Talk of The Town
จับตาวันนี้มี 4 ประเด็นใหญ่! นักวิเคราะห์ชี้กดตลาดหุ้นผันผวนต่อ หากเศรษฐาหลุดนายก ดัชนีดิ่งต่ำ 1,300 จุด
12 มิถุนายน 2567
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาด SET เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบระหว่าง 1,310-1,325 จุด โดยนักลงทุนรอติดตามหลายประเด็นสำคัญในวันนี้ ซึ่งประเด็นความไม่แน่นอนภายในประเทศยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทย
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบระหว่าง 1,310-1,325 จุด โดยนักลงทุนในตลาด รอติดตามหลายประเด็นสำคัญในวันนี้ ได้แก่ 1. ด้านการเมือง จากศาลฯ เปิดพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล (นัดฟังคำตัดสิน หรือไต่สวนเพิ่ม) 2. ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐประจำเดือน พ.ค. และ 3. ผลประชุมเฟด และ dot plots
ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วันนี้ (12 มิ.ย.) มีประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม เริ่มกันที่ ศาลปกครองสูงสุด นัดอ่านคำพิพากษาในคดี BTSC บริษัทย่อย BTS ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม กรณีเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติและหลักเกณฑ์คัดเลือกเอกชนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) ให้แตกต่างจากหลักเกณฑ์เดิม
ทั้งนี้ คดีนี้ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง หากศาลปกครองสูงสุดยืนยันคำตัดสินเหมือนกับศาลชั้นต้นที่ตัดสินว่าการเปิดประมูลงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มชอบด้วยกฎหมาย จะเป็นบวกต่อจิตวิทยาการลงทุนของหุ้น BEM และ CK (สายสีส้มจะเพิ่มมูลค่าเหมาะสมให้ BEM 1 บาทต่อหุ้น อย่างไรก็ตามรวมมูลค่าดังกล่าวไว้ในราคาเหมาะสมแล้ว)
ตามด้วย ติดตามการประชุม กนง. คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.5% แต่แน่ให้ดูมติว่าเสียงเป็นเอกฉันท์หรือไม่รวมถึงดูตัวเลขประมาณการ GDP เพราะทั้ง 2 ปัจจัยจะมีผลต่อจิตวิทยาการลงทุนของหุ้นกลุ่มธนาคารรวมถึงกลุ่มไฟแนนซ์
ส่วนประเด็น การเมือง ติดตามกำหนดการศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำตัดสินคดีคุณคุณสมบัติ นาย เศรษฐา หลังนายกเซ็นลงนามคำชี้แจงแล้ว โดยจับตาวันที่ 12 มิ.ย. ซึ่งเป็นปกติที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีการประชุมกันทุกวันพุธ ii)
อีกทั้งการพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล หากผลตัดสินพรรคก้าวไกลไม่ผิด ตลาดหุ้นจะตอบสนองในทางบวกไม่มีความเสี่ยงจากความวุ่นวายทางการเมือง ตรงข้ามหากตัดสินยุบพรรค ตลาดตอบรับในทางลบกังวลกระแสต่อต้านของกลุ่มผู้สนับสนุนแต่ downside จำกัดเนื่องจากไม่มีผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ส่วนกรณีไต่สวนเพิ่มเติมหรือยังไม่พิจารณาจะเป็น Overhang กับ SET ต่อ นายกฯ พ้นตำแหน่ง ดัชนีอาจไหลลงต่ำกว่า 1,300 จุด
ส่วนนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ดัชนีฯ วันที่ผ่าน สะท้อนในทางลบสำหรับ event ของ 12 มิ.ย.ไว้ระดับหนึ่งแล้ว แม้อาจยังไม่ใช่วันที่ชะตา แต่หากออกมาดี ตลาดน่าจะมีการดีดตัวกลับได้ นักลงทุนจึงควรพร้อมซื้อ ถ้ามีเรื่อง surprise เกิดขึ้น หรือพร้อมขาย ถ้าผลออกมาลบมากกว่าที่คาด
ทั้งนี้สรุปทั้ง 3 คดีและคำร้องการเมือง (พรรคก้าวไกล-นายกฯ-นายทักษิณ) วันนี้ ยังไม่น่าจะเห็นผลตัดสิน แต่ผลที่ออกมามีความน่าสนใจว่า นายกฯ จะยังอยู่ในตำแหน่งหรือไม่ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด หากนายกฯ ไม่ผิด (แม้ 2 คดี นั้นจะผิด) เชื่อว่าตลาดหุ้นจะฟื้นตัวกลับมาได้ แต่ถ้าผล (อีก 1-2 สัปดาห์) ออกมาว่านายกฯ ต้องพ้นจากตำแหน่ง ดัชนีฯ มีโอกาสไหลลงไปใกล้ๆ หรือต่ำกว่า 1,300 จุด
ส่วนการประชุม กนง. ในวันนี้ (12) มีแนวโน้มที่ กนง.จะคงดอกเบี้ยไว้ (แม้ ก.คลัง จะออกมาย้ำเรื่องที่ขอให้ธปท. ลดดอกเบี้ย) เหตุผลสนับสนุน ที่ทำให้ กนง. อาจตัดสินใจคงดอกเบี้ย คาดจะเป็นเรื่องเวลาที่ Fed จะเริ่มลดดอกเบี้ย ยังไม่แน่นอน ถ้า กนง.ลดดอกเบี้ย จะไปเพิ่ม policy gap ให้มากขึ้น ปัจจุบันอยู่ที่ 3% (5.5-2.5)
แต่หากไม่ลด ก็ต้องไปดูว่ารัฐบาลจะว่าอย่างไร แต่ถ้า กนง.ลดดอกเบี้ย เราถือว่าน่าจะ surprise แต่ก็อาจไม่ช่วยตลาดในเวลานี้ได้มากนัก เพราะความกังวลด้านอื่นๆ มีผลมากกว่า (เศรษฐกิจชะลอตัว+ปัญหาหนี้ครัวเรือน+การเมือง)
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบระหว่าง 1,310-1,325 จุด โดยนักลงทุนในตลาด รอติดตามหลายประเด็นสำคัญในวันนี้ ได้แก่ 1. ด้านการเมือง จากศาลฯ เปิดพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล (นัดฟังคำตัดสิน หรือไต่สวนเพิ่ม) 2. ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐประจำเดือน พ.ค. และ 3. ผลประชุมเฟด และ dot plots
ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วันนี้ (12 มิ.ย.) มีประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม เริ่มกันที่ ศาลปกครองสูงสุด นัดอ่านคำพิพากษาในคดี BTSC บริษัทย่อย BTS ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม กรณีเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติและหลักเกณฑ์คัดเลือกเอกชนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) ให้แตกต่างจากหลักเกณฑ์เดิม
ทั้งนี้ คดีนี้ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง หากศาลปกครองสูงสุดยืนยันคำตัดสินเหมือนกับศาลชั้นต้นที่ตัดสินว่าการเปิดประมูลงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มชอบด้วยกฎหมาย จะเป็นบวกต่อจิตวิทยาการลงทุนของหุ้น BEM และ CK (สายสีส้มจะเพิ่มมูลค่าเหมาะสมให้ BEM 1 บาทต่อหุ้น อย่างไรก็ตามรวมมูลค่าดังกล่าวไว้ในราคาเหมาะสมแล้ว)
ตามด้วย ติดตามการประชุม กนง. คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.5% แต่แน่ให้ดูมติว่าเสียงเป็นเอกฉันท์หรือไม่รวมถึงดูตัวเลขประมาณการ GDP เพราะทั้ง 2 ปัจจัยจะมีผลต่อจิตวิทยาการลงทุนของหุ้นกลุ่มธนาคารรวมถึงกลุ่มไฟแนนซ์
ส่วนประเด็น การเมือง ติดตามกำหนดการศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำตัดสินคดีคุณคุณสมบัติ นาย เศรษฐา หลังนายกเซ็นลงนามคำชี้แจงแล้ว โดยจับตาวันที่ 12 มิ.ย. ซึ่งเป็นปกติที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีการประชุมกันทุกวันพุธ ii)
อีกทั้งการพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล หากผลตัดสินพรรคก้าวไกลไม่ผิด ตลาดหุ้นจะตอบสนองในทางบวกไม่มีความเสี่ยงจากความวุ่นวายทางการเมือง ตรงข้ามหากตัดสินยุบพรรค ตลาดตอบรับในทางลบกังวลกระแสต่อต้านของกลุ่มผู้สนับสนุนแต่ downside จำกัดเนื่องจากไม่มีผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ส่วนกรณีไต่สวนเพิ่มเติมหรือยังไม่พิจารณาจะเป็น Overhang กับ SET ต่อ นายกฯ พ้นตำแหน่ง ดัชนีอาจไหลลงต่ำกว่า 1,300 จุด
ส่วนนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ดัชนีฯ วันที่ผ่าน สะท้อนในทางลบสำหรับ event ของ 12 มิ.ย.ไว้ระดับหนึ่งแล้ว แม้อาจยังไม่ใช่วันที่ชะตา แต่หากออกมาดี ตลาดน่าจะมีการดีดตัวกลับได้ นักลงทุนจึงควรพร้อมซื้อ ถ้ามีเรื่อง surprise เกิดขึ้น หรือพร้อมขาย ถ้าผลออกมาลบมากกว่าที่คาด
ทั้งนี้สรุปทั้ง 3 คดีและคำร้องการเมือง (พรรคก้าวไกล-นายกฯ-นายทักษิณ) วันนี้ ยังไม่น่าจะเห็นผลตัดสิน แต่ผลที่ออกมามีความน่าสนใจว่า นายกฯ จะยังอยู่ในตำแหน่งหรือไม่ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด หากนายกฯ ไม่ผิด (แม้ 2 คดี นั้นจะผิด) เชื่อว่าตลาดหุ้นจะฟื้นตัวกลับมาได้ แต่ถ้าผล (อีก 1-2 สัปดาห์) ออกมาว่านายกฯ ต้องพ้นจากตำแหน่ง ดัชนีฯ มีโอกาสไหลลงไปใกล้ๆ หรือต่ำกว่า 1,300 จุด
ส่วนการประชุม กนง. ในวันนี้ (12) มีแนวโน้มที่ กนง.จะคงดอกเบี้ยไว้ (แม้ ก.คลัง จะออกมาย้ำเรื่องที่ขอให้ธปท. ลดดอกเบี้ย) เหตุผลสนับสนุน ที่ทำให้ กนง. อาจตัดสินใจคงดอกเบี้ย คาดจะเป็นเรื่องเวลาที่ Fed จะเริ่มลดดอกเบี้ย ยังไม่แน่นอน ถ้า กนง.ลดดอกเบี้ย จะไปเพิ่ม policy gap ให้มากขึ้น ปัจจุบันอยู่ที่ 3% (5.5-2.5)
แต่หากไม่ลด ก็ต้องไปดูว่ารัฐบาลจะว่าอย่างไร แต่ถ้า กนง.ลดดอกเบี้ย เราถือว่าน่าจะ surprise แต่ก็อาจไม่ช่วยตลาดในเวลานี้ได้มากนัก เพราะความกังวลด้านอื่นๆ มีผลมากกว่า (เศรษฐกิจชะลอตัว+ปัญหาหนี้ครัวเรือน+การเมือง)