Wealth Sharing

เตรียมช้อนให้พร้อม! เปิดรายชื่อ 17 หุ้น mai น่าสะสม แม้ในภาวะตลาดหุ้นไทยย่ำแย่


11 มิถุนายน 2567
แม้ในภาวะตลาดหุ้นที่ย่ำแย่ mai ลดลง 11.7% นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน สวนทางกับกำไร mai ที่ยังขยายตัว แต่ Valuation เริ่มน่าสนใจ ล่าสุด P/E ปี 2567 ลงมาที่ 37.8 เท่า จาก 53.3 เท่า ในปี 2566 โดยมีบริษัทหลายแห่งที่น่าสนใจ มีผลกำไรยังเติบโตที่แข็งแกร่ง

WS (เว็บ)_เตรียมช้อนให้พร้อม! copy_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด มีความเห็นว่า ผลประกอบการ บริษัทใน mai ไม่ได้แย่ โดย บริษัท mai มีการรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/67 จำนวน 212 บริษัท คิดเป็น 95.4% จากทั้งหมด 

ทั้งนี้พบว่า 158 บริษัท หรือ 74.5% รายงานกำไรสุทธิได้ และรวมมีกำไรสุทธิ 4,627 ล้านบาท ขยายตัวราว 76.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้ขยายตัวทุกหมวด ขณะที่ความเสี่ยงทางการเงินรวมดูผ่าน D/E อยู่ที่ 0.8เท่า ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนอีกด้วย

ส่วนดัชนี mai ปรับตัวลง 11.7%นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน รุนแรงกว่า SET ที่ลดลง 6.9% ส่วนหนึ่งเกิดจากสภาพคล่องในตลาดที่แห้ง โดยตลาด mai มีมูลค่าซื้อขายต่อวันเฉลี่ยเพียง 1.8 พันล้านบาท ลดลง 18.9% จากปี 2566เนื่องจาก ความไม่มั่นใจในการกำกับดูแลตลาดหุ้น, งบประมาณรายจ่ายภาครัฐที่ล่าช้า, จีน ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าของไทยอยู่ในช่วงฟื้นตัว และยังได้รับผลกระทบทางอ้อมจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ลากยาว 

อย่างไรก็ดี Valuation เริ่มน่าสนใจ ล่าสุด P/E ปี 2567 ลงมาที่ 37.8 เท่า จาก 53.3 เท่า ในปี 2566 และ 68 เท่า ในปี 2565 และมีส่วนลด 17.2% จากช่วงแพร่ระบาด Covid-19 ที่ 45.7 เท่าอีกด้วย

ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงพิจารณากำไรสุทธิ 5 ไตรมาสเพื่อหาหุ้นที่ มี earnings pattern ที่กำลังเปลี่ยนในเชิงบวก โดยบริษัทที่มีกำไรเพิ่มเมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า ติดกัน 4 ไตรมาส จะได้ 4 คะแนนเต็ม (3 ใน 4 ไตรมาสได้ 3 คะแนน และ 2 ใน 4 ไตรมาสได้ 2 คะแนน) พบว่ามีหุ้นคะแนนดีกระจายใน 4 กรอบแนวคิดดังนี้

1.อยู่ในเมกกะเทรนด์ กำลัง disrupt คนอื่น (BBIK KLINIQ MASTER MEB SECURE) 

2.โมเดลธุรกิจเข้มแข็ง มีนวัตกรรม ลูกค้าภักดีสูง (GFC MAGURO MASTER) 

3.มีความยืดหยุ่นสูง ปรับตัวได้เร็ว (SPA TACC SELIC) 

4.อัตราส่วนทางการเงินดีงาม (AU FSMART JPARK MASTER PIMO SELIC SPA TMW TNH XO) 

อย่างไรก็ตามแม้จะให้น้ำหนัก mai ต่ำกว่าตลาด ตามลักษณะ valuation ที่แพงกว่า SET อยู่ 164.3% ก็ตาม ซึ่งเป็นเรื่องปกติของธุรกิจขนาดเล็กที่กำลังเริ่มเติบโต

แต่มองว่าในภาวะตลาดหุ้นที่ย่ำแย่ mai ลดลง 11.7% นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน สวนทางกับกำไร mai ที่ยังขยายตัว โดยมีบริษัทหลายแห่งที่น่าสนใจ มีผลกำไรยังเติบโตที่แข็งแกร่ง, อัตราส่วนทางการเงินเข้มแข็ง, อยู่ในเมกกะเทรนด์ หรือบางบริษัทกำลัง disrupt ธุรกิจอื่นๆอีกด้วย 

สำหรับรายชื่อหุ้น 17 บริษัท คือ กลุ่มหุ้นที่ฝ่ายวิจัยสนใจ ประกอบด้วย AU, BBIK, FSMART, GFC, JPARK, KLINIQ, MAGURO, MASTER, MEB, PIMO, SECURE, SELIC, SPA, TACC, TMW, TNH และ XO 
mai