูขยับสูงขึ้น นอกจากนี้ เรายังมองว่ากลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จของบริษัทในการสร้างช่องทางจำหน่ายของตัวเองจะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตในระยะกลางถึงยาว ผ่านราคาขาย และ อัตรากำไรที่สูงขึ้น เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567F ไว้ที่ 1.99 พันล้านบาท (พลิกจากขาดทุนสุทธิ 813 ล้านบาทในปี 2566) และ ปี 2568F ที่2.21 พันล้านบาท (+11% YoY)
เรา re-ratePER ของ TFG เป็น 15.0x (+1S.D)จากเดิม 10.6x (ค่าเฉลี่ยระยะยาว)จากแนวโน้มบวกของผลประกอบการ เราคิดว่า GPM ที่ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างมากเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการพลิกฟื้นใน 1Q67 และ เนื่องจากเราคาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งใน 2Q67F เราจึงมองว่ามีความเป็นไปได้ที่นักวิเคราะห์ในตลาดจะปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ TFG ขึ้นอีก เพราะประมาณการของเราในปัจจุบันสูงกว่าประมาณการของนักวิเคราะห์ในตลาดอยู่ 23% ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำหุ้น TFG จากถือเป็นซื้อ
สัญญาณการเติบโตของอุตสาหกรรมหมูและไก่ รวมทั้งราคาที่ปรับขึ้นทั้งในประเทศและเวียดนาม การปรับลดต้นทุน และการขยายร้านค้าปลีก ทำให้ผลดำเนินงาน บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) กลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งใสปีนี้
โดย “เพชร นันทวิสัย” ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) มั่นใจแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 2/2567 เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2567 ที่พลิกมีกำไรสุทธิ 173.71 ล้านบาท เทียบไตรมาส 4/2566 ขาดทุนสุทธิ 861.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120.17% รายได้ร้านค้าปลีก (Retail Shops) ขึ้นแท่นรายได้อันดับ 1 เพิ่มความยั่งยืนด้านราคา และช่องทางการจำหน่ายของบริษัท นอกจากนี้ ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาและปริมาณขายของไก่และสุกรที่เพิ่มขึ้น หลังภาครัฐเดินหน้าแก้ปัญหาการนำเข้าสุกรเถื่อน อีกทั้งราคาหมูในเวียดนามฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง
“ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 2/2567 ส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2567 ถือเป็นการตอกย้ำ ธุรกิจผ่านจุดต่ำสุด และกำลังเข้าสู่โหมดเติบโตรอบใหม่ จากราคาหมูไทยฟื้นตัว สูงกว่าต้นทุนการเลี้ยงแล้ว ขณะที่ราคาหมูในประเทศเวียดนามยังเร่งขึ้นต่อ อีกทั้งยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ในปีนี้จะเติบโตเกิน 10% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ตามเป้าหมายที่วางไว้”
ทั้งนี้ในไตรมาส 2/2567 บริษัทเตรียมเปิด "ไทยฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต" เพิ่มอีก 20 สาขา และอีก 80 สาขา ในครึ่งหลังของปีนี้รวมเป็น 100 สาขา ส่งผลให้มีสาขาในสิ้นปีนี้ 450 สาขา ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยผลักดันรายได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น
ซึ่งการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่ากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/2567 จะปรับขึ้นเกิน 10% อีกครั้ง และแนวโน้มราคาหมูในครึ่งหลังของปีนี้คาดว่าจะยังทรงตัวสูง โดยเฉพาะหมูเวียดนามที่จะยืนเหนือ 60,000 ดอง หลังเจอโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ส่วนหมูไทยในช่วงครึ่งปีหลังมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน ทำให้หมูไทยยืนอยู่ในกรอบ 65-75 บาท ส่งผลให้กำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ บล.เคจีไอ คาดการณ์ว่า GPM ของ TFG จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องใน 2Q67F เนื่องจากราคาขายขยับสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาหมู ถึงแม้ว่าราคาเนื้อสัตว์จะอ่อนแอใน 1Q67 แต่ GPM ยังคงฟื้นตัวขึ้นจากการคุมต้นทุน และ ปริมาณยอดขายผ่านร้านค้าปลีกของ TFG เพิ่มขึ้น โดยอดขายต่อร้านต่อวันเพิ่มขึ้นเป็น 147,508 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มเป็น 450 ร้านในปี 2567F จาก 350ร้านในปี 2566 นอกจากนี้ ต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลงน่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกสำหรับ 2Q67F ซึ่งคาดว่าจะลดลง 3%-4% QoQ
ซึ่งเชื่อว่า TFG จะได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของราคาหมูในประเทศไทย และ ราคาหมูที่แข็งแกร่งในเวียดนามเพราะการระบาดของโรค ASF ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ทำให้อุปทานหมูในประเทศเพื่อนบ้านลดลง ทั้งนี้ราคาหมูในเวียดนามเพิ่มขึ้น 18% YoY เป็น VND59,534/กก. ในเดือนเมษายน และ ขยับขึ้นไปสูงกว่า VND60,000/กก. ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2565 ในขณะเดียวกัน ราคาหมูในประเทศไทยในเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 72 บาท/กก. (-5% YoY, +6% MoM) เพิ่มขึ้น 20% จากระดับที่ต่ำที่สุดเมื่อเดือนตุลาคม 2566
คาดว่าโมเมนตัมของกำไรจะเป็นบวกใน 2Q67F-3Q67F จาก GPM ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาหมูขยับสูงขึ้น นอกจากนี้ เรายังมองว่ากลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จของบริษัทในการสร้างช่องทางจำหน่ายของตัวเองจะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตในระยะกลางถึงยาว ผ่านราคาขาย และ อัตรากำไรที่สูงขึ้น เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567F ไว้ที่ 1.99 พันล้านบาท (พลิกจากขาดทุนสุทธิ 813 ล้านบาทในปี 2566) และ ปี 2568F ที่2.21 พันล้านบาท (+11% YoY)
เรา re-ratePER ของ TFG เป็น 15.0x (+1S.D)จากเดิม 10.6x (ค่าเฉลี่ยระยะยาว)จากแนวโน้มบวกของผลประกอบการ เราคิดว่า GPM ที่ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างมากเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการพลิกฟื้นใน 1Q67 และ เนื่องจากเราคาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งใน 2Q67F เราจึงมองว่ามีความเป็นไปได้ที่นักวิเคราะห์ในตลาดจะปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ TFG ขึ้นอีก เพราะประมาณการของเราในปัจจุบันสูงกว่าประมาณการของนักวิเคราะห์ในตลาดอยู่ 23% ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำหุ้น TFG จากถือเป็นซื้อ