Talk of The Town
PCC สตรอง!! โชว์กำไรปี 65 โต 40.02% บอร์ดไฟเขียวปันผล 0.14 บ./หุ้น ปักหมุดปี 68 รายได้แตะ 6 พันลบ.
24 กุมภาพันธ์ 2566
บมจ. พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น (PCC) โชว์ผลการดำเนินงานปี 2565 แข็งแกร่ง กวาดรายได้รวมอยู่ที่ 4,859.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.57% และมีกำไรสุทธิ 283.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.02% จากปีก่อน เนื่องจากการขายกลุ่มสินค้าหม้อแปลงไฟฟ้า กลุ่มสินค้าปรับแรงดัน และงานโครงการจัดหาพร้อมติดตั้งอุปกรณ์ Hardware และ Software ระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟหนุน ฟากซีอีโอ “กิตติ สัมฤทธิ์” ระบุปีนี้ยังเติบโตได้ดี เตรียมประมูลโครงการ "สมาร์ทมิเตอร์" ของ กฟภ. แย้มโรงงานผลิตหม้อแปลง และตู้ควบคุมไฟฟ้าในกัมพูชา จ่อเดินเครื่องภายในไตรมาส 1/2566 พร้อมกางแผนธุรกิจ 3 ปีข้างหน้า (2566-2568) ตั้งเป้ารายได้แตะ 6,000 ล้านบาทหวังภาครัฐส่งเสริมการลงทุนระบบสมาร์ทกริดเพิ่มขึ้น
นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PCC) เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 4,859.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.57% จากปีก่อนที่มีรายได้เท่ากับ 3,638.63 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 283.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.2% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 202.68 ล้านบาท
“รายได้รวมในปี 2565 เพิ่มขึ้น 1221.36 ล้านบาท หรือ 33.57% จากปี 2564 สาเหตุหลักมาจากการขายกลุ่มสินค้าหม้อแปลงไฟฟ้า กลุ่มสินค้าปรับแรงดัน และป้องกันกระแสและแรงดันเกินพิกัด สวิตซ์ตัดตอน และอุปกรณ์ฉนวนในระบบจำหน่ายและกลุ่มโคมไฟแอลอีดีให้กับลูกค้าเอกชนเพิ่มขึ้น และจากงานโครงการจัดหา พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ Hardware และ Software ระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟและสัญญาจ้าง หาพร้อมติดตั้งอุปกรณ์ Feeder Device Interface (FDI) และอุปกรณ์วิทยุสื่อสาร” นายกิตติ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายเงินปันผล ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 8 พ.ค. 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 26 พ.ค. 2566 ทั้งนี้จะนำเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไปในวันที่ 27 เม.ย. 2566
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PCC กล่าวอีกว่า สำหรับแผนธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2566-2568) ตั้งเป้ารายได้แตะ 6,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากการเติบโตของระบบสมาร์ทกริด ทำให้มีการลงทุนเพิ่มโดยหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อีกทั้งบริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตของหม้อแปลงไฟฟ้า ตลอดจนการเปลี่ยนเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตให้เป็นเครื่องจักรอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพสูง
โดยในปีนี้บริษัทฯ ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากจากโครงการเปลี่ยนมิเตอร์จากจานหมุน ให้เป็น สมาร์ทมิเตอร์ ซึ่งเป็นโครงการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยกฟภ.มีแผนจะเปลี่ยนมิเตอร์จำนวน 18 ล้านเครื่องภายใน 7 ปี หรือระหว่างปี 2565-2571 ซึ่งคาดว่าปีนี้เปิดประมูลราว 2 ล้านเครื่อง ซึ่งบริษัทฯมีความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลดังกล่าว เพื่อสร้างการเติบโตของบริษัทฯอย่างแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ โรงงานผลิตหม้อแปลง และตู้ควบคุมไฟฟ้า ในกัมพูชา คาดว่าจะเริ่มผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ได้ในไตรมาส 1/2566 นี้ ซึ่งจะสนับสนุนรายได้ให้บริษัทฯ เพิ่มขึ้น ปีละ 100 ล้านบาท
นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PCC) เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 4,859.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.57% จากปีก่อนที่มีรายได้เท่ากับ 3,638.63 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 283.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.2% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 202.68 ล้านบาท
“รายได้รวมในปี 2565 เพิ่มขึ้น 1221.36 ล้านบาท หรือ 33.57% จากปี 2564 สาเหตุหลักมาจากการขายกลุ่มสินค้าหม้อแปลงไฟฟ้า กลุ่มสินค้าปรับแรงดัน และป้องกันกระแสและแรงดันเกินพิกัด สวิตซ์ตัดตอน และอุปกรณ์ฉนวนในระบบจำหน่ายและกลุ่มโคมไฟแอลอีดีให้กับลูกค้าเอกชนเพิ่มขึ้น และจากงานโครงการจัดหา พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ Hardware และ Software ระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟและสัญญาจ้าง หาพร้อมติดตั้งอุปกรณ์ Feeder Device Interface (FDI) และอุปกรณ์วิทยุสื่อสาร” นายกิตติ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายเงินปันผล ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 8 พ.ค. 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 26 พ.ค. 2566 ทั้งนี้จะนำเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไปในวันที่ 27 เม.ย. 2566
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PCC กล่าวอีกว่า สำหรับแผนธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2566-2568) ตั้งเป้ารายได้แตะ 6,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากการเติบโตของระบบสมาร์ทกริด ทำให้มีการลงทุนเพิ่มโดยหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อีกทั้งบริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตของหม้อแปลงไฟฟ้า ตลอดจนการเปลี่ยนเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตให้เป็นเครื่องจักรอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพสูง
โดยในปีนี้บริษัทฯ ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากจากโครงการเปลี่ยนมิเตอร์จากจานหมุน ให้เป็น สมาร์ทมิเตอร์ ซึ่งเป็นโครงการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยกฟภ.มีแผนจะเปลี่ยนมิเตอร์จำนวน 18 ล้านเครื่องภายใน 7 ปี หรือระหว่างปี 2565-2571 ซึ่งคาดว่าปีนี้เปิดประมูลราว 2 ล้านเครื่อง ซึ่งบริษัทฯมีความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลดังกล่าว เพื่อสร้างการเติบโตของบริษัทฯอย่างแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ โรงงานผลิตหม้อแปลง และตู้ควบคุมไฟฟ้า ในกัมพูชา คาดว่าจะเริ่มผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ได้ในไตรมาส 1/2566 นี้ ซึ่งจะสนับสนุนรายได้ให้บริษัทฯ เพิ่มขึ้น ปีละ 100 ล้านบาท