Smart Investment

"หมอพงศ์ศักดิ์" เซียนหุ้นพอร์ตหมื่นล้าน โผล่ถือ 2 หุ้นส่งออกอาหาร “ ASIAN-AAI” หนุนราคาเดือนพ.ค.วิ่งฉิ่ว!


08 มิถุนายน 2567

by.พูเมซ่า

หมอพงศ์ศักดิ์ copy.jpg

ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในเดือนพฤษภาคม 2567 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,345.66 จุด ลดลง 1.63% ขณะที่หุ้นกลุ่มเกษตรและอาหารเป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนภาพรวมตลาด ซึ่งหุ้นส่งออกอาหารแปรรูปมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างคึกคัก 


โดยเฉพาะหุ้น ASIAN หรือ บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจ แปรรูปสัตว์น้ำแช่เยือกแข็ง เพื่อจำหน่ายและส่งออก ทั้งที่เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องหมายการค้าของบริษัท และผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า

รวมทั้งหุ้นAAI หรือ บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจรับจ้างผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet food) อาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึก (Human food) และผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้จากการแปรรูปปลาทูน่า 

สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้น ASIAN ในเดือนพฤษภาคม 2567 ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 25.30%จากราคาหุ้น 8.25 บาท ปรับขึ้นไปอยู่ที่ 10.40 บาท และทำสถิติสูงสุดในรอบ 5 เดือนแรกปีนี้ที่ระดับ 10.90 บาท 

ส่วนการเคลื่อนไหวราคาหุ้น AAI ปรับตัวขึ้นไป 8.57% จากราคา 5.15 บาท เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.70 บาท และทำสถิติสูงสุดในรอบ 5 เดือนแรกปีนี้ที่ระดับ 6.25 บาท 
ทั้งนี้ เมื่อสำรวจโครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุดของหุ้นASIAN และAAI  ณ เดือนพฤษภาคม 2567 พบว่า "น.พ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี" ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในวงการตลาดหุ้นไทยในนาม"หมอพงศ์ศักดิ์" นักลงทุนรายใหญ่ ได้เข้ามาถือหุ้น ASIAN ซึ่งภายหลังการทำรายการครั้งนี้ส่งผลให้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 6 โดยถือหุ้นจำนวน 5,364,600 หุ้น คิดเป็น 0.6% เมื่อเปรียบเทียบกับกับการปิดสมุดรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ เดือนมีนาคม 2567 ไม่ปรากฏการถือหุ้น 

ขณะเดียวกันได้เข้ามาถือหุ้น AAI โดยถือหุ้นจำนวน 10,545,000 หุ้นคิดเป็น 0.5% ภายหลังทำรายการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 8 และหากนำไปเปรียบเทียบกับรายชื่อผู้ถือหุ้นในเดือนมีนาคม 2567 ไม่ปรากฏรายชื่อดังกล่าวเช่นกัน 

ปัจจุบัน"น.พ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี" มีการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยถือครองหุ้นจำนวน 16 บริษัท ซึ่งมีมูลค่าการถือครองรวมอยู่ที่  14,233 ล้านบาท ประกอบด้วย หุ้นAAI ถือหุ้นจำนวน 10,545,000 หุ้น คิดเป็น 0.50% ASIANถือหุ้นจำนวน 5,364,600 หุ้น คิดเป็น 0.66

COM7 ถือหุ้นจำนวน 467,854,600หุ้น คิดเป็น    19.49% ETL ถือหุ้นจำนวน 3,627,400หุ้น คิดเป็น 0.59%HL ถือหุ้นจำนวน2,954,300หุ้น คิดเป็น 1.09% IIIถือหุ้นจำนวน 28,328,900หุ้น คิดเป็น 3.51% MASTER ถือหุ้นจำนวน 6,609,870 หุ้น คิดเป็น 2.50% NTSC ถือหุ้นจำนวน 7,430,600หุ้น คิดเป็น 7.43% PLANB ถือหุ้นจำนวน 212,816,700 หุ้น คิดเป็น4.96% 

PRI ถือหุ้นจำนวน15,480,000 หุ้น คิดเป็น 4.84% SFLEX ถือหุ้นจำนวน 5,028,600 หุ้น คิดเป็น 0.61% SISB ถือหุ้นจำนวน 33,812,500หุ้น คิดเป็น 3.60% SKYถือหุ้นจำนวน 65,517,000 หุ้น คิดเป็น 9.16% TPLถือหุ้นจำนวน 10,000,000 หุ้น คิดเป็น1.91% WARRIXถือหุ้นจำนวน 24,485,600 หุ้น คิดเป็น4.08% WAVE ถือหุ้น จำนวน 286,630,400 หุ้น คิดเป็น 3.11%     

ขณะที่มูลค่าการถือครองหุ้นแต่ละบริษัทในปัจจุบัน ได้แก่ AAI มูลค่าถือหุ้นอยู่ที่  60,106,500 บาท ASIAN มูลค่าถือหุ้นอยู่ที่ 55,791,840 บาท COM7 มูลค่าถือหุ้นอยู่ที่ 8,281,026,420บาท ETL มูลค่าถือหุ้นอยู่ที่ 4,461,702 บาท HL มูลค่าถือหุ้นอยู่ที่ 31,906,440 บาท III มูลค่าถือหุ้นอยู่ที่ 225,214,755 บาท MASTER มูลค่าถือหุ้นอยู่ที่ 413,116,875 บาท NTSC มูลค่าถือหุ้นอยู่ที่ 98,083,920 บาท PLANB มูลค่าถือหุ้นอยู่ที่ 1,755,737,775 บาทPRI มูลค่าถือหุ้นอยู่ที่   167,184,000 บาท
SFLEX มูลค่าถือหุ้นอยู่ที่ 15,387,516 บาท SISB มูลค่าถือหุ้นอยู่ที่ 1,234,156,250 บาท SKYมูลค่าถือหุ้นอยู่ที่  1,703,442,000 บาท TPL มูลค่าถือหุ้นอยู่ที่ 11,500,000 บาท WARRIX มูลค่าถือหุ้นอยู่ที่ 139,567,920 บาทWAVE มูลค่าถือหุ้นอยู่ที่ 37,261,952 บาท

[มุมมองนักวิเคราะห์]

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส(ประเทศไทย)ได้ เผยแพร่หุ้น ASIAN โดยแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 12.48 บาท เนื่องจากกำไรเริ่มกลับเป็นปกติ คาดว่ายังดีต่อในไตรมาส 2/67 กำไรสุทธิในไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 245.5 ล้านบาท +203% จากไตรมาสก่อน และ +386.1% จากปีก่อน รายได้และอัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากธุรกิจอาหารVAP และอาหารสัตว์เลี้ยงหนุน

รายได้อยู่ที่ 2,608.1 ล้านบาท +14.8% จากปีก่อน และ +7.1% จากไตรมาสก่อน รายได้ธุรกิจที่มีอัตรากำไรดีเพิ่มขึ้นหนุนผลประกอบการอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 17.5% เพิ่มขึ้นมากจากไตรมาส 4/66 ที่ 13.6% และไตรมาส 1/66 ที่ 9.2% เป็นปัจจัยหลักที่หนุนกำไร สัดส่วนของยอดขายทูน่าลดลง ปรับประมาณการกำไรปี 67 เพิ่มตามผลประกอบการที่มีโอกาสกลับไปเป็นปกติคงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาพื้นฐานใหม่ปี 24 ที่ 12.48 บาทโดยใช้ PE ที่ 16 เท่า

ส่วน บล.ดาโอ (ประเทศไทย)เผยแพร่บทวิเคราะห์หุ้น AAI แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 7 บาท อิงปี 67  PER 21 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง เรามีมุมมองเป็นบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์ AAI แม้ลูกค้าใหม่อาจล่าช้ากว่าแผน แต่ทิศทางโดยรวมยังโตตามคาด มีประเด็นสำคัญดังนี้

1) ยังคงเป้า GPM ปี 67 ที่ 17-18% (เราคาดที่ 18%) แต่บริษัทคงมุมมองระมัดระวังจากต้นทุนวัตถุดิบเริ่มสูงขึ้นและการปรับขึ้นค่าแรง อย่างไรก็ตามอาจมีการพิจารณาปรับเป้าขึ้นเล็กน้อย จากไตรมาส 1/67 ที่ GPM ออกมาสูงที่ 20.8%, 2) เชื่อมั่นจะสามารถ achieve เป้ารายได้ปี 67 ที่โต +19% จากปีก่อน แม้ลูกค้ารายใหม่กลุ่ม private label ที่เป็นรายใหญ่อาจล่าช้าจากครึ่งหลังปี 67 หนุนโดยลูกค้ารายเดิมยังดีต่อเนื่องและมีลูกค้าใหม่รายเล็กเพิ่มขึ้น    

เราคงกำไรปกติปี 67 ที่ 726 ล้านบาท (+66% จากปีก่อน) แต่มีโอกาสปรับประมาณการขึ้น จากทิศทาง GPM อาจสูงกว่าคาดตามการฟื้นตัวของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 
สำหรับไตรมาส 2/67 เบื้องต้นคาดการณ์กำไรปกติจะขยายตัวสูงจากปีก่อน หลักๆ จากฐานต่ำในไตรมาส 2/66 ที่โดนกระทบจาก inventory destocking ขณะที่กำไรมีโอกาสชะลอเล็กน้อย จากไตรมาสก่อน ตามฤดูกาล และต้นทุนวัตถุดิบบางตัวสูงขึ้นราคาหุ้น outperform SET +51% ใน 3 เดือน หลังงบไตรมาส 1/67 ดีกว่าคาดมาก ทั้งนี้เราคงมุมมองบวกจากกำไรปกติปี 67 จะกลับมาฟื้นตัวแตะระดับสูงกว่าปี 65 นอกจากนี้มี catalyst จากส่งออกฟื้นตัวต่อเนื่อง และ GPM มีโอกาสดีกว่าคาด


หมอพงศ์ศักดิ์ 1-1 copy.jpg