ราคาทองกลับเข้าสู่ “ขาขึ้น” อีกครั้ง หลังปรับฐาน ล่าสุดวันที่ 7 มิ.ย.2567 ราคาทองคำในประเทศเปิด +250 บาท ราคาทองคำแท่งขายออกกลับมายืนที่ระดับ 41,000 บาท/บาททองคำ ส่วนราคาทองรูปพรรณขายออกอยู่ที่ 41,500 บาท/บาททองคำ
บริษัท วายแอจจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) มองว่า ราคาทองคำอยู่ในช่วงพักฐานระยะสั้น หลังจากทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2567
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาทองคำยังอยู่ในทิศทาง “ขาขึ้น” อย่างชัดเจนในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า จากปัจจัยหนุนรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วง “ขาลง” ทำให้แนวโน้มราคาทองเพิ่มขึ้น
ขณะที่ปริมาณทองคำที่เหลือให้ขุดทั่วโลกอยู่ที่ 59,000 ตัน และหากเทียบจากปริมาณการขุดทองคำเฉลี่ยปีละ 3,000 ตัน จะเท่ากับว่าเหลือทองคำให้ขุดได้อีกเพียง 19 ปี หากไม่มีการสำรวจพบสายแร่ทองคำใหม่
นอกจากนี้ ปริมาณทองคำรีไซเคิลที่นำกลับมาหมุนเวียนหลอมใหม่มีเพียงปีละ 1,000 ตัน เท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการทองคำทั่วโลกที่สูงกว่า 4,000 ตันต่อปี
ส่วนความเคลื่อนไหวราคาทองในระยาวคาดว่าจะ Sideway up และเมื่อการพักตัวในระยะสั้นจบลง วายแอลจี มองว่า มีโอกาสกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านหลัก 2,450-2,500 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ และหากผ่านได้จะไปทดสอบเป้าหมายถัดไปที่ระดับ 2,650 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์
[ความเสี่ยงที่ต้องรู้ก่อนลงทุนทองคำ]
สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนทองในระยะยาว Mr.Data สัปดาห์นี้ ชวนมาหาคำตอบเกี่ยวกับความเสี่ยงที่ต้องรู้ก่อนลงทุนทองคำเริ่มจาก
ผลตอบแทนที่ได้รับ และ 5.ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากผูกติดกับดอลลาร์ การแข็งค่าหรืออ่อนค่าของเงินบาทเทียบดอลลาร์ ย่อมส่งผลกระทบต่อมูลค่าการลงทุน
แม้จะมีความเสี่ยงหลายด้านที่ต้องพิจารณาประกอบการตัดสินใจการลงทุน แต่ “ทองคำ” ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการ “ออม” ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี และเป็นการกระจายพอร์ตการลงทุน นอกเหนือจากการลงทุนในตลาดหุ้น ตราสารหนี้ หรืออสังหาริมทรัพย์
ล่าสุด (7 มิ.ย.67) ราคาทองคำในตลาดโลกกลับมาทะลุ 2,400 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี กว่า 22% น่าสนปะล่ะ!
บริษัท วายแอจจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) มองว่า ราคาทองคำอยู่ในช่วงพักฐานระยะสั้น หลังจากทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2567
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาทองคำยังอยู่ในทิศทาง “ขาขึ้น” อย่างชัดเจนในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า จากปัจจัยหนุนรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วง “ขาลง” ทำให้แนวโน้มราคาทองเพิ่มขึ้น
ขณะที่ปริมาณทองคำที่เหลือให้ขุดทั่วโลกอยู่ที่ 59,000 ตัน และหากเทียบจากปริมาณการขุดทองคำเฉลี่ยปีละ 3,000 ตัน จะเท่ากับว่าเหลือทองคำให้ขุดได้อีกเพียง 19 ปี หากไม่มีการสำรวจพบสายแร่ทองคำใหม่
นอกจากนี้ ปริมาณทองคำรีไซเคิลที่นำกลับมาหมุนเวียนหลอมใหม่มีเพียงปีละ 1,000 ตัน เท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการทองคำทั่วโลกที่สูงกว่า 4,000 ตันต่อปี
ส่วนความเคลื่อนไหวราคาทองในระยาวคาดว่าจะ Sideway up และเมื่อการพักตัวในระยะสั้นจบลง วายแอลจี มองว่า มีโอกาสกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านหลัก 2,450-2,500 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ และหากผ่านได้จะไปทดสอบเป้าหมายถัดไปที่ระดับ 2,650 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์
[ความเสี่ยงที่ต้องรู้ก่อนลงทุนทองคำ]
สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนทองในระยะยาว Mr.Data สัปดาห์นี้ ชวนมาหาคำตอบเกี่ยวกับความเสี่ยงที่ต้องรู้ก่อนลงทุนทองคำเริ่มจาก
1.ความผันผวนของราคา ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจโลก
2.ไม่มีผลตอบแทนประจำ นักลงทุนพึงระลึกเสมอว่า การลงทุนในทองคำไม่มีดอกเบี้ย หรือเงินปันผล เหมือนการลงทุนอื่นๆ เช่น หุ้นหรือพันธบัตร
3.ความเสี่ยงจากการเก็บรักษา เพราะจำเป็นต้องมีการจัดการเก็บรักษาที่ปลอดภัยและอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 4.ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง เพราะการขายทองคำอาจไม่ง่ายเสมอไป โดยเฉพาะในปริมาณที่มาก อาจส่งผลต่อ
ผลตอบแทนที่ได้รับ และ 5.ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากผูกติดกับดอลลาร์ การแข็งค่าหรืออ่อนค่าของเงินบาทเทียบดอลลาร์ ย่อมส่งผลกระทบต่อมูลค่าการลงทุน
แม้จะมีความเสี่ยงหลายด้านที่ต้องพิจารณาประกอบการตัดสินใจการลงทุน แต่ “ทองคำ” ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการ “ออม” ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี และเป็นการกระจายพอร์ตการลงทุน นอกเหนือจากการลงทุนในตลาดหุ้น ตราสารหนี้ หรืออสังหาริมทรัพย์
ล่าสุด (7 มิ.ย.67) ราคาทองคำในตลาดโลกกลับมาทะลุ 2,400 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี กว่า 22% น่าสนปะล่ะ!