Wealth Sharing
มหากาพย์! รถไฟฟ้าสายสีส้มใกล้จบแล้ว จับตา 12 มิ.ย.ศาลนัดอ่านคำพิพากษา
11 มิถุนายน 2567
วันที่ 12 มิ.ย. 67 ศาลปกครองสูงสุดมีนัดอ่านคำพิพากษาคดีพิพาทโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม BTSC เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง ข้อหาการเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มรอบ 2 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกฟ้องตามคำพิพากษาศาลปกครองกลางจะทำให้ รฟม. เซ็นสัญญากับ BEM ในฐานะที่เป็นผู้เสนอผลตอบแทนสูงสุดให้กับภาครัฐได้ภายในปีนี้
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า มหากาพย์โครงการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ต่อสู้กันยาวนานกว่า 4 ปี ใกล้ได้ข้อยุติวันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย. 67) ศาลปกครองสูงสุดมีนัดอ่านคำพิพากษาคดีพิพาทโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่ BTSC เป็นโจทย์ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562
ข้อหาการเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มรอบ 2 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมีการกำหนดหลักเกณฑ์กีดกันการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ถือเป็นคดีสุดท้ายที่ยังค้างคาอยู่ในศาล
หากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาตามความเห็นของตุลาการผู้แถลงคดี ศาลปกครองสูงสุด ในวันที่ 11 เม.ย 67 ที่ได้ให้ความเห็นว่าควรยกฟ้องตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ก็น่าจะทำให้ รฟม. สามารถเซ็นสัญญากับ BEM ในฐานะที่เป็นผู้เสนอผลตอบแทนสูงสุดให้กับภาครัฐได้ภายในปีนี้
โดยการได้เข้าไปดำเนินการรถไฟฟ้าสายสีส้มของ BEM จะส่งผลบวกอย่างมีนัยสำคัญทั้งในเชิงความต่อเนื่องของรายได้ที่มีสัญญายาว 30 ปี และ SYNERGY ที่เกิดขึ้นจากความประหยัดต่อขนาดในการบริหารรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง รวมถึงการส่งต่อผู้โดยสารให้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินซึ่งเป็นรถไฟฟ้าเส้นทางหลักของ BEM ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเพิ่มจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่จะเกิดขึ้นกับ BEM เท่ากับ 2.00 บาท/หุ้น และได้รวมอยู่ในราคาเหมาะสมของ BEM ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ที่ 11.00 บาท แล้ว
นอกจากนี้ผลบวกยังเกิดขึ้นกับ CK ในฐานะที่ CK จะเข้าไปรับงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกพร้อมงานติดตั้งระบบและจัดหาขบวนรถ มูลค่า 1.09 แสนล้านบาท ต่อจาก BEM อีกด้วย โดยฝ่ายวิจัยประเมินราคาเหมาะสมของ CK ด้วยวิธี SUM OF THEPART ให้ราคาเหมาะสมที่ 27.00 บาท
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า มหากาพย์โครงการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ต่อสู้กันยาวนานกว่า 4 ปี ใกล้ได้ข้อยุติวันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย. 67) ศาลปกครองสูงสุดมีนัดอ่านคำพิพากษาคดีพิพาทโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่ BTSC เป็นโจทย์ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562
ข้อหาการเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มรอบ 2 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมีการกำหนดหลักเกณฑ์กีดกันการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ถือเป็นคดีสุดท้ายที่ยังค้างคาอยู่ในศาล
หากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาตามความเห็นของตุลาการผู้แถลงคดี ศาลปกครองสูงสุด ในวันที่ 11 เม.ย 67 ที่ได้ให้ความเห็นว่าควรยกฟ้องตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ก็น่าจะทำให้ รฟม. สามารถเซ็นสัญญากับ BEM ในฐานะที่เป็นผู้เสนอผลตอบแทนสูงสุดให้กับภาครัฐได้ภายในปีนี้
โดยการได้เข้าไปดำเนินการรถไฟฟ้าสายสีส้มของ BEM จะส่งผลบวกอย่างมีนัยสำคัญทั้งในเชิงความต่อเนื่องของรายได้ที่มีสัญญายาว 30 ปี และ SYNERGY ที่เกิดขึ้นจากความประหยัดต่อขนาดในการบริหารรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง รวมถึงการส่งต่อผู้โดยสารให้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินซึ่งเป็นรถไฟฟ้าเส้นทางหลักของ BEM ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเพิ่มจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่จะเกิดขึ้นกับ BEM เท่ากับ 2.00 บาท/หุ้น และได้รวมอยู่ในราคาเหมาะสมของ BEM ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ที่ 11.00 บาท แล้ว
นอกจากนี้ผลบวกยังเกิดขึ้นกับ CK ในฐานะที่ CK จะเข้าไปรับงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกพร้อมงานติดตั้งระบบและจัดหาขบวนรถ มูลค่า 1.09 แสนล้านบาท ต่อจาก BEM อีกด้วย โดยฝ่ายวิจัยประเมินราคาเหมาะสมของ CK ด้วยวิธี SUM OF THEPART ให้ราคาเหมาะสมที่ 27.00 บาท